บทที่ 3 - เงาที่ถูกซ่อนเร้น
คืนที่สองหลังจากการพบกับหลิวจิ้ง
หลี่หลินนั่งอยู่หน้าผืนผ้าไหมที่ยังไม่ได้วาดภาพ รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างค้างคาอยู่ในใจ แม้จะพยายามปล่อยวางเรื่องของเหวินหลง แต่ภาพของเขายังคงปรากฏอยู่ในความคิดของนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
“ข้ากำลังทำอะไรอยู่กันแน่...” นางพึมพำกับตัวเอง ขณะใช้พู่กันแตะหมึกสีดำอ่อนแล้วลากลงบนผืนผ้าไหมอย่างเชื่องช้า
ภาพที่เริ่มปรากฏออกมาเป็นเงาร่างสูงของชายหนุ่มที่นางคุ้นเคย ยืนอยู่ท่ามกลางเงาอันมืดมิด และมีแสงจันทร์สาดส่องลงมาจากด้านบน
ทันใดนั้น เสียงแผ่วเบาและอบอุ่นดังขึ้นจากด้านหลังของนาง
“เจ้า... ยังไม่หลับอีกหรือ?”
หลี่หลินสะดุ้งเฮือก ร่างกายของนางแข็งทื่อ ขนลุกเกรียวกราวเมื่อได้ยินเสียงนั้น เสียงที่คุ้นเคยแต่ก็แปลกประหลาดในเวลาเดียวกัน
นางหันกลับไปมอง และพบกับเงาร่างของเหวินหลงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ราวกับเขาได้เดินผ่านความมืดออกมาจากภาพวาดของนาง
“เจ้า...” นางพูดด้วยเสียงสั่น “เหตุใดเจ้าถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่...”
“เพราะเจ้าคิดถึงข้า...” เหวินหลงตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ทุกครั้งที่เจ้าวาดภาพข้า มันเป็นการเรียกข้าให้มาหาเจ้า”
หลี่หลินมองเขาด้วยความประหลาดใจ นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป แต่ภาพของเหวินหลงกลับดูสมจริงเกินกว่าจะเป็นเพียงภาพหลอน
“ข้าไม่เข้าใจ...” นางเอ่ยอย่างสับสน “เจ้าเป็นเพียงภาพในความฝันของข้าเท่านั้น...”
“บางทีความฝันอาจเป็นสิ่งที่มีจริงมากกว่าที่เจ้าคิด” เหวินหลงกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้นาง “เจ้ามีความสามารถในการเชื่อมต่อกับข้าได้ ไม่ใช่เพียงแค่ผ่านภาพวาด แต่ผ่านจิตวิญญาณของเจ้าเอง”
“จิตวิญญาณ...” หลี่หลินทวนคำราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เจ้ากำลังบอกว่าข้ามีพลังพิเศษงั้นหรือ?”
“ใช่...” เหวินหลงพยักหน้า “เจ้าอาจไม่รู้ตัว แต่เจ้าเป็นผู้ที่สามารถมองเห็นเงาที่มีชีวิตได้ สิ่งที่เจ้าคิดว่าเป็นจินตนาการ แท้จริงแล้วคือพลังที่ซ่อนอยู่ในตัวเจ้า”
หลี่หลินนิ่งงัน คำพูดของเหวินหลงทำให้นางรู้สึกถึงบางสิ่งที่เก็บซ่อนอยู่ภายในใจตลอดมา
“ข้าคือเงา... เงาที่ถูกคำสาปให้มีตัวตนเพียงในยามราตรีเท่านั้น” เหวินหลงกล่าว น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความเศร้า “ข้าถูกพันธนาการให้หลงอยู่ในความมืด ไม่อาจสัมผัสกับแสงสว่างได้”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงต้องการพบข้า...” นางถามอย่างลังเล
“เพราะเจ้า...คือผู้เดียวที่สามารถปลดปล่อยข้าได้” เหวินหลงตอบ ดวงตาของเขาจับจ้องมาที่นางอย่างแน่วแน่ “เจ้ามีบางสิ่งที่สามารถทำลายคำสาปนี้ได้”
“แล้วข้าต้องทำอย่างไร...” หลี่หลินถามอย่างจริงจัง
“ข้าไม่รู้...” เหวินหลงกล่าวพร้อมกับส่ายศีรษะ “ข้ารู้เพียงว่าเมื่อเราได้พบกัน คำตอบจะปรากฏขึ้นเอง”
นางมองเขาด้วยความสับสนและความหวังที่ผสมปนเปกัน รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดึงดูดให้เข้าสู่โลกที่นางไม่เคยรู้จักมาก่อน
“เจ้าจะต้องช่วยข้า...” เหวินหลงกล่าวพร้อมกับยื่นมือออกมาทางนาง “โปรด...อย่าทิ้งข้าไว้ในความมืดอีกเลย”
หลี่หลินมองมือของเขาด้วยความลังเล แต่ในที่สุดนางก็ยื่นมือไปจับมือของเขา ความอบอุ่นที่นางรู้สึกได้จากการสัมผัสนั้นทำให้หัวใจของนางเต้นแรง
“ข้าจะช่วยเจ้า...” นางกล่าวเสียงเบา “ตราบเท่าที่ข้าสามารถทำได้”
“ขอบคุณ...” เหวินหลงยิ้มอย่างอ่อนโยน ดวงตาของเขาฉายแววแห่งความหวัง “ข้ารู้ว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
เช้าวันรุ่งขึ้น
หลี่หลินตื่นขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ภาพของเหวินหลงยังคงตราตรึงอยู่ในความคิดของนาง
นางนั่งอยู่หน้าภาพวาดที่เสร็จสมบูรณ์ ดวงตาจับจ้องที่ภาพของเขาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน
“เจ้าเป็นเพียงภาพในความฝัน... หรือเป็นสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริง” นางพึมพำกับตัวเอง
แต่ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร นางรู้ดีว่าตัวเองไม่อาจละทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้กับเขาได้
“ข้าจะช่วยเจ้า...” นางย้ำคำพูดนั้นกับตัวเอง ก่อนจะเริ่มวาดภาพใหม่ ภาพที่นางหวังว่าจะนำพาเหวินหลงไปสู่แสงสว่าง
