องค์หญิงใหญ่ผู้โดดเดี่ยว 1.1
บทที่ 5
องค์หญิงใหญ่ผู้โดดเดี่ยว
เหล่านางกำนัลได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาเหมือนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย “โธ่…พวกข้าก็นึกว่าอะไรเสียอีก ในใจนั้นนึกว่าท่านแม่นมเกิ่งเกิดอุบัติเหตุขึ้น ที่แท้ก็แค่ถูกองค์หญิงกัดนี่เอง” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาแม้ว่าจะดูเป็นห่วง แต่ก็แฝงไปด้วยความสนุกสนานเล็กน้อยที่แม่นมเกิ่งถูกองค์หญิงใหญ่กลั่นแกล้ง
“เจ้าลองมาให้นางกัดดูไหมล่ะจะได้รู้ว่ามันเจ็บเพียงใด” แม่นมเกิ่งกล่าวอย่างไม่พอใจ ใครจะรู้บ้างว่าเวลาถูกเด็กน้อยกัดหัวนมตอนดื่มนมนั้นความรู้สึกเป็นอย่างไร
“เอาเถอะท่านแม่นมเกิ่ง ถึงอย่างไรมันก็เป็นหน้าที่ของท่านจะหลีกเลี่ยงก็ไม่ได้แล้ว” นางกำนัลคนหนึ่งกล่าวขึ้นมา
“ก็ถูกของเจ้า ข้าล่ะอิจฉาพวกแม่นมเกิ่งที่ตำหนักอื่นเสียจริง ๆ โดยเฉพาะแม่นมเกิ่งและข้ารับใช้ที่ตำหนักไฉ่อีของพระสนมหวงกุ้ยเฟย ข้าได้ข่าวว่าองค์ชายใหญ่มีแม่นมเกิ่งถึงหกคน แล้วเหตุใดข้าต้องมาติดอยู่ที่ตำหนักร้างเช่นนี้ด้วยเล่า”
แม่นมเกิ่งกล่าวแล้วก็ได้แต่คิดน้อยใจขึ้นมาว่า ทำไมตนเองถึงต้องมาเป็นแม่นมเกิ่งให้กับองค์หญิงที่ถูกลืมผู้นี้ ในขณะที่แม่นมเกิ่งคนอื่น ๆ ต่างก็มีชีวิตที่ดีกันทั้งนั้น โดยเฉพาะแม่นมเกิ่งที่ตำหนักขององค์ชายใหญ่ที่มีตั้งหกคน อีกทั้งเวลานี้หวงกุ้ยเฟยยังเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทอีกด้วย จะไม่ให้อิจฉาพวกข้ารับใช้ตำหนักนั้นได้อย่างไร
นางกำนัลเมื่อเห็นสีหน้าที่เศร้าสร้อยของแม่นมเกิ่ง จึงรีบเข้ามาปลอบทันที “ท่านแม่นมเกิ่ง ท่านอดทนต่ออีกสักหน่อยเถิด อีกไม่เกินปีสองปี องค์หญิงก็เลิกกินนมท่านแล้ว”
พอได้ยินนางกำนัลบอกแบบนั้น แม่นมเกิ่งได้แต่พยักหน้าเข้าใจ และก้มมองอกตนเองที่ก็ยังคงให้องค์หญิงดูดกินนมต่อไป ถึงแม้ว่าตอนนี้เด็กน้อยจะไม่ได้กัดนมของแม่นมเกิ่งแล้ว แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังคงระแวงอยู่วันยังค่ำ
แท้จริงแล้วองค์หญิงจิ่นซีเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายมาก พอกินนมจนอิ่มท้องแล้วนางก็หลับยาวๆ ที่ผ่านมาร้องไห้ไม่หยุดก็เพราะว่าแม่นมเกิ่งกับนางกำนัลเหล่านี้ไม่ค่อยสนใจจะดูแลนางอย่างที่ควรจะเป็น พวกนางกำนัลมักจะปล่อยให้นางอยู่ในเสื้อผ้าที่เปียกชื้นจากของเสียที่นางปล่อยออกมาตามประสาเด็ก ส่วนแม่นมเกิ่งก็ชอบลืมให้นมนางเมื่อถึงเวลาทุกที จนตอนนี้ร่างกายของนางผ่ายผอมลงมากแตกต่างกับตอนแรกที่คลอดออกมาเหลือเกิน
เมื่อให้นมเสร็จแล้ว แม่นมเกิ่งก็พาองค์หญิงเข้านอน
ความจริงหากเทียบกับตำหนักอื่น นางกำนัลตำหนักที่ถือว่าค่อนข้างสบายคงเป็นตำหนักท้ายวังแห่งนี้นี้ เพราะอยู่กันสี่ห้าคนเพียงเพื่อเลี้ยงเด็กแค่คนเดียว เรื่องอาหารก็เป็นหน้าที่ของแม่นมเกิ่ง ซึ่งพวกนางกำนัลเพียงแค่มีหน้าทีช่วยอาบน้ำ จัดเตรียมข้าวของ ซักเสื้อผ้าขององค์หญิงน้อยก็เท่านั้น สบายถึงเพียงนี้พวกนางก็ยังไม่พอใจกันอีก
หากจะกล่าวว่าผู้ใดรักและเป็นห่วงองค์หญิงใหญ่มากที่สุด ก็เห็นจะเป็นไทเฮาเพียงพระองค์เดียว อาจจะเป็นเพราะองค์หญิงจิ่งซีเป็นพระนัดดาคนแรกของพระนาง อีกทั้งยังเป็นองค์หญิงที่เกิดจากฮองเฮาอีกด้วย หนำซ้ำยังมีชะตาที่อาภัพไม่ต่างไปจากมารดาขององค์หญิง พระนางจึงได้ส่งคนมาคอยดูแลนัดดาอยู่เรื่อย ๆ แต่ทว่าสุดท้ายแล้วคนที่ถูกส่งมาทุกคน ล้วนถูกหวงกุ้ยเฟยซื้อตัวไปในที่สุด
“ได้ยินว่าไทเฮาจะส่งพวกเจ้าไปเป็นนางกำนัลเพิ่มให้ตำหนักท้ายวังอย่างนั้นหรือ” หวงกุ้ยเฟยถามนางกำนัลสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
นางกำนัลทั้งสองก้มหน้ามองรองเท้าตนเองอย่างเงียบ ๆ ไม่กล้ากล่าวอะไร เพราะคำสั่งที่ได้รับมานั้นเป็นคำสั่งจากไทเฮา การขัดขืนคำสั่งของไทเฮานั้นมีโทษหนัก และดูจากท่าทีของหวงกุ้ยเฟยแล้ว คงจะมีเรื่องที่ไม่ดีให้พวกนางสองคนทำเป็นแน่
“ได้ข่าวว่าที่บ้านของพวกเจ้าจำเป็นต้องใช้เงิน เท่าไรอย่างนั้นหรือ คนละสามร้อยตำลึงเงินเพียงพอหรือไม่” หวงกุ้ยเฟยเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยื่นข้อเสนอเรื่องเงินขึ้นมา
นางกำนัลทั้งสองได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย เพราะเงินสามร้อยตำลึงนั้นเพียงพอจะให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบายไปได้อีกหลายปี พวกนางจึงชั่งใจอยู่ว่าจะเลือกหาทางใด ระหว่างทำตามคำสั่งหรือขัดคำสั่งของไทเฮาพร้อมรับข้อเสนอของหวงกุ้ยเฟย
“ต้องขัดคำสั่งของไทเฮาทั้งหมดหรือไม่เพคะ” นางกำนัลผู้หนึ่งถามเสียงสั่น อยากได้เงินก็อยากได้ ห่วงชีวิตก็ห่วง หากไม่ถึงกับขัดคำสั่งทั้งหมด พวกนางก็คงจะรับไว้ได้บ้าง เรียกว่าไม่เสียหายสักทาง มีแต่ได้จากทั้งสองทางเพียงเท่านั้น
“พวกเจ้าไม่ต้องกังวลไป งานนี้พวกเจ้าไม่ต้องขัดคำสั่งผู้ใดทั้งนั้น เพียงแค่เข้าไปปรนนิบัติรับใช้องค์หญิงใหญ่ที่ตำหนักท้ายวังตามปกติ หน้าที่ของพวกเจ้าคือสอดส่องความเป็นไปของที่นั่นแล้วส่งข่าวมาให้กับข้า แล้วก็ทำตามคำสั่งเล็กๆ น้อยๆ ของข้าบ้างก็พอ” หวงกุ้ยเฟยบอกถึงความต้องการของนางทันทีที่ปลาติดเหยื่อ
