บท
ตั้งค่า

05 วันนี้แม่ง!

.

.

..องศา

ผมกะพริบตาเปิดรับแสงร้อนที่บุกจู่โจมทะลุผ่านผ้าม่านลายแมนยู ..ยังอยากนอนต่อ แต่เสียงร้องของนาฬิกาปลุกจากมือถือดังประท้วงลั่นอย่างไม่รู้จักมารยาทอยู่ที่พื้นไม้ข้างฟูก ..เออๆ ตื่นก็ตื่น ผมลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจ พอมองไปรอบๆ ..ไอ้พี่โตยืนตัวคล้ำอยู่ที่หน้ากระจก คิ้วเข้มยกขึ้นข้างนึงและกำลังมองตรงย้อนกลับมาที่ผม

“พี่ทำเก๋าตื่นเหรอ”

“เปล่า นาฬิกาปลุกตังหาก”

“...”

“เออพี่โต ไม่ต้องไปส่งนะ เดี๋ยวหลวงตารอนาน”

“แต่พี่รับปากแปะไว้แล้วว่าจะไปส่ง”

“โตเป็นควายแล้ว กลับบ้านเองได้”

“แต่..”

“นะพี่โต เชื่อเก๋า”

“...”

“อย่าดื้อดิ” ผมลุกขึ้นเดินไปใกล้พี่โต ตบบ่าแบบแมนๆ คุยกันไปหนึ่งที พี่โตหันมามองทำหน้าผิดหวัง ผมเลยกดหน้าดุไปหนึ่งที

“ไม่ดื้อก็ได้คร๊าบพี่ปลาเก๋า”

“ดีมากครับน้องปิ่นโต”

“งั้นฝากล็อกห้องด้วย”

“ศิษย์พี่ปิ่นโตได้โปรดวางใจ”

“ช่วงนี้ติดซีรีย์จีนรึไง”

“ก็นิดนึง”

“ว่าแต่..พี่วางใจได้ใช่ป่ะ แล้วพี่ฝากใจไว้ด้วยได้ไหม”

ผมเผลอหยุดเท้าอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ..เอาแล้วไง “..ศิษย์พี่วางใจได้แน่นอน ประตูจะถูกปิดสนิทอย่างดี มดไม่ได้ออก ยุงไม่ได้เข้า”

“ดีมาก ..แล้วเรื่องที่ศิษย์พี่คนนี้จะขอฝาก..”

“ข้าว่าศิษย์พี่ควรรีบออกเดินทาง ข้าว่าท่านหลวงจีนน่าจะรอนานแล้ว” ผมเดินอ้อมกลับไปดันหลังคนตัวสูงกว่า หนากว่า เข้มกว่า ให้ออกเดินไปที่ประตู ..ไม่รู้จะรอดจากสถานการณ์นี้ได้สักกี่ครั้ง ยิ่งพักหลังไอ้พี่โตก็รุกหนักเหลือเกิน ผมไม่ได้รังเกียจพี่โตนะ ถ้าชอบ ถ้ารัก ต่อให้เป็นเพศเดียวกันผมก็โอเค แต่ผมยังเห็นมันเป็นแค่พี่ไง พี่ที่โคตรสนิท โคตรดี และตอนนี้ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะรับฝากหัวใจของใครทั้งนั้น ..ผมยิ้มหวาน (คิดว่าหวานนะ) ให้ไอ้พี่โตไปหนึ่งที และโบกมือแรง ในที่สุดพี่มันก็ยอมเดินไปตามทางของอพาร์ทเมนท์ ..เฮ้อ อย่าทำให้อึดอัดได้ป่ะวะไอ้พี่โต

“กลับมาแล้วม๊า ป๊าไปไหนอ่ะม๊า”

“ป๊าอยู่ข้างบน ไหว้พระอยู่ กินข้าวก่อนไปเรียนไหมเก๋า”

“ก็ได้นะม๊า”

“งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป”

“เจ๊ เอานมจืดกล่องนึง”

“ได้ๆ”

“เดี๋ยวเก๋าขายเอง ม๊าไปทำกับข้าวต่อเหอะ”

“อืมๆ”

“เอานมอย่างเดียวเหรอพี่” ผมถามลูกค้าประจำที่ยืนรออยู่

“อืม วันนี้มีขนมให้เจ้าตังไปโรงเรียนแล้ว”

“แหน่ะ แอบนอกใจขนมร้านผมเหรอ”

“ก็เจ้าตังมันขอแวะเซเว่นเมื่อวาน เลยได้มาตุนหลายห่อ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ ยังไงร้านติดแอร์ก็น่าเข้ามากกว่าร้านโชห่วยเล็กๆ ร้อนๆ ที่ของก็ไม่ครบ ราคาสินค้าบางอย่างก็สูงกว่า แถมไม่มีโปรโมชั่นสะสมแต้มแลกของให้ดึงดูดใจ จะมีดีก็แค่..

“บุหรี่ซอง..” เสียงห้าวต่ำของชายวัยกลางคนดังแหวกทะลุมา มือของผมที่กำลังล้วงหาเงินทอนในกระเป๋าเก็บตังที่ห้อยอยู่ที่หน้าท้องหยุดชะงักทันที ..มาอีกล่ะ

ผมปรับหน้านิดหน่อย ทอนเงิน และส่งยิ้มให้ลูกค้าคนที่ผมดูแลอยู่ ก่อนจะเดินเข้าไปหยิบสินค้าตามคำสั่งของลูกค้าคนใหม่ ..ผมยื่นมือออกไป “เก้าสิบห้าบาท”

“บอกแม่ว่าลงบัญชี” ดวงตาขุ่นแดงมองตรงมา มันเอียงคอโชว์ลายสักรูปอักขระอะไรสักอย่างที่โคตรข่มขวัญ ซึ่งมันไม่ได้มีผลกับผม

“ของซื้อของขาย จ่ายสดงดเชื่อ ..เบื่อทวง”

มันแสยะยิ้ม “มึงแน่ใจนะว่าจะพูดแบบนี้กับกู”

“แน่”

“ก็ดี ได้ข่าวมานานล่ะว่ามึงเก๋า เคยอัดคนเป็นสิบ ไหนๆ วันนี้กูก็ว่าง ขอดูหน่อยนะว่ามันจริงรึเปล่า”

ผมมันคนจริงอยู่แล้ว ..กลัวที่ไหน ผมเก็บบุหรี่เข้าเก๊ะ ยืนยันหลักการ ยังไงผมก็จะไม่ลงบัญชีให้มันแน่ กับคนอื่นผมโอเคนะ แต่ต้องไม่ใช่กับมัน ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามันเคยเคลียร์บัญชีบ้างไหม จ่ายครบรึเปล่า แล้วม๊ากับป๊าก็ยอมให้มันติดตลอด ไม่รู้กลัวอะไรมัน อาจจะเพราะท่าทางเอาเรื่องของมัน แต่เท่าที่ดู ก็แค่พวกนักเลงดีแต่ใช้กำลัง ..เขาว่าเริ่มก่อนได้เปรียบ ผมเองก็ยึดกฎข้อนี้มาตลอดเลยยกตีนที่คีบแตะขึ้นสูงระดับอก กะว่าจะถีบมันให้กระเด็นไปนั่งจุกอยู่ที่พื้น เอาให้เลิกซ่าเลิกกร่าง ได้ยินว่ามันชอบข่มขู่คนโน้นคนนี้ไปทั่ว หึ คราวนี้แหละมึง ได้หยอดน้ำข้าวต้มแน่ แค่คิดภาพล่วงหน้าก็สะใจแล้ว แต่มันดันไม่เป็นอย่างที่จินตนาการ พื้นรองเท้าของผมไปไม่ถึงตัวมันด้วยซ้ำ เพราะดันมีแรงกระชากของใครสักคนมารั้งผมไว้

“เก๋าพอได้แล้ว!” ผมหันมองเจ้าของเสียงซึ่งเป็นคนเดียวกันกับเจ้าของแรงกระชากที่มาขวางทางผม

“ไอ้พี่โตอย่ายุ่ง! ปล่อย”

“เก๋าใจเย็นก่อน เชื่อพี่”

“จะห้ามเด็กมันทำไมวะไอ้โต”

“ผมขอนะพี่แก้ว น้องมันยังเด็ก”

“นี่ขนาดยังเด็กยังเปรี้ยวขนาดนี้ กูว่ากูช่วยสอนให้มันจืดลงหน่อยดีกว่ามั้ง”

“ไว้ผมสอนมันเองพี่”

“ไม่ต้องมีใครมาสอนกูทั้งนั้น กูมีพ่อมีแม่”

“มี.. แต่คงไม่ได้สอน”

“มึง!!!” ไหนๆ ไอ้พี่โตมันก็ล็อกแขนทั้งสองข้างของผมไว้ ผมเลยจัมพ์ขาจากพื้น ใช้แรงทั้งหมดกระโดดถีบมันด้วยขาคู่ แต่ไอ้พี่โตมันดันไวกว่า ไม่ก็เพราะเสียงม๊าที่ทำแรงส่งของผมแผ่วลง

“หยุดเดี๋ยวนี้นะปลาเก๋า!”

“ออกมาได้จังหวะพอดีเลยเจ๊สม หัดสอนลูกบ้างนะ อย่าเปรี้ยวตีนให้มันมากเกินไป ผมกลัวว่าเจ๊กับผัวจะไม่มีใครคอยดูแลตอนแก่”

“เออๆ ไว้จะสอนมัน ปลาเก๋า..ขอโทษตาแก้วซะ”

“ม๊า! ทำไมเก๋าจะต้องขอโทษด้วย”

“เราผิด..เราก็ต้องขอโทษ แล้วเก๋าก็เด็กกว่า ทำแบบนี้มันไม่ถูก”

“ม๊า!!!”

“ม๊าบอกให้ขอโทษ”

“ไม่ เก๋าไม่ขอโทษ”

“โต.. พาปลาเก๋าไปหลังร้านที”

“ได้ครับอี๊”

ผมโดนไอ้พี่โตหิ้วปีกเข้าบ้าน แน่นอนว่าไม่ง่าย เพราะผมไม่ได้เต็มใจยอมให้เรื่องมันจบลงแบบนี้

“พี่โตปล่อย! ปล่อยดิวะ” ยิ่งผมออกแรงดิ้น ไอ้พี่โตก็ยิ่งรัดผมแน่น

“เก๋าฟังพี่ เก๋าต้องมีเหตุผลดิ”

“เหตุผลเหี้ยไรวะ! ทำไมทุกคนต้องกลัวมันเกรงใจมันขนาดนั้นด้วย มันเป็นเจ้าหนี้รึไงวะ!”

“เก๋า.. พี่แก้วเขาก็เป็นลูกค้าคนนึง ถ้าเก๋าทำตัวแบบนี้ แล้วเขาเอาไปพูดต่อ ลูกค้าก็ไม่อยากมาซื้อของ แล้วแปะกับอี๊จะทำยังไง”

“...”

“เข้าใจใช่ป่ะ”

“เออๆ เข้าใจ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดที่สุด เลือดร้อนกำลังสูบฉีดทั่วตัว ..โคตรหงุดหงิด ทำไมต้องยอมให้กับลูกค้าแบบนี้ด้วยวะ

.

..ปิ่นโต

“เออๆ เข้าใจ” คนเลือดร้อนไม่ได้ยอมสิ้นฤทธิ์สนิท ผมเผลอยิ้มพอมองไปที่หน้าเล็กของคนในอ้อมแขน คิ้วคู่เข้มกำลังยกขมวดใต้กรอบแว่นสีเงิน หน้าหวานน่ามองขนาดนี้ ทำไมถึงได้โหดหัวร้อนขนาดนั้น เอะอะก็จะหาเรื่องให้ได้เจ็บตัวตลอด

“พี่โตปล่อยได้แล้ว” ยิ่งน้ำเสียงหงุดหงิดก็ยิ่งน่าฟัง แถมกล้ามเนื้อของคนตัวบางก็เต็มไม้เต็มแขนพอดีไม่มีส่วนขาดส่วนเกิน

“ขอพี่อยู่แบบนี้อีกสักพักได้ป่ะ เอ้ยไม่ใช่! ..คือเก๋าต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่ออกไปหาเรื่องพี่แก้ว แล้วพี่จะปล่อย”

“อือๆ ก็ได้ สัญญา”

“...” ผมยอมคลายมือออกทั้งที่เสียดาย

“อ่ะ พี่เอามือถือมาให้ เก๋าลืมไว้”

“อือ”

“เลิกทำหน้าบูดแล้วไปแต่งตัว เดี๋ยวสายนะ”

“อือๆ ก็ได้” ในที่สุดปลาเก๋าก็ยอมเดินขึ้นชั้นสองไป แต่กว่าจะยอมใจเย็นลงก็เล่นเอาผมเหงื่อตก ลองถ้าผมกับอี๊ไม่อยู่ คงต้องได้เรียกใช้บริการรถร่วมแน่..แค่ว่าจะขนใครไป

“ดีนะที่โตมาทัน”

“ครับอี๊ ว่าแต่พี่แก้ว?”

“ก็มาทวงเงินเหมือนเดิม ..อย่าบอกปลาเก๋าล่ะ”

“ครับ”

“อี๊ไม่อยากให้ปลาเก๋าไม่สบายใจ”

“อี๊ไม่ต้องห่วงครับ เก๋าจะไม่รู้แน่”

.

.

..มหาวิทยาลัย

..คณะจิตวิทยา

..องศา

หงุดหงิดโว้ย!!

“ทำหน้าเหมือนหมาขี้หักในเลยนะมึง”

“...”

“สงสัยจะหักในจริงว่ะไอ้โด่ง แม่งไม่เถียงสักคำ”

“ว่าแต่มึงเคยเห็นหน้าหมาขี้หักในเหรอวะไอ้ปืน”

“เคยเว้ย”

“หน้ามันเป็นไง”

“ก็หน้าเหมือนไอ้องศาตอนนี้ไง”

“พอๆ พวกมึง เลิกเห่าเป็นหมาได้แล้ว”

“นี่ขนาดพวกกูเห่ากัน มึงก็ยังเสือกฟังรู้เรื่องนะ”

“สัด ก็กูมีเพื่อนเป็นหมาแบบพวกมึงไง เลยต้องฟังให้รู้เรื่อง”

“ว่าแต่เป็นไรวะ”

“ก็เรื่องงี่เง่านิดหน่อย ช่างแม่งเหอะ”

“ขี้เกียจเล่าอ่ะดิ”

“เออ”

“งั้นขึ้นเรียนได้ล่ะ พวกมึงทำรายงานเสร็จแล้วใช่ป่ะ”

“กูเสร็จแล้ว”

“กูก็เสร็จ แต่กูว่ากูลืมอยู่ที่มอไซค์ พวกมึงขึ้นไปก่อน เดี๋ยวกูตามไป”

“ให้พวกกูไปด้วยไหมไอ้องศา”

“ไม่ต้อง กูโตแล้ว ทำไมมีแต่คนเห็นกูเป็นเด็กวะ”

“ก็มึงมันน่าดูแล”

“เอาตีนกูไปดูแลก่อนม่ะ”

“ไม่ล่ะคร๊าบเฮียเก๋า”

“องศา!”

“พอเลยมึงทั้งคู่ ไอ้องศามึงไปเอารายงานได้แล้ว เดี๋ยวได้โดนจารย์เล่นพอดี”

“คร๊าบบบบคุณพ่อโด่ง”

“อ้าว นั่นน้องที่ปากเก่งนิ ใช่ไหมวะไอ้ฟิวส์” เสียงไอ้รุ่นพี่กวนประสาทดังมาจากด้านข้างของลานจอดรถ

“...” ผมไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้หันมอง และก็ไม่ได้สนใจ

“เก่งนักเหรอมึง รุ่นพี่พูดด้วยถึงไม่ตอบ”

“...” ผมก็ยังไม่คิดจะตอบ ..รายงานอยู่ในมือเรียบร้อย ปิดเบาะรถเสร็จพร้อมออกเดิน แต่ไหล่ของผมดันถูกคว้าไว้

“มึงคิดว่ามึงเป็นใคร”

ผมหันไปมองหน้าพี่มัน.. ไม่มีคำพูดเหมือนเดิม

“มึงนี่มัน!” ผมรู้ได้ในวินาทีนั้น ทั้งจังหวะ ทั้งมุมโยกตัวของพี่มัน หมัดกำลังจะลอยมาเข้าที่หน้าผมแน่ๆ แต่มันกลับลอยค้างไม่เฉียดแม้แต่เนื้อแก้มหน้า เพราะมีมือของใครสักคนคว้าข้อมือของพี่มันไว้

“ไอ้กร..” เสียงเย็นดังจากด้านหลัง แต่ด้วยระยะของเสียง..เขาเป็นคนละคนกับเจ้าของมือที่มาหยุดหมัดที่ยังถูกรั้งไว้อยู่ตรงหน้าของผม

“พี่เรย์พี่อคิน!” เพื่อนของพี่กรส่งเสียงเรียกสติ “เอ่อ พวกพี่มาได้ไง”

“ก็ที่นี่คณะ พวกกูก็มาเรียน” พี่ที่ชื่อพี่เรย์ตอบ ผมไม่ได้หันหลังไปมองหรอกนะว่าหน้าตาพี่เรย์เป็นยังไง เพราะตายังมองไปที่หมัด

“นั่นสินะ พวกพี่ก็ต้องมาเรียน ..ไอ้เชี่ยกร มึงยังไม่เอามือลงอีก!”

“คือกู..” นาทีนั้นแหละที่ผมเหลือบไปมองเจ้าของมือที่ยังรั้งหมัดของไอ้พี่กรไว้ ..เขาสูงกว่าผม มองแบบเร็วๆ ก็คือ..หน้าตาดี ตาของคนๆ นี้กำลังมองตรงไปที่หมัดเจ้าปัญหาแบบเย็นชาไร้ความรู้สึก

“พี่อคิน..ปล่อยมือผมเถอะครับ”

..ชื่ออคิน คงเป็นพี่ปีสามไม่ก็ปีสี่ ท่าทางจะมีพาวเวอร์

“คิน ปล่อยมือกรเถอะ” เสียงของพี่เรย์ดังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ คงเพราะขยับเดินเข้ามา ผมเลยมองย้อนหลังไปอีกนิด พี่ที่ชื่อเรย์ก็หน้าตาดีไม่แพ้ไอ้พี่ที่ชื่ออคิน แต่ดูจะอ่อนโยนกว่าหน่อยๆ เพราะไอ้พี่อคินนี่เย็นชาแถมดูจะดาร์กๆ ..ผมยังวิเคราะห์ไม่ทันเสร็จ พี่มันก็โชว์ความโหด บิดข้อมือของไอ้พี่กรแล้วล็อกอ้อมไพล่ไว้ที่หลัง สีหน้าของพี่กรบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด

“อ๊ากก ขอโทษครับพี่ พอดีน้องมันกวน..” พี่อคินบิดแขนของพี่กรมากขึ้น หน้าของไอ้พี่กรก็ยิ่งบอกว่าทรมานมากขึ้น “พี่อคิน ผมขอโทษษษษ ผมเจ็บพี่ ปล่อยผมเถอะ”

“กูเกลียดที่สุดก็คือคนที่เริ่มก่อน”

“แต่น้องมันกวน.. อ๊ากกกกก พี่เรย์ช่วยผมด้วย”

“คิน..!!”

“กูยังพูดไม่จบ”

“...”

“..ยิ่งเก่งกับคนที่เขาไม่คิดจะสู้ กูยิ่งเกลียด”

“อ๊ากกกกกพี่! ผมขอโทษษษษ”

“คินพอได้แล้ว! เดี๋ยวแขนไอ้กรมัน..” พี่อคินดันหลังของไอ้พี่กรสุดแรงจนพี่กรมันกระเด็นลงไปนอนกองกับพื้น น้ำหูน้ำตาพี่กรไหลซึม ..โคตรน่าสงสาร ไม่เหลือฟอร์มกร่างเมื่อกี้สักนิด ผมมองไปที่พี่อคิน ..โคตรน่ากลัว เพราะพี่มันยังหน้านิ่งอย่างกับว่าเมื่อกี้ตัวเองไม่ได้ทำอะไรรุนแรง

“เอาล่ะ ได้เวลาเรียนแล้ว ทุกคนแยกย้าย เรื่องนี้จะจบแค่ตรงนี้ ..ทุกคนเข้าใจใช่ไหม” พี่เรย์หันมองไปที่พี่กรกับเพื่อน สองคนนั้นรีบพยักหน้ารับรู้ ส่วนผมก็พยักหน้าเบาๆ ก็ไม่ได้อยากมีเรื่องตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“งั้นผมไปเรียนก่อนนะ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ รู้สึกว่าตัวเองควรเดินจากไปก่อนเป็นคนแรกในฐานะตัวต้นเหตุ ไม่รู้ทำไมรู้สึกสะใจ รู้สึกดี รู้สึก..

.

..อคิน

(ขอบคุณครับพี่อคิน) เด็กนั่นหันมาสบตาผมก่อนจะเดินจากไป ผมมองตามไปจนสุดปลายหางตา ..คงจำผมไม่ได้ การใส่แว่นไม่ได้ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้นสินะ

“พวกเราก็ไปเรียนกันเถอะคิน”

“...”

“อย่าหาเรื่องอีกล่ะ” เรย์บอกกับน้องทั้งสองคน “รู้ใช่ไหม ว่าถ้าวันนี้พวกนายทำอะไรแบบนั้นลงไป.. เรื่องคงไม่จบง่ายๆ”

“ครับพี่เรย์” (ก็ถ้าพวกพี่ไม่มาเสือก..) ตาของไอ้กรกำลังพูดแบบนั้น

“ผมจะคอยเตือนไอ้กรให้ พี่ไม่ต้องห่วง” (ทีเพื่อนพี่ทำเพื่อนผมเจ็บ แม่งไม่ผิดรึไงวะ!)

(แม่งทำกูอับอายขายขี้หน้า แล้วถ้าไอ้เด็กเหี้ยนั่นไปเล่าให้คนอื่นฟัง.. กูแม่งจะมีหน้าอยู่ในคณะได้ไงวะ!)

(คอยดู กูจะเล่นมึงให้หนัก ในเมื่อทำไรพวกพี่มันไม่ได้ ก็ต้องเล่นมึงนี่แหละ)

“ไปกันเถอะเรย์” ผมตัดบท ..มันไม่สนุกสักนิดที่ผมสามารถอ่านความคิดของใครๆ ได้ แค่ถ้าผมจะมองเข้าไปในดวงตาของคนๆ นั้น..

“คิน ..กูว่ามึงทำเกินไป ไม่เห็นต้องออกตัวแทนน้องคนนั้นขนาดนี้”

“...”

“ทำให้คนอื่นมองมึงไม่ดี..”

ผมมองเลยหลังเรย์ไป “กูคิดว่ากูทำถูก..”

“..งั้นเหรอ”

“...”

“กูก็นึกว่าเป็นเพราะน้องคนนั้นพิเศษสำหรับมึง”

“จะน้องคนไหนก็เหมือนกัน กูบอกแล้วว่ากูไม่ชอบคนที่ลงมือก่อน”

“อืม กูเชื่อมึง ไปเรียนกันเถอะ”

.

..ห้องเรียน

..องศา

“ไปไหนมาวะ โคตรนาน มึงขี่มอไซค์กลับบ้านไปเอารายงานรึไง”

“หรือว่าแวะไปตกส้วมที่ไหนมา”

“พวกมึงแต่ละตัว.. กูมีไรจะเล่าให้ฟัง..” ผมลดระดับเสียงลง เพราะอาจารย์เข้ามายืนหน้าชั้นเรียนแล้ว “..เมื่อกี้กูไปเจอโจทย์มา”

“ใครวะ?”

“..ก็ไอ้พี่ที่แม่งมีปัญหากับกูเมื่อวาน”

“ไอ้พี่กรอ่ะนะ”

“เออ แม่งจะต่อยกูที่ลานจอดรถ”

“เห้ย ไหนดูดิ” ไอ้ปืนจับคางผมเอียงหามุมไปมา “แต่หน้ามึงก็ปกติดีนิหว่า แว่นก็ยังอยู่ดี ไม่มีแผลแตก”

“นั่นดิ”

“..ก็มีคนมาช่วยไว้”

“ใครวะ”

“ชื่อพี่อคิน น่าจะปีสามไม่ก็ปีสี่”

“มึงแน่ใจ?”

“เออดิ แม่งเล่นซะไอ้พี่กรน้ำตาไหล”

“โอ้โหววว กูล่ะอยากปรบมือให้ในความโชคดีของมึง”

“ทำไมวะ”

“ก็ถ้าเป็นพี่อคินของกลุ่มห้าเทพแห่งจิตวิทยา มึงนี่คือโคตะระโชคดีอ่ะ ที่ได้พี่เขามาช่วย มีบุญนะมึงเนี่ย”

“ ‘ห้าเทพ’? พี่มันเป็นจอมยุทธ์รึไง ชื่อแม่งโคตรจะยุทธภพ อยู่สำนักไหน บู๊ตึ๊ง หรือว่าตั๊กม้อ”

ไอ้ปืนตบหลังหัวผมเบาๆ ส่วนไอ้โด่งก็กลั้นขำ “ไอ้สัดองศา.. มึงนี่ไม่รู้อะไรเล้ย กลุ่มพี่มันน่ะมีห้าคน แต่ละคนก็..”

“ทำไม เหาะเหินเดินอากาศ ขี่กระบี่ ปีนหลังคา ท่องยุทธภพไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เอะอะดื่มน้ำชา ป่ะมือกันในโรงเตี๊ยม”

คราวนี้เป็นไอ้โด่งที่ตบหัวบ้าง “มึงดูเรื่องไหนอยู่วะเนี่ย อินฉิบหาย”

“ก็เรื่องปรม..”

“มึงพอเลย ฟังไอ้ปืนพูดให้จบก่อน”

“...”

“มึงๆ” ยังไม่ทันที่ไอ้ปืนจะเล่า เพื่อนที่นั่งอยู่อีกข้างก็สะกิดแขนผม “มีคนฝากมาให้ว่ะ” มันยื่นกระดาษครึ่งเอสี่ที่พับสองทบมาให้ผม ผมเปิดออกอ่านแบบไม่คิดอะไร..

“ตอนเที่ยงพวกมึงไปกินข้าวก่อนเลย ซื้อข้าวไข่เจียวเผื่อกูด้วยกล่องนึง”

“มึงจะไปไหน”

“กูมีธุระ”

“เออๆ ไม่ใช่ว่าหนีกลับก่อน วันนี้มีห้องเชียร์ตอนเย็นนะเว้ย”

“กูรู้ ไม่เบี้ยวหรอก” ..แต่กูไม่รู้ว่ากูจะอยู่ในสภาพเข้าห้องเชียร์ได้รึเปล่านะ

‘..ถ้ามึงเก่งจริง มาเจอกูที่ห้องเก็บอุปกรณ์ สนามบาส เที่ยง’ - กร

.

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel