5. ไปด้วยแบบงง ๆ
ทางด้านบุญญิสา ได้เดินตาม ออกัส ไปยังรถที่จอดอยู่ เขาจัดการเอากระเป๋าเดินทางของเธอไปไว้ที่กระโปรงท้ายรถ แล้วก็หันมาสั่งให้เธอขึ้นรถ
สายตาของเขาดูเฉยชา ขาดความเป็นมิตร จนเธอไม่อยากจะร่วมเดินทางไปด้วย แต่จำต้องก้าวขึ้นไปนั่งเคียงคู่กับคนขับหน้าขรึมนั้นอย่างอึดอัด
ออกัส เปิดเพลงเบา ๆ ให้กับผู้โดยสารสาวไทยได้ฟังไปด้วย แต่คนฟังไม่ได้ซาบซึ้งไปกับบทเพลงสากลนั้นเลย เพราะแปลไม่ออก ภายในรถไม่มีเสียงพูดคุยอะไรทั้งสิ้น
บุญญิสา อยากจะส่งภาษาถามเขาอยู่เหมือนกันว่า เมื่อเช้าเขาขับถ่ายมาหรือยัง ทำไมหน้าตาจึงไม่รับแขกที่เป็นคนไทยอย่างเธอเช่นนี้ แต่ก็เกรงว่าเขาจะฟังคำถามของเธอไม่ออก และที่สำคัญเธอไม่แน่ใจว่าผู้ชายคนนี้จะยินดีตอบคำถามเธอหรือไม่ เขาวางมาดขรึมตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันแล้ว
ดุจเดือน บอกว่า อีตา ออกัส อายุย่างยี่สิบห้าปี แต่ทำไมถึงได้ทำท่าเหมือนกับหนุ่มใหญ่วัยหมดฮอร์โมนไปได้ก็ไม่รู้
บุญญิสา เสียอีก ที่แม้จะมีอายุย่างสามสิบ แต่เธอก็ยังทำตัวสดใสร่าเริงให้เป็นสาวอายุแค่ยี่สิบเท่านั้นเอง ซึ่งไม่รู้ว่าเพราะเหตุนี้หรือเปล่า ที่ทำให้บุญญิสา ดูเป็นสาวสดใสที่มีหน้าตาอ่อนวัยกว่าเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน คนส่วนใหญ่ที่เห็นหน้าตาของบุญญิสา ก็มักจะเดาว่าอายุแค่ยี่สิบทั้งนั้น
รถได้เลี้ยวเข้าไปในสถานที่ร่มรื่นแห่งหนึ่ง บุญญิสาทันได้อ่านป้ายชื่อ “แฮกลีย์ปาร์ค” เธอชักแปลกใจ ทำไมอีตาออกัส จึงพาเธอมาที่สวนสาธารณะแห่งนี้ หรือว่า พอลลาร์ด รอเธออยู่ที่นี่ พอคิดเช่นนี้บุญญิสา ก็ค่อยสบายใจหน่อย แต่เมื่อเขาขับรถมาจอดที่ใต้ร่มไม้แล้ว เธอก็เห็นเขาดับเครื่องยนต์ ลดกระจกรถลง แล้วก็ปรับเบาะรถเอนลงนอนหน้าตาเฉย
“นี่คุณ!..ทำอะไรเนี่ย”
บุญญิสา ถามเสียงดัง ไม่เข้าใจพฤติกรรมของผู้ชายฝรั่งคนนี้เอาเสียเลย
“ไม่เห็นรึไงว่าคนกำลังนอน..ผมขอเวลางีบสักหนึ่งชั่วโมง ส่วนคุณจะออกไปเดินเล่นหรือจะเอนเบาะนอนก็ตามใจ”
เขาตอบมาด้วยภาษาอังกฤษที่รัว และเร็วเป็นรถด่วนเหมือนเคย แต่บุญญิสา ก็พอจะเดาออก
เธอไม่เข้าใจเลย ทำไมอีตานี่ ถึงได้มาจอดรถนอน เหมือนคนที่อดหลับอดนอนมาแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่เขาถึงจะไปส่งเธอหาพอลลาร์ด เสียที พอจะคิดเรียบเรียงตั้งคำถามเป็นภาษาอังกฤษเพื่อสื่อสารกับเขา ก็เห็นเขาหลับใหลไปเสียแล้ว
“อีตาบ้าเอ๊ย..ฉันยังไม่ทันจะเปิดคำแปลเลย”
บุญญิสา บ่นพึมพำด้วยภาษาไทย เธอนั่งจ้องหน้าคนที่นอนหลับตาด้วยความรู้สึกเซ็ง
แต่จะว่าไปอีตาฝรั่งนี่ ก็หล่อไม่เบาทีเดียว ถ้าเพียงแต่จะพูดจาดี มีมนุษยสัมพันธ์ กับ บุญญิสา เสียหน่อย เขาจะดูเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์กว่านี้มาก เธอคิดว่าเขาเป็นพระเอก ฮอลลีวู้ด ได้สบายเลยนะเนี่ย
บุญญิสา ละสายตาจากหนุ่มหล่อในรถ หันไปกวาดตามองออกไปนอกรถ ก่อนจะเปิดประตูรถออกมาสูดอากาศยามเช้าของเมืองไครส์เชิร์ช พอเห็นดอกไม้สวย ๆ ที่บานสะพรั่งหลากสีสันอยู่ตรงหน้า ก็ไม่รอช้า รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปชื่นชมด้วยความปลอดโปร่งใจ ลืมความขุ่นข้องหมองใจไปได้ชั่วคราว
เธอเดินสำรวจไปเรื่อย ๆ อย่างมีความสุขจนมองไปเห็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ เธอทราบจากป้ายที่เขียนบอกไว้ว่าแม่น้ำนี้ชื่อ เอว่อน เธอนั่งลงกับพื้นหญ้าเขียวขจี ทอดอารมณ์มองสายน้ำที่เหมือนลำคลองนั้น ทำให้คิดถึงเมืองไทยที่จากมา
ตอนที่อยู่บนเครื่องบิน บุญญิสา ไม่ได้หลับสนิทเลยเพราะอีตาฝรั่งอ้วนที่นั่งข้าง ๆ นั่น คอยแต่จะกรนสู้ดน้ำลายให้เธอผวา พอมาเวลานี้ได้นั่งอยู่ในสวนธรรมชาติมีลมพัดเอื่อย ๆ เย็นสบายก็ทำให้อยากนอนสักงีบ
“น่าจะเอนเบาะนอนในรถกับอีตาออกัส นั่น”
เธอนึกอิจฉาคนที่นอนหลับสบายอยู่ในรถ แต่เธอก็คงจะทนอึดอัดนอนคู่กับเขาอยู่ในรถไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอนอนตรงนี้ก็แล้วกัน”
เธอบอกกับตัวเอง ก่อนจะล้มตัวนอนตะแคงไปบนพื้นหญ้านั้น และเธอก็ไม่รู้ว่านอนไปนานเพียงใด จนกระทั่งได้ยินเสียงคุ้นหูของใครคนหนึ่งดังขึ้น
“อยู่นี่เองตามหาซะตั้งนาน..เชิญลุกขึ้นได้แล้วคุณบุญญิสา”
บุญญิสา สะดุ้งตื่นรีบลุกขึ้นนั่ง หันไปมองก็พบว่าอีตาออกัส กำลังยืนเก๊กหน้าหล่อมาดขรึมน่าหมั่นไส้ให้เห็น
บุญญิสา ลองส่งยิ้มให้เขาไป เผื่อว่าเขาจะเปลี่ยนจากหน้าขรึม มายิ้มให้เธอบ้าง แต่เธอกลับเห็นเขาส่งสายตาดุดันมาให้แทน พร้อมกับคำพูดที่ฟังคล้ายคำสั่งให้เธอเดินตามเขาไป
“คุณชายเย็นชา..ไม่เมื่อยหน้ารึไงนะ”
บุญญิสา แอบบ่นพึมพำด้วยภาษาไทย แต่คนที่เดินนำหน้าก็ยังอุตส่าห์ได้ยิน เขาหันมาทำตาเขียวใส่เธอ บุญญิสาจึงต้องรีบก้มหน้าก้มตาเดินแซงหน้าเขาไปที่รถ เธอไม่อยากจะเห็นเขาทำหนาดุใส่ เหมือนกับเขาเป็นครูฝ่ายปกครอง
เมื่อขึ้นรถเรียบร้อย ออกัส ก็ยื่นถุงบางอย่างส่งให้โดยไม่พูดไม่จา บุญญิสา จึงรับมาด้วยสีหน้างง ๆ แต่เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นอาหารการกิน พวกแซนวิช ขนมปัง พร้อมขวดน้ำ เธอหันไปกล่าวขอบคุณเขาเบา ๆ
“ถ้าหิวก็กินซะ เพราะผมต้องพาคุณเดินทางอีกไกล”
เขาบอก ก่อนจะขับรถออกไป
บุญญิสา ฟังไม่เข้าใจ จึงไม่ได้ติดใจสงสัยแต่อย่างใด เธอคิดเพียงว่าเขากำลังจะพาเธอไปพบกับพอลลาร์ด ในไม่ช้านี้
รถวิ่งไปตามถนนที่สะอาดตา และโล่ง สองข้างทางดูเงียบสงบ มองเห็นแม่น้ำสายเล็ก ๆ ผ่านกลางเมือง มีโบสถ์ขนาดใหญ่สวยงามให้เห็นด้วย บุญญิสา จึงมัวแต่ชื่นชมทัศนียภาพด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เมืองนี้ดูเงียบสงบไม่พลุกพล่านเลย หรืออาจจะเป็นเพราะว่ายังไม่ถึงเวลาที่ผู้คนจะออกมาเดินเล่นกันก็ได้ ผู้โดยสารสาวเพลิดเพลินอยู่กับภาพถนนหนทางในเมืองได้เพียงไม่นาน คนขับรถหน้าขรึมก็พาออกนอกเมือง โดยที่เขาไม่ได้พูดหรืออธิบายอะไรให้รับรู้เลย ทุกอย่างเธอต้องมองเอง สังเกตเอง แล้วก็เดาเอาเองด้วย
