บท
ตั้งค่า

03 ผมคืออคิน

.

.

“..การสังเกตพฤติกรรม การแสดงออกของผู้สนทนาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะในทุกการกระทำ ไม่ว่าจะการเอียงคอ การมองตา องศาที่ยิ้ม เอาเป็นว่าทุกอวัยวะสามารถบอกเราได้ว่าคนๆ นั้นกำลังคิดอะไร รู้สึกอะไร”

“...”

“นายอคิน เธอเป็นคนเดียวที่เอาแต่เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง เธอกำลังรู้สึกเบื่อการสอนของอาจารย์ ..ใช่ไหม”

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่ได้กำลังรู้สึกเบื่อสักนิด”

“งั้นตอนนี้เธอกำลังรู้สึกอะไร”

“ผมกำลังรู้สึกง่วงครับ”

“ที่เธอง่วงก็เพราะเธอเบื่อไม่ใช่รึไง จะเถียงอาจารย์ทำไม ในเมื่อเธอก็รู้สึกเบื่อจริงๆ”

“ไม่ใช่ครับ ผมไม่เคยรู้สึกเบื่อวิชาอาจารย์ เพราะผมไม่เคยเห็นว่ามันน่าสนใจตั้งแต่แรก”

“นายอคิน..”

“ขอโทษด้วยครับ ผมแค่มองว่า หลายครั้งเราก็คาดเดาความรู้สึก ความคิดของคนอื่นไม่ได้ด้วยแค่จากท่าทาง หรือพฤติกรรม ผมว่าความรู้สึกของคนเราน่าจะแม่นยำกว่าครับ”

“เธอจะหมายถึง ‘เซ้นส์’ สินะ”

“ครับ ก็ประมาณนั้น”

“งั้นบอกอาจารย์หน่อย ว่าตอนนี้อาจารย์กำลังรู้สึกอะไร”

“..อาจารย์กำลังวิตกกังวลครับ อาจารย์กำลังคิดว่า ฉันจะแก้สถานการณ์นี้ยังไง จะชนะผมได้ยังไง ในหัวของอาจารย์กำลังคิดหาทฤษฎีที่จะมาแย้งมางัดกับผม”

“คนอื่นล่ะคิดว่าไง ธีระ.. เธอคิดว่าไง”

“ผมว่าอาจารย์ยังนิ่งอยู่นะครับ สายตาก็ไม่ได้ล๊อกแล๊ก ผมว่าอาจารย์อาจจะคิดแบบที่อคินว่า คือคิดหาทฤษฏีมาหักล้าง แต่ไม่น่าถึงขั้นวิตก เหงื่ออาจารย์ก็ยังไม่แตก ผมคิดงี้ครับ”

“อืม น่าสนใจ อาการของอาจารย์ก็ยังไม่ออก.. ซึ่งถ้าอาจารย์ปฏิเสธว่าอาจารย์ไม่ได้รู้สึกตามที่เธอบอกล่ะ ..จะว่าไง”

“ผมไม่คิดว่าการที่อาจารย์ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกเป็นเรื่องแปลกนะครับ เพราะใครๆ ก็มีโหมดป้องกันตัวเองทั้งนั้น อาจารย์ก็เหมือนกัน”

“เธอยังยืนยันแบบนั้น”

“ครับ และตอนนี้.. อาจารย์ก็กำลัง..โกรธ ปนกับ..รู้สึกผิด? ไม่น่าเลย ฉันไม่น่าไปยุ่งกับนายอคินนี่เลย หาเรื่องแท้ๆ”

“ไอ้คิน! กูว่ามึงชักจะลามปามอาจารย์เกินไปแล้วนะเว้ย (..กูขอเหอะวะไอ้คิน อย่าทำร้ายอาจารย์กวางน้อยผู้น่ารักของกูไปมากกว่านี้เล้ยยยย ดูดิ จะร้องไห้อยู่แล้ว กูไหว้ล่ะ..)”

.................

“..ถ้าอย่างนั้น ผมว่าผมคงเข้าใจผิดไปเอง ต้องขอโทษอาจารย์ด้วยนะครับ”

“..อืม ก็ดี งั้นเรามาเรียนต่อกันเถอะ”

“เป็นไรของมึงวะ กูกำลังลุ้นเลยว่าอาจารย์จะเอาไงกับมึงต่อ”

“กูก็แค่..สนุกพอแล้ว”

“โธ่ สนุกครึ่งๆ กลางๆ ไม่สมเป็นมึง กูก็นึกว่ามึงจะอยากเปลี่ยนอาจารย์ใหม่อีกสักคน สองคนก่อนเจอมึงคลาสเดียวก็ขอแลกเซคแทบไม่ทัน หรือว่า.. เพราะอาจารย์คนนี้ตัวเล็กน่ารักวะ”

“ก็งั้นๆ”

“ก็ดี เพราะถ้ามึงเหล่อาจารย์ขึ้นมา ไอ้เรย์คงไม่เอาอาจารย์ไว้แน่”

“ไม่เกินไปเหรอวะ เรย์ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น”

“หึ มึงก็รู้ไม่ใช่เหรอวะ ไม่ดิ มึงรู้ดีกว่ากูอีก ถ้าแค่มึงจะมองตาของไอ้เรย์มันอีกสักรอบ”

“พอเหอะ กูไม่อยากมองตาใครทั้งนั้น โดยเฉพาะกับคนรอบตัว พวกมึงก็เหมือนกัน”

“ไม่ใช่ว่ามองพวกกูจนทะลุเป็นรูพรุนหมดแล้วเหรอวะ ถึงได้ยอมเป็นเพื่อนพวกกูได้”

“...”

“กูถามจริงๆ นะเว้ย”

“...”

“มึงจะเอายังไงกับไอ้เรย์”

“ก็ไม่ได้จะเอายังไงเปล่าวะ”

“ก็ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกับมัน ..ก็เลิกเออออห่อหมก เลิกให้ความหวังสักทีสิวะ”

“..แต่คนเราอยู่ได้เพราะความหวัง”

“ไอ้เชี่ยคิน..”

“เอาเหอะ เรย์ไม่มีวันเจ็บเพราะกูแน่”

“เออ กูจะรอดู ถ้ามึงทำเรย์มันเจ็บนะ คอยดู กูจะ..”

“จะ?”

“เอาไว้ค่อยคิด หวังว่าจะไม่มีวันนั้นล่ะกัน”

..ผมเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรับผิดชอบกับความคิดความรู้สึกของใครทั้งนั้น ..ความรักก็เหมือนกัน รู้สึกรักเองได้ ..ก็ต้องเลิกรักเองได้ ฟังดูเหมือนผมเป็นคนไร้หัวใจ ผมก็แค่คนที่รักแต่ตัวเอง ดีแค่ไหนที่ผมยังรักเป็น..

“พี่คินคิดอะไรอยู่คะ”

“พี่คิดอะไรเพลินๆ อยู่น่ะ จินมีอะไรรึเปล่า”

“ก็..เรื่องเดิมน่ะค่ะ เมื่อไหร่พี่คินจะเลิกสูบบุหรี่สักที จินไม่ชอบเลย”

“โทษทีนะ แต่พี่คงเลิกไม่ได้”

“อย่างน้อยตอนอยู่กับจินก็ยังดี แล้วนี่พี่คินก็ขับรถอยู่.. มันอันตรายนะคะ”

“..รู้ตัวไหมว่าเราน่ะขี้บ่นเป็นคนแก่” ผมขยี้ผมของจินเบาๆ

“ถึงแก่แต่ก็รักใช่ไหมคะ”

“...” ผมไม่ได้หันหน้าไปมองจิน แต่ก็รู้ว่าจินกำลังมองมาและคิดอะไรอยู่

“พี่คินอ่ะ ไม่เคยตอบสักที”

“...”

“แต่ไม่เป็นไรค่ะ อีกหน่อยก็รักกันเอง”

“อย่างนั้นเหรอ คุณอาบอกมาสินะ”

“ค่ะ คุณพ่อบอกว่า.. มันไม่ยากหรอก ..แค่เข้าหอคืนแรกก็รักกันแล้ว” จินพูดไปบิดลำตัวไป บางทีผมก็หงุดหงิดกับความอ่อนต่อโลกของจิน ค่อนไปทางเบื่อด้วยซ้ำ แต่จินก็ไม่ผิดที่โตมาแบบใสซื่อบริสุทธิ์ตามแบบฉบับลูกคุณหนูทั้งที่ก็ไม่เด็กแล้ว และเอาจริงๆ ผมเองก็เอ็นดูและรักจินเหมือนน้องสาวคนนึง ก็นับว่าเป็นโชคดีของจินที่มีคู่หมั้นเป็นผม ..เพราะผมไม่เคยมองจินในแบบที่ผู้ชายมองผู้หญิง ลองถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น จินคงได้มีประสบการณ์ไปตั้งนานแล้ว ถ้าได้ฟังคำอธิบายว่าจะทำยังไงให้คนสองคนรักกันได้ ..แต่ในส่วนของจิน ผมคงห้ามความรู้สึกของจินไม่ได้ ก็หวังว่าจะมีใครสักคนที่ดีพอมาคว้าหัวใจของจินไป ซึ่งผมโอเคนะ ถ้าจะเป็นใครสักคนระหว่างฟาร์กับซอล หึ แต่ไอ้เทปคงไม่คิดอย่างนั้น

“กรี๊ดดดด!!! พี่คิน!!!!!!!!!!” เสียงของจินหวีดดังลั่นรถ สติของผมถูกกระชากกลับมาให้อยู่กับปัจจุบันทันที ถึงเท้าจะมีปฏิกิริยาทันใจ แต่ก็อดตกใจไม่ได้

“จินเป็นไรไหม” ผมรีบถามจิน

“ไม่ค่ะพี่คิน แค่ตกใจมาก แต่มอเตอร์ไซค์..”

“จินรอพี่อยู่บนรถ”

“แต่..”

“ไม่ต้องลงไปนะคะ รอพี่แป๊บเดียว”

“ค่ะพี่คิน”

ผมรีบลงจากรถ และกดล็อก ถึงจะยังไม่ดึกมาก แต่ถนนเส้นนี้ค่อนข้างเปลี่ยว ใครจะรู้ว่าไอ้มอเตอร์ไซค์ที่ล้มอยู่หน้ารถมันจะมีจุดประสงค์อะไรรึเปล่า

“..โอย โธ่เว้ย! คนยิ่งรีบๆ อยู่”

คนตรงหน้าพยายามงัดขาของตัวเองออกจากน้ำหนักของรถที่ล้มพาด ..คงจะไม่ได้แกล้ง ผมเดินตรงเข้าไปช่วยยกรถขึ้น มีรอยเลือดซึมจากกางเกงที่ปริขาด

“เป็..”

“เอ่อ ขอโทษด้วยนะครับ ผมรีบจริงๆ เลยไม่ได้มอง”

“ผมจะเรียกประกัน”

“คือ ขอพูดตรงๆ เลยนะครับ เคสนี้ผมผิดแน่ๆ และผมก็ไม่มีปัญญาจะซ่อมรถให้คุณ ไหนๆ คุณก็รวยอยู่แล้ว ช่วยอย่าเอาเรื่องผมได้ไหม ปล่อยผมไปเถอะนะครับ” (ปล่อยกูไปเถอะ กูไม่มีตังจริงๆ) ดวงตากลมโตบอกผมแบบนั้น

“..แต่”

คนตรงหน้าคว้าเอามือของผมไปจับกระชับไว้ “นะครับพี่ พี่เองก็หน้าตาดี มีฐานะ ถือว่าสงสารลูกนกลูกกาตัวเล็กๆ ตัวนึง ..เหมือนราชสีห์ที่มีเมตตาปล่อยหนูไป วันนึงผมจะตอบแทนพี่นะครับ ไหนๆ เราก็เรียนอยู่ที่เดียวกัน ผมขอนะครับพี่” (ได้โปรดเถอะ คนอะไรวะหน้าตาหยั่งกับดารา เอาวะ ภาวนาให้แม่งเห็นใจ ขอให้ใจดีสมกับหน้าด้วยเถ๊อะ)

ผมกลั้นขำ.. แทบจะหลุดฟอร์ม “..ก็ได้ แต่..”

“ขอบคุณครับพี่ งั้นผมไปก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวก่อน..”

“เออใช่ ผมชื่อองศา ปีหนึ่งจิตวิทยา” แล้วเด็กนี่ก็ล้วงอะไรกุกกักจากในเป้ ก่อนจะคว้ามือของผมข้างนึงไป.. “นี่ครับเบอร์ผม พี่มีอะไร อยากให้ผมตอบแทนยังไงที่ไม่ต้องใช้เงิน พี่ตามผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมไปก่อนนะครับ ขอบคุณครับ” แล้วคนที่เพิ่งรู้จักกันก็บึ่งมอเตอร์ไซค์จากไปอย่างเร็ว ..ผมมองมือของตัวเอง รอยปากกาหมึกสีน้ำเงินเข้มบนฝ่ามือ มันเป็นตัวเลขสิบหลักพร้อมกับลายเซ็นชื่อ ‘องศา’..

“พี่คินคะ” จินเรียกผมจากในรถ “เขาเป็นอะไรมากไหมคะ”

“น่าจะไม่นะ ยังขับรถได้อยู่”

“ค่อยยังชั่ว ไว้จินจะให้ลุงขวดไปถามดูว่าเจ็บตรงไหนไหม”

“จินรู้จัก?”

“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เคยนั่งรถผ่าน เขาขายของอยู่ในชุมชนข้างๆ น่ะค่ะ”

“..งั้นเหรอ”

“เขาขยันมากเลยนะคะ จินเห็นเขาขายของอยู่หน้าบ้านตลอดเลย”

“งั้นเหรอ”

“ค่ะ เป็นร้านชำเล็กๆ ถึงของจะไม่ครบเท่าเซเว่น แต่ลุงขวดก็แวะไปอุดหนุนประจำเลยค่ะ”

“มีอะไรดีนักรึไง”

“จินก็ไม่รู้หรอกค่ะ เพราะจินรออยู่ในรถตลอด แต่รวมๆ แล้ว จากที่สังเกต อืม เรียกว่ามวลของ ‘เสน่ห์’ ล่ะกันค่ะ มันอวลๆ อบอุ่นยังไงไม่รู้”

“ขนาดนั้นเชียว”

“จริงๆ น้า ถ้าพี่คินไม่เชื่อก็ลองไปใช้บริการดูค่ะ”

“ไว้พี่จะแวะไปลองนะ แต่ตอนนี้เรารีบกลับบ้านกันก่อน เดี๋ยวพ่อของจินจะบ่นเอา”

“มากับพี่คิน พ่อไม่บ่นหรอกค่ะ”

“...” ผมหมุนพวงมาลัยเลี้ยวรถไปตามทาง มอเตอร์ไซค์คันนั้นหายลับไปอีกฝั่งของถนน ..เป็นทางไปชุมชนเล็กๆ ที่ผมไม่เคยย่างกรายเข้าไป ด้วยฐานะระดับผม ไม่เคยสักครั้งที่จะต้องสัมผัสกับความ ‘บ้านๆ’ หรือ ‘ติดดิน’ เว้นแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ครั้งที่ผมถูกตั้งชื่อเล่นใหม่ว่า ‘มะขาม’

.

.

.

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel