บท
ตั้งค่า

06 สร้างเรื่อง

.

.

..องศา

แดดตอนเที่ยงกำลังส่องลงตรงหัว เดินมาไม่นานเหงื่อก็แตกไหลน่าหงุดหงิด เคยบอกทุกคนรึยังว่าผมไม่ใช่คนดี ขี้หงุดหงิด ขี้โมโห ขี้รำคาญ ผมว่าผมมีหลายๆ ขี้รวมอยู่ในตัว ..น่าจะรู้กันแล้ว ผมเดินเลี้ยวมาตามทางจนถึงสถานที่นัดพบ ..ไม่บอกก็รู้ว่าพี่มันต้องการอะไร หึ กลัวที่ไหน

ผมเดินผ่านประตูบานใหญ่เข้ามาในพื้นที่ของสนาม ไฟถูกเปิดสว่างอยู่ไม่กี่ดวงเพราะยังไม่มีคนมาใช้ มันก็เลยออกจะสลัวๆ มืดๆ เสียงแผ่นยางใต้รองเท้าบดลงกับพื้นดังเอี๊ยดอ๊าด เส้นวาดวงกลมกับแป้นห่วงเป็นโครงร่างส่วนประกอบของสถานที่ ผมไม่ค่อยถูกกับกีฬาบาสเท่าไหร่ ทั้งที่ใจเคยมีไอดอลเป็นซากุรางิ ฮานามิจิแห่งโรงเรียนโชโฮคุ เพราะทั้งแบด ทั้งกวน แต่แม่งโคตรเก่ง เจ๋งมันทั้งในสนามนอกสนาม

“มาได้สักทีนะมึง” เสียงของไอ้พี่กรลอดมาจากห้องเก็บของด้านใน ..พี่มันมากันแค่สองคน

“พี่ตามผมมา..มีไร”

“ก็มาเคลียร์”

“พี่อยากเคลียร์ไรก็ว่ามา แต่ผมไม่มีนะ” ผมยิ้มแถม

“มึงกวนตีนกู ทำให้กูถูกพี่อคินพี่เรย์หมายหัว”

“พี่ทำตัวเองเปล่าวะ คนเริ่มก่อนก็พี่”

“ใครใช้ให้มึงไม่รู้จักคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้องวะ สัมมาคารวะน่ะรู้จักไหม”

“ผมรู้จักนะ มีด้วย แต่ต้องกับคนที่น่าเคารพ”

“มึงนี่ถ้าไม่ได้เจ็บตัว คงจะไม่เลิกปากดี”

“ก็ถ้าพวกพี่คิดแบบนั้น..ก็จัดมา”

.

.

..โรงอาหาร

..อคิน

บรรยากาศในโรงอาหาร..น่าเบื่อเหมือนเดิม มีแต่ความวุ่นวาย ไหนจะพวกที่ชอบ ‘จ้องมอง’ มันน่ารำคาญที่ทุกคนพยายามจะส่งความรู้สึกของตัวเองมาที่ผม ..มันเลยกลายเป็นนิสัยที่ผมจะหลบเลี่ยงและมองผ่านเลย จนกลายเป็นความ ‘เย่อหยิ่ง’ ที่ใครๆ สรุปว่าผมเป็น ..ไม่ต้องรอให้ใครมาบอก เพราะผมเคยได้ยินมันจากดวงตาหลายคู่ที่ผมเผลอไปสบตา

“เหม่ออะไรครับคุณชายอคิน”

“กูไม่ได้เหม่อ แค่เบื่อๆ”

“จะเบื่ออะไรกันนักกันหนาวะ”

“...”

“งั้นคืนนี้ให้ไอ้เรย์พาไปเที่ยวผับใหม่ของบ้านมันม่ะ ได้ข่าวว่าโคตรดี”

“ไอ้เทป เรื่องเที่ยวนี่มึงไม่เคยพลาดเลยนะ ข่าวไว”

“ก็นิดนึงครับคุณซอล”

“ไอ้กูก็นึกว่ามึงเป็นเด็กดีที่รอแต่พี่..” ผมหันไปมองเมื่อเสียงของซอลขาดหาย ซึ่งก็เพราะไอ้เทปเอามือไปปิดปากของซอลไว้ ผมหัวเราะเบาในลำคอ ..รู้อยู่แล้วว่าเพราะอะไร ไอ้เทปมันแอบชอบฟาร์มานานแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะสารภาพเป็นจริงเป็นจัง ทั้งที่ตัวไอ้ฟาร์เองก็รับรู้ เกมนี้คงต้องรอดูยาวๆ หวังว่าจะไม่นานจนผมเบื่อรอไปซะก่อน

“สรุปคืนนี้ไปผับไอ้เรย์ มึงโอเคไหมเรย์”

“อืม โอเค”

“มึงเตรียมหายเบื่อได้เลยครับคุณชายคิน”

“...” ผมยิ้มบาง ไม่ได้รู้สึกอยากไปสักนิด ..ผมหันกลับไปมองเลยไกลออกไปยังกลุ่มน้องๆ ที่ยืนจับกลุ่มคุยกัน เหมือนมีเรื่องตื่นเต้น

“เดี๋ยวกูไปสืบมาให้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เทปเอียงตัวมาบอกผม

“สมกับที่บ้านเป็นสื่อนะมึงเนี่ย อยู่ในสายเลือดจริงๆ”

“ขอบคุณคุณซอลที่ชมคร๊าบบ ว่าแต่พวกมึงไม่อยากรู้รึไงคร๊าบบบ”

“ก็ไม่” / “ก็อยาก”

“ฟาร์.. อยากรู้ก็บอกว่าอยากรู้ดิวะ ฟอร์มจัด”

“กูไม่ได้ฟอร์ม ก็กูไม่ได้อยากรู้จริงๆ”

“แต่กูรู้ว่ามึงอยากรู้”

“กูบอกว่ากูไม่อยากรู้”

“พวกมึงไม่ต้องเถียงกัน เดี๋ยวกูไปสืบมาบอกพวกมึงเอง แบบ..เล่าลอยๆ ใครอยากรู้ก็ฟัง โอเคนะ”

“รีบไปเลยมึง กูอยากรู้”

เทปลุกจากโต๊ะและเดินฝ่าเข้าไปในกลุ่มน้องปีสอง ทุกคนดูตกใจและรีบเปิดทาง ไม่น่าแปลกใจ เพราะเทปเป็นหนึ่งในกลุ่ม ‘ห้าเทพ’ กลุ่มที่ใครๆ ทั้งอยากและไม่อยากเข้าใกล้ แต่ไอ้เทปก็จัดเป็นคนที่ทุกคนอยากเข้าใกล้ ..ต่างจากผม

“กูรู้ล่ะ” ไอ้เทปจั่วหัวข้อทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ข้างผม “ไม่รู้ไอ้กรกับไอ้ฟิวส์ไปซัดกับใครมา เล่นซะพวกมันสองตัวต้องไปโรงพยาบาล”

“ในมหาลัยเนี่ยนะ?”

“เออ แต่..”

“แต่อะไร พวกมันสองตัวบอกว่าเสมอ ท่าทางอีกฝั่งก็คงอ่วมเหมือนกัน”

“เฮ้อ เดี๋ยวเรื่องได้ถึงหูสภาคณะพอดี อุ้ย.. ไอ้เรย์”

“กูว่าถึงหูสภาคณะล่ะ เพราะมึงเลยไอ้ซอล”

“มึงนั่นแหละ เสือกไปสืบมาแจ้งประธานสภาถึงที่”

“ไอ้เรย์.. กูว่ามึงก็ปล่อยๆ ไปเหอะ เนียนๆ ไป จารย์ไม่รู้หรอก”

“...”

“ว่าแต่อีกฝั่งที่พวกมันไปมีเรื่อง เป็นเด็กคณะเราเปล่าวะ”

“น้องๆ มันเดากันว่าน่าจะใช่”

“ใครวะ”

“ก็น่าจะน้องที่มีเรื่องกับไอ้กรเมื่อวาน”

“เออว่ะ เป็นไปได้”

“เอาไงต่อดีวะเรย์”

“จะให้เอาไง.. ฝั่งนึงอยู่โรงพยาบาล อีกฝั่งนึงไม่รู้อยู่ไหน”

“...”

“เดี๋ยวกูมานะ”

“ไปไหนครับคุณชายคิน”

“ขอไม่ตอบนะครับคุณเทป”

“แล้วคุณจะไม่บอกคุณเรย์หน่อยเหรอครับ” ไอ้เทปทำท่าทางกวนประสาทใส่ผม

“เดี๋ยวกูมานะเรย์ ..พอใจยังคุณเทป”

“โอเคคร๊าบบบบ”

“มึงว่าไอ้คินมันจะรีบไปไหนวะ”

“กูว่าน่าจะไปทำธุระส่วนตัวสักอย่าง”

“ก็น่าจะบอกกันได้นิหว่า”

“มึงเป็นแค่เพื่อนเปล่าวะ แฟนก็ไม่ใช่ แล้วบางทีคนเรามันก็ต้องมีพื้นที่ของตัวเองบ้างป่ะ”

“เรย์..มึงโอเค?”

“กูมีอะไรให้ต้องไม่โอเควะฟาร์ ถามเหมือนกูมีอะไร”

“เหรอ กูก็นึกว่ามึงมีอะไร”

“...”

.

..อคิน

ผมหยิบมือถือขึ้นกดเบอร์ทันที ไม่รู้ทำไมถึงจำเลขสิบหลักของคนแปลกหน้าได้ทั้งที่มันไม่ได้จำได้ง่าย ..เสียงสัญญาณดังอยู่หลายครั้งจนกระทั่งปลายทางรับสาย

[ฮัล.. โหล..]

“...”

[ใคร.. ครับ..]

“...”

[ถ้า.. คุณไม่พูด.. ผม.. จะ..]

“..อยู่ไหน”

[หะ?]

“ตอนนี้อยู่ที่ไหน”

[ทำไม.. ต้องบอก..]

“เจ็บอยู่แล้วยังจะทำเก่งอีก”

ผมได้ยินเสียงหยุดของรองเท้าที่ก่อนหน้านี้มันกำลังลากเดินไปตามพื้น..

[งั้นก็.. หาให้เจอดิ..]

ผมเป่าลมออกปาก ..หยุดคิด ทำไมผมจะต้องออกมาโทรศัพท์หาคนที่เคยเจอกันแค่สองครั้ง แถมยังต้องมานั่งสนใจตามหา.. ทำไม.. “งั้นก็รออยู่ตรงนั้น..”

[อืม.. จะรอ..]

.

..องศา

“อืม.. จะรอ..”

ตอบใครก็ไม่รู้ไปแบบนั้น หวังอะไรอยู่วะ ตอนนี้ก็แค่พาตัวเองไปที่มอไซค์..แล้วก็กลับ แต่ไม่รู้ทำไม อยากจะลองรอดูสักพัก ผมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นพิงหลังเข้ากับกำแพง มีรถเก็บลูกบาสจอดนิ่งอยู่ข้างๆ ..หึ จริงๆ มึงก็แค่เจ็บจนเดินต่อไปไม่ไหวไง ผมขำตัวเองที่ดันเชื่อว่าจะมีใครสักคนมารับ เอาเป็นว่านั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยกลับ..

.

..อคิน

..จะรอ อย่างงั้นเหรอ ท้าทายดีนะ แต่มันง่ายมากสำหรับผม แค่ผมยกหูและเอ่ยปาก ข้อมูลจากบริษัทเครือข่ายโทรศัพท์ก็พร้อมจะระบุโลเคชั่นอย่างแม่นยำของเจ้าของเบอร์ส่งตรงมาที่ผม

“อืม ขอบคุณมากครับ”

[คุณคินไม่ได้เอาไปทำเรื่องเลวร้ายนะครับ?] ลุงชอบ..ผู้ดูแลผมถามซ้ำอีกครั้งด้วยความไม่แน่ใจ ทั้งที่รีบหาสิ่งที่ผมต้องการให้อย่างรวดเร็ว

“ไม่แน่นอนครับ ขอบคุณครับ” ผมวางสายลุงชอบ และขับรถมาจอดที่ทางเข้านอกสนามบาส ฟังจากเสียงเท้าเมื่อกี้ก็น่าจะเป็นที่นี่แน่ ผมเดินเข้าไปด้านในที่มีแสงเพียงสลัว มองไปทั่วพื้นที่กว้างที่ไม่มีจุดอับสายตา ..ไม่มีใครสักคน ผมยังคงเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ ยังมีห้องด้านในของสนามที่ผมต้องไปดู แต่ผมก็เสียเวลาไม่นาน เพราะร่างบางของคนที่ผมตามหากำลังนั่งอยู่ที่พื้นตรงหน้าในจุดที่แสงสว่างสาดเข้ามาแทบไม่ถึง ผมเดินเข้าไปใกล้และมองสำรวจไปทั่วร่าง ..หน้าตาก็ยังดูปกติดี ไม่ได้มีรอยช้ำรอยเลือด เสื้อผ้าก็ยังปกติผิดวิสัยของคนที่เพิ่งซัดกันมา จู่ๆ เปลือกตาที่ปิดสนิทก็เปิดขึ้นใต้กรอบแว่นที่ไม่ได้มีร่องรอยบิดเบี้ยวหรือแตกหัก

“ใช่.. คน.. ที่โทรมา..?”

“ใช่”

คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “ไม่.. อยากเชื่อ.. ว่าจะมา.. แถมยัง.. เป็นพี่..”

“เจ็บตรงไหน”

“ไม่เจ็บ.. สักหน่อย..”

“อย่าปากเก่ง” ผมคุกเข่าลงและปลดกระดุมเชิ้ตขาวออก แต่มันกลับเอามือมาจับกุมมือของผมไว้

“จะ.. ทำไร..”

“อยู่เฉยๆ” มือเล็กกว่าไม่ได้ปฏิเสธผม อาจเพราะหมดแรงที่จะขัดขืน ผมเลยถือวิสาสะปลดกระดุมออกจนเกือบหมดและแหวกเสื้อของน้องมันออกดู ..รอยช้ำเลือดช้ำม่วงถูกวาดเป็นวงแต้มอยู่ทั่วแผ่นอกขาว ผมจับคลำไปที่ตำแหน่งซี่โครง..ดีที่ไม่มีส่วนไหนหัก

“ลุกไหวไหม”

“ไหว..”

“ยังจะเก่ง” ผมหันหลังให้คนตัวบางก่อนจะดึงเอาแขนของคนปากดีขึ้นพาดบ่า และออกแรงดึงเอาร่างของมันขึ้นหลัง

“บอก.. ว่า.. ไหว.. โอยย..”

“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”

“...” ไม่มีเสียงตอบ ผมเลยรีบยันตัวเองขึ้นยืนอย่างช้าๆ เพราะกลัวว่าจะไปสะเทือนเอาคนที่อยู่บนหลัง

“อดทนหน่อย จะพาไปที่รถ”

“มอ.. ไซค์..?”

“ไม่ต้องพูดมาก เจ็บไม่ใช่รึไง” ผมแบกคนร่างบางไปตามทางเพื่อออกจากสนามบาส มันเลิกพูดแต่เปลี่ยนเป็นครางแสดงความเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้รับแรงสะเทือนจากการก้าวเท้าของผม ..ทั้งที่เดินช้าที่สุด เหงื่อเริ่มไหลเพราะอากาศที่ไม่ไหลเวียน คำถามยังผุดอยู่ในหัวตลอดเวลา ..ทำไมแล้วก็ทำไม

“คุณคิน!!” เสียงลุงชอบดังมาจากประตูทางเข้าทันทีที่ผมเดินพ้นระยะเงาของหลังคา “เกิดอะไรขึ้นครับ แล้วคุณคินเป็นอะไรไหมครับ”

“ผมไม่ได้เป็นอะไร”

“งั้น..คนบนหลัง?”

“เขาบาดเจ็บ”

“หว่อง เวย รีบเข้าไปช่วยคุณคิน” ลุงชอบออกคำสั่งกับผู้ติดตาม

“ไม่เป็นไร”

“แต่ว่า..”

“ไม่เป็นไรครับ” ผมย้ำความต้องการ

“ครับ” ลุงชอบ หว่อง เวย และคนติดตามอีกจำนวนหนึ่งเปิดทางให้ผมเดินไปที่รถ “คุณคินจะเอาไงต่อครับ ให้ผม..”

“แค่ช่วยติดต่อหมอ บอกว่าผมจะพาคนไข้เข้าไป”

“ได้ครับ”

“ไม่ต้องรายงานพ่อนะครับ”

“ครับคุณคิน”

“มะ.. ไม่ไป..” เสียงของคนร่างบางดังเบาอยู่ข้างหู ..คงใกล้หมดแรง

“แล้วก็ฝากจัดการเรื่องมอเตอร์ไซค์ของน้องด้วยนะครับ”

“ครับคุณคิน” ลุงชอบและทุกคนโค้งให้ผมหลังจากผมจัดการให้คนตัวบางนั่งบนรถเรียบร้อยและผมขึ้นนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ..บีเอ็มสีดำด้านก็พุ่งตัวออกจากที่มั่นทันที

.

..โรงพยาบาล

“แปลกนะที่คนอย่างนายจะพาใครสักคนมาที่นี่ด้วยตัวเอง”

“...”

“แล้วเรย์ล่ะ ทำไมไม่มาด้วย พวกนายต้องอยู่กันเป็นคู่ไม่ใช่รึไง”

“...”

“เย็นชาจังเลยนะ ไม่รู้ว่าเรย์ชอบคนอย่างนายเข้าไปได้ยังไง”

“เลิกพล่ามสักที..”

“หึ..”

..องศา

เสียงคนคุยกันฟังไม่ค่อยเข้าใจ ใครเรย์ ใครเย็นชา เอาเป็นว่าตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน ผมค่อยๆ ปรือตาเปิดรับแสงสว่างที่ส่องตรงลงมาจากหลอดไฟเหนือหัว ฝ้าเพดานไม่เห็นคุ้น ผมเอียงคอมองไปทางซ้าย..เสาน้ำเกลือ น้ำเกลือของใคร ของผม? ..ขยับมือซ้ายทดสอบ มีอะไรแปะอยู่บนหลังมือ ..พอหันมองไปทางขวา มีคนสองคนกำลังยืนอยู่ไกลๆ ผมไม่รู้ว่าเป็นใคร และหนึ่งในนั้นกำลังเดินตรงมาที่ผม ผมหรี่ตามองตลอดทุกระยะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ไม่ใช่อะไรนะ..คือมันเบลอมากจริงๆ

“ขอแว่น..”

“...” เขายื่นแว่นมาให้ และผมรับมาสวม

“เด็กนายน่ารักดีนะ”

เด็กนาย? ใครเด็กใครวะ ผมเงยหน้าขึ้นมอง ภาพชัดขึ้นทันที คนตรงหน้าคือไอ้พี่ที่ชื่ออคิน ..คนที่รับหมัดเมื่อเช้า แล้วก็เป็นคนที่ไปรับผมมาที่โรงพยาบาล

“ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง” ผมหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างพี่มัน ..คงเป็นหมอ

“ก็.. โอเคขึ้นครับ ไม่ค่อยปวดแล้ว”

“เราต้องขอบคุณพี่อคินเขานะ เขาน่ะใช้ความเป็นคุณคินเพื่อนายเลย”

ฟังแล้วไม่เห็นจะเข้าใจ เอาเป็นว่า.. “ขอบคุณมากครับพี่” ผมสบตาคมเข้มที่มองมา และส่งยิ้มให้ ..รู้สึกดีแปลกๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกผู้อาภัพ ที่วันนึงมีเจ้าชายสูงศักดิ์มาคอยปกป้องดูแล.. ไอ้เชี่ยเก๋า!! ความคิดมึงนั่นแหละที่แปลก

.

..อคิน

“ขอบคุณมากครับพี่” (รู้สึกดีแปลกๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกผู้อาภัพ ที่วันนึงมีเจ้าชายสูงศักดิ์มาคอยปกป้องดูแล.. ไอ้เชี่ยองศา!! ความคิดมึงนั่นแหละที่แปลก) ผมรีบเบือนหน้าหนี เพราะความคิดของคนคนนี้กำลังปั่นป่วนความรู้สึกของผม

“...”

“นายเป็นอะไรไปอคิน น้องเขาขอบคุณ แทนที่จะตอบ นายกลับหันหน้าหนี”

“..ว่าแต่จะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยทันที

“จริงๆ ก็ออกได้เลย ผลเอกซเรย์ก็ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่ต้องนอนพัก แล้วก็กินยาบรรเทาอาการปวด ยาแก้อักเสบ ออ คืนนี้อาจจะมีไข้ หรือว่าจะแอดมิทสักคืนดี..”

“ผมอยากกลับ..”

“โอเค งั้นหมอจะทำเรื่องออกให้”

“ขอบคุณครับ ว่าแต่..เรื่องค่าใช้จ่าย”

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก คุณคินไม่ใจร้ายกับรุ่นน้องที่น่าเอ็นดูอย่างนายแน่นอน”

“!!??” องศาหันหน้ามองผม พร้อมกับสายตาที่มีคำถาม (รุ่นน้องที่น่าเอ็นดู.. หมอเขาหมายถึงกู? เขาเข้าใจอะไรผิดเปล่าวะ) ซึ่งผมเองก็อยากจะตอบองศาไปเหมือนกันว่า..

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วง”

“ขอบคุณครับพี่” (หน้าตาดีแล้วยังใจดีอีกแหะ) องศาไม่ได้จริงใจแค่คำพูด เพราะรอยยิ้ม และดวงตา มันบอกออกมาหมดว่ารู้สึกอย่างที่พูดออกมาจริงๆ

“เดี๋ยวฉันไปส่งที่บ้าน”

“ผมกลับเองได้พี่”

“จะกลับยังไง”

“ก็มอไซค์.. เออใช่ ผมไม่ได้เอามอไซค์มา”

“งั้นก็ตามนี้”

“คร๊าบคร๊าบ” องศาทำหน้าสลด เหมือนเด็กน้อยงอแงที่ทำอะไรไม่ได้อย่างใจ ..ผมเผลอหลุดยิ้ม และเข้าใจว่าตัวเองน่าจะปรับสีหน้าให้กลับเป็นปกติได้ก่อนที่จะมีใครทันสังเกต แต่ผมเข้าใจผิด เพราะผมหันไปสบตาเข้ากับหมอรันที่กำลังมองผมอยู่ แถมยังยกยิ้มขึ้นอย่างผู้กำชัยชนะ

“เอาเป็นว่าถ้ามีอาการอะไรผิดปกติ ก็กลับมาหาหมอนะ แจ้งพยาบาลว่ามาพบหมอรัน” ไม่ใช่แค่พูด หมอรันยังเอามือไปวางบนบ่าขององศาอย่างตีสนิท แถมส่งรอยยิ้มที่ไม่น่าไว้วางใจให้องศา “ออ อคิน ถ้าไงฉันฝากความคิดถึงถึงเรย์ด้วยนะ”

“ฉันไม่รับฝาก ถ้าคิดถึง.. นายก็ควรจะไปหาเรย์เอง”

“ใจร้ายกับฉันตลอดเลยนะอคิน”

“...”

“เบาะรถพี่นิ่มกว่ารถแท็กซี่ตั้งเยอะ”

“...” องศาชวนผมคุยทันทีที่ขึ้นนั่งบนรถด้วยท่าทางที่ใกล้เคียงคำว่าปกติ ต้องขอบคุณยาแก้ปวดนำเข้าที่ทำให้คนข้างๆ หายจากความทรมานลงได้

“เออพี่ จะว่าไป พี่รู้เบอร์ผมได้ไง ..คือผมไม่ค่อยได้แจกเบอร์ให้ใคร”

“...” ผมไม่ได้ตอบ แต่ยื่นมือไปให้คนตั้งคำถามดู ..รอยปากกายังคงทิ้งรอยจางๆ ไว้เป็นหลักฐาน

“เฮ้ย! นี่มันลายมือผม หรือว่าพี่เป็นคนขับรถคันเมื่อคืน..ที่ผมขับรถไปชน”

“ใช่”

“โห โคตรบังเอิญ ว่าแต่ทำไมพี่ถึงโทรหาผม พี่แค่อยากมาช่วย หรือว่า..” ผมชำเลืองมององศา น้องมันทำหน้าตกใจ แถมจู่ๆ หน้าก็ซีด

“หรือว่าอะไร”

“..หรือว่าพี่เปลี่ยนใจจะมาทวงเงินค่าซ่อมรถ”

“จริงๆ ก็น่าสนใจนะ ถ้าไงรวบยอดรวมกับค่าโรงพยาบาลวันนี้ด้วยเลย”

“พี่ล้อเล่นใช่ม่ะ ผมรู้” (ได้โปรดล้อเล่นเถอะน้า) ดวงตาใสใต้กรอบแว่นกำลังมองมา..ช่างสดใส ทั้งความทีเล่นทีจริงแบบนี้ ทำเอาผมอยากทำความรู้จักเจ้าของดวงตาคู่นี้ให้มากขึ้น

“อืม ว่าแต่..ทำไมถึงมีรอยแผลแค่ที่ช่วงตัว” ผมว่ามันแปลก คนเราลองถ้ามีเรื่องกันทั้งที มันก็ต้องทิ้งร่องรอยประวัติศาสตร์ไว้ให้ศัตรูได้อับอายกันบ้าง แต่องศากลับมีแผลแค่ในพื้นที่ใต้ร่มผ้าเท่านั้น

“ผมขอพวกพี่มันไว้ ไม่อยากให้พ่อกับแม่รู้ว่าไปมีเรื่องมา”

“อย่างงั้นเหรอ แต่นายก็เก่งใช้ได้ เล่นเอาสองคนนั้นต้องเข้าโรงพยาบาลไปเหมือนกัน”

“ก็แค่แลกกันแบบแฟร์ๆ ใครใช้ให้พวกพี่มันอ่อนเอง”

“แต่นายก็เจ็บเหมือนกันไม่ใช่รึไง”

“ก็ใช่.. แต่พี่ นี่มันสองรุมหนึ่งเลยนะ”

“เอาเป็นว่าอย่าเก่งให้มันมากเกินไป ถ้าวันนึงเจอของจริงเข้า นายอาจจะไม่รอดเหมือนวันนี้”

“ไม่หรอก ผมว่าผมน่าจะรอดนะ”

“...”

“เพราะว่าผมมีพี่ไง มีเบอร์พี่ ถ้าแค่ผมจะโทรไป..”

“อะไรทำให้นายมั่นใจว่าฉันจะไป”

“ ‘เซ้นส์’ มั้งพี่”

“กับฉัน..ที่นายเพิ่งรู้จัก?”

“ครับ ถ้าผมโทร..พี่จะมาใช่ม่ะ”

ผมหันหน้าไปมององศา เพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน เด็กนี่ต้องการอะไรกันแน่

(ผมว่า..ผมชอบพี่ว่ะ)

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel