บทที่ 5 เลขาใหม่อีกแล้ว ?
“งานเรียบร้อยดีไหม ?”
ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามาในห้อง ชายหนุ่มก็เอ่ยถามถึงเรื่องงานด้วยสีหน้าแววตาจริงจัง บุคลิคที่สื่อออกมาช่างแตกต่างกับรูปร่างหน้าตาภายนอกของเขาอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าตัวเขาเพิ่งจะมีอายุได้ไม่มาก และมีหน้าตาหล่อเหลาที่ดูเป็นมิตรแต่ทว่าตัวตนในที่ทำงานของเขานั้นกลับดูสุขุมและเคร่งเครียดราวกับผู้ใหญ่
“เรียบร้อยดีค่ะบอส วันนี้มีแค่นัดเซ็นสัญญากับบริษัท X ตอนบ่ายค่ะ”
“อืม แล้วส่วนเรื่องอื่นที่ฉันให้ไปติดต่อล่ะ ?”
ร่างสูงพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนจะเดินมานั่งเปิดแฟ้มเอกสารเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
“เอ่อ… คือว่า…”
ถ้อยเสียงตะกุกตะกักของเจ้าหล่อนเลขาดังออกมา ส่งผลทำให้มาร์คที่กำลังนั่งดูเหล่าเอกสารในแฟ้มต้องละสายตาออกจากหน้ากระดาษแล้วสะบัดหน้ากลับมาจ้องตา คิ้วเข้มคมเลิกขึ้น มันไม่ได้เหมือนเขาถามคำถาม แต่ว่ามันเป็นการกดดันอีกฝ่ายต่างหาก
อีกอย่างหนึ่งที่มีอยู่ในหลักสูตรของชายหนุ่มผู้ที่เพียบพร้อมสมบูรณ์อย่างเขามีก็คือ การไม่สามารถทนเห็นอะไรบางอย่างอยู่เหนือการควบคุมของเขา เขามักเป็นคนที่อยากได้อะไรก็ต้องได้ และจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อมันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“ว่ายังไงครับ ?”
ถ้อยคำที่ถามออกไปอย่างสุภาพ ทว่ามันกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล ส่งผลทำให้เลขาของเขายิ่งรู้สึกไม่กล้าจะพูดหรือกระทำสิ่งใดต่อไปอีกแล้ว เหงื่อเม็ดใสไหลผุดซึมขึ้นทั่วกรอบหน้า เพียงแค่ถูกสายตาคมคู่นั้นมองจ้องมาเธอก็รู้สึกราวกับว่ากำลังโดนสัตว์ร้ายฉีกเนื้อเถือหนังตัวเธออยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ด..ดิฉันขอโทษค่ะบอส”
หญิงสาวใบหน้าถอดสีก่อนจะรีบก้มหัวให้ทันทีเพื่อเป็นการขอโทษอีกฝ่าย
“แค่นั้นหรอครับ?”
ถ้อยเสียงเย็นชาเอ่ยกล่าวกับมา ทำคนฟังยิ่งรู้สึกเครียดและกดดันจนไม่กล้าแม้จะหายใจอีกต่อไป ร่างสูงหยัดกายลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินล้วงกระเป๋าไปยืนหยุดที่หน้าต่าง ห้องทำงานของเขาหากจะให้อธิบาย มันดูไม่เหมือนกับออฟฟิศเลยแม้แต่น้อย
เพราะสภาพภายในและการตกแต่งต่างๆนั้นดูหรูหรา และเต็มไปด้วยข้าวของราคาแพงวางประดับอยู่มากมาย ให้อารมณ์เหมือนกำลังอยู่ที่เซฟเฮาส์มากกว่าเสียด้วยซ้ำ ผนังห้องทำงานที่เป็นกระจกทั้งชั้นเผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองหลวงได้อย่างชัดเจน
“ดิฉันพยายามติดต่อแล้วค่ะ แต่เธอไม่ยอมติดต่อหรือตอบกลับมาเลย”
“ผมต้องมาฟังสิ่งที่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วแบบนี้ด้วยหรอครับ คุณเลขา?”
เสียงทุ้มตอบกลับ น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยรังสีอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเข้าใกล้ แล้วถ้าหากมีใครคิดจะต่อรองหรือขัดเขาตอนนี้เข้าล่ะก็ แน่นอนว่าใครคนนั้นคงจะมีจุดจบที่ไม่สวยอย่างแน่นอน หล่อนเองก็รู้ถึงจุดนั้นดี จึงได้แต่ยอมสงบคำลงแล้วก้มหัวขอโทษอีกฝ่ายไปอีกครั้ง
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่รอบครอบเองค่ะบอส”
“งั้นต่อไปผมหวังว่าคุณจะรอบครอบขึ้นนะครับ”
น้ำเสียงทุ้มตอบกลับมาเสียงเรียบเฉย สีหน้าไร้ความรู้สึกก่อนจะล้วงเอาบุหรี่จากเสื้อสูทขึ้นมาจุด
“บอสคะ…”
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงของหล่อนผู้ที่เป็นเลขาหน้าใหม่ของตนอีกครั้ง มาร์คก็ถึงกับหยุดชะงักค้างไปทันที ก่อนที่เรียวคิ้วเข้มทะนงจะเริ่มขมวดเป็นปมเข้าหาดันอีกครั้ง นี่เธอคงอยากจะทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขนาดนั้นเลยสินะ
เสี้ยวหน้าคมที่ตอนนี้ปะปนความรู้สึกหงุดหงิดหันเสี้ยวหน้ากลับไปหาอีกฝ่าย ก่อนจะยังคงสงวนท่าทีไม่แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกไป เพราะไม่อยากจะเป็นปัญหาทีหลัง หากแต่แววตาและสีหน้าของมาร์คนั้นกลับสื่อออกไปจนหมดเปลือกแล้วว่าตอนนี้ด้านในของเขากำลังเริ่มคุกรุ่นขึ้นมามากแล้ว
หญิงสาวที่โชคร้ายได้มาเป็นเลขาของมาร์คเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอีกฝ่ายโดยตรง แม้ว่าหัวใจจะยังคงเต้นระรัว เพราะไม่รู้ว่าหากเธอทำให้ชายหนุ่มตรงหน้านั้นโกรธมากกว่านี้ ชีวิตของตนเองหลังจากนี้จะสงบสุขต่อไปหรือไม่ หล่อนพยายามควบคุมอาการหวาดกลัวทั้งหมดเอาไว้ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเปล่งเสียงออกมา
“ดิฉันขอยื่นใบลาออกค่ะ”
“...”
มาร์คไม่ได้พูดอะไรกลับไป หากแต่ยังคงมองมาที่เธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยดังเดิม
นี่มันไม่ใช่ครั้งแรกสักหน่อย ตัวของเขาเจอกับเหตุการณ์นี้มาหลายครั้ง ส่วนตัวชายหนุ่มเองก็ไม่ได้นึกเสียดายเท่าไหร่นัก เพราะรู้สึกว่ายังไม่ค่อยพอใจกับเลขาคนนี้เท่าไหร่
ท้ายที่สุดก็เป็นฝ่ายของอดีตเลขาสาวเองที่ทนไม่ไหวต่อความกดดันและบรรยากาศแสนอึดอัด เจ้าตัวรีบยื่นซองขาวก่อนจะก้มหัวให้แก่ชายหนุ่มอีกทีแล้วรีบสาวเท้าเล็กๆเหมือนจะร้องไห้ออกไป
“เฮ้อ.. ต้องหาเลขาใหม่อีกแล้ว”
โปรดติดตามตอนต่อไป ...อ่านจบคอมเม้นท์ให้ไรท์ที
