4. ถามให้แน่ใจ
ดุจเดือน วางโทรศัพท์แล้ว ก็เดินไปหาโจเซฟ ที่ห้องครัว สามีของเธอตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้ภรรยาได้รับประทานเหมือนทุกครั้งที่เขากลับมาบ้าน
โจเซฟ ทำงานอยู่ที่เมืองเวลลิงตัน ที่เดียวกับ พอลลาร์ด แต่โจเซฟ จะบินกลับมาหาภรรยาที่เมืองโอ๊คแลนด์ ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์
อาหารเช้าวันนี้ เขาเอาใจภรรยาด้วยการทำไก่อบ ทั้งที่ปกติ อาหารเช้าจะเป็นขนมปังปิ้งทาแยม หรือไม่ก็คอนเฟล็กซ์ใส่นมแบบง่าย ๆ แต่เพราะได้ยินภรรยาบ่นอยากกินไก่อบ เขาจึงสนองความต้องการของเธอตามประสาคนรักและเอาใจใส่ภรรยา
“ที่รัก!..พอลไม่ได้ไปรับโบว์ที่สนามบิน”
ดุจเดือน ฟ้องสามีที่กำลังจะจัดไก่ใส่จานพร้อมกับมันฝรั่งอบ
“พอลเป็นคนรับปากคุณกับโบว์ไม่ใช่หรือว่าจะไปรับเอง ทำไมถึงเบี้ยวไม่ไปล่ะ”
โจเซฟ ก็แปลกใจเช่นกัน
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่เขาให้ออกัสไปรับแทน”
“ออกัส..” โจเซฟ ทำหน้าเหมือนนึกไม่ออก
“ก็ออกัส ที่คุณเคยบอกว่าเป็นลูกชายประธานบริษัท ที่ว่าเพิ่งเรียนจบจากอเมริกา มาทำงานที่บริษัทคุณไงคะ”
“อ๋อ..ออกัสนั่นเอง..เอ๊ะ..แต่ผมไม่เห็นว่าพอล กับ ออกัส จะสนิทกันเลยนะ แล้วออกัส ไปรับโบว์ได้ยังไง”
“ฉันถึงได้งงอยู่นี่ไงคะ..ออกัส บอกว่าพอล เป็นคนมอบหมายให้เขาไปรับเพื่อนฉันที่สนามบินค่ะ เห็นว่าพอลติดธุระสำคัญอะไรก็ไม่ทราบสิคะ..คุณพอจะรู้ไหมว่าพอลเขามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ดุจเดือน ลองถามสามีดูก่อนเพื่อเป็นข้อมูล
“ไม่มีนี่..เขาเคลียร์งานไว้หมดแล้วก่อนที่จะลาพักหนึ่งเดือน”
โจเซฟ บอก มือก็สาละวนจัดแต่งอาหารให้น่ากินไปด้วย
“แล้วเขามีปัญหาอะไรของเขานะ พอฉันโทรไป เขาก็พูดจาแปลก ๆ” ดุจเดือน ทำหน้าเครียด
“ไม่เอาน่าที่รัก..อย่าทำหน้าซีเรียสแบบนี้สิทูนหัว เดี๋ยวแก่เร็วนะ..ปัญหาของพอล เดี๋ยวเขาก็จัดการเองแหละ คุณบอกเองไม่ใช่หรือว่าออกัส ได้รับมอบหมายจากพอล ให้ไปรับโบว์ แทน ป่านนี้ผมว่าโบว์ ก็คงจะได้เจอกับพอลแล้วล่ะ เอาไว้เราทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ค่อยโทรเช็คเพื่อนคุณ”
โจเซฟ พูดให้ภรรยาสบายใจ ดุจเดือน จึงคลี่ยิ้มออกมาได้ หันไปช่วยสามียกจานช้อนไปวางที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายจากความเครียดไปได้
ดุจเดือน รู้จักโจเซฟ ครั้งแรก เมื่อครั้งที่โจเซฟ ไปเที่ยวเมืองไทยที่พัทยากับเพื่อน ๆ และช่วงนั้นดุจเดือนก็กำลังอกหักจากหนุ่มรุ่นพี่ที่คบหากันมาสามปี แต่เขากลับไปมีผู้หญิงคนใหม่ทิ้งให้เธอเศร้าเสียใจแทบตาย จนบุญญิสา ต้องคอยเฝ้าจับตาดูเพื่อนเอาไว้เกือบยี่สิบสี่ชั่วโมง เพราะเกรงว่าดุจเดือนจะฆ่าตัวตาย
บุญญิสา พาดุจเดือน ไปสงบสติอารมณ์ที่ทะเลโดยเลือกชายหาดพัทยา เป็นที่รักษาแผลใจให้เพื่อน
“ธรรมชาติของท้องทะเลจะทำให้แกดีขึ้น”
บุญญิสา บอกดุจเดือนเช่นนั้น ดุจเดือน นั่งเหม่อมองท้องทะเลตั้งแต่บ่ายจรดค่ำ พอบุญญิสา จะดึงกลับที่พักก็ไม่ยอม ต้องพาเจ้าหล่อนเดินเลียบชายหาดในยามเย็นไปถึงค่ำอีกด้วย แล้วก็ได้เรื่องเมื่อโจเซฟ กับเพื่อนมาเดินเล่นแถวนั้นพอดี เพื่อนปากไม่ดีของโจเซฟ ดันพูดขึ้นมาว่า
“เฮ้!..ยูเท่าไหร่”
มันเป็นภาษาอังกฤษที่คุ้นหูอยู่แล้ว สองสาวจึงเข้าใจ และถือเป็นคำพูดที่ดูถูกกันอย่างร้ายกาจ
“เฮ้ย!..พวกฉันไม่ใช่อีตัวนะโว้ย..มาถามหมา ๆ แบบนี้ได้ไงวะ”
ดุจเดือน จากที่เซื่องซึมเหงาหงอย กลายเป็นแม่สาวปากจัดขึ้นมาทันทีด้วยความโกรธ เธอเดินกำมือส่ายอาด ๆ ไปหาฝรั่งตัวโตสองคนที่ยืนมองด้วยความงง ๆ นั้น อย่างไม่กลัวเกรง สองคนนั้นถึงจะฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่อง แต่ก็เดาออกจากกริยาท่าทางเอาเรื่องของดุจเดือนได้ดีทีเดียว
“เมื่อกี้นายใช่ไหมที่ถามค่าตัวพวกฉัน”
ดุจเดือน หันไปแหงนหน้าจ้องตาโจเซฟ ที่หน้าซีดปากสั่นด้วยความกลัวสาวไทยใจกล้าอย่างดุจเดือน
“โน โน..”
โจเซฟ รีบโบกมือส่ายศีรษะไปมาไม่คิดว่าสาวไทยจะดุน่ากลัวขนาดนี้ ดุจเดือนจึงหันไปหาเพื่อนเขาที่ยืนยิ้มแหย ๆ อยู่ข้าง ๆ อย่างสงบเสงี่ยม
“จำไว้..ไอ้บ้ากาม..อย่ามองว่าผู้หญิงที่มาเดินชายหาดพัทยา จะมีอาชีพขายตัว..เข้าใจไหม”
ดุจเดือน ชี้หน้าสองหนุ่มทีละคนด้วยน้ำเสียงห้วนดังลั่นชายหาด แววตาถลึงดุดันน่ากลัวก่อนจะดึงแขนบุญญิสาออกไปจากบริเวณนั้น ทิ้งให้โจเซฟมองตามหลังด้วยความทึ่ง
ซึ่งเรื่องนี้ โจเซฟ มาสารภาพตอนหลังว่า เขารู้สึกประทับใจสาวไทยในบทบู๊นี้มาก จนอยากจะจับดุจเดือน ปล้ำทำเมียที่ริมชายหาดให้สมกับความดุดันของเจ้าหล่อน
ต่อมาทั้งคู่ก็มาพบกันที่ห้องอาหารของโรงแรมในตอนเช้าอีก พอโจเซฟ รู้ว่าดุจเดือน พักที่เดียวกัน โจเซฟ จึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปกล่าวขอโทษเพื่อสานสัมพันธ์ ทั้งที่ดุจเดือนนั้นภาษาอังกฤษไม่ได้กระดิกหูเอาเสียเลย ครั้นจะหันไปหาบุญญิสา ที่มาด้วยกันให้ช่วยแปล แต่แม่เพื่อนรักนั้นภาษาอังกฤษก็อยู่ในขั้นวิกฤตหนักพอ ๆ กัน ไม่มีใครช่วยใครได้เลย
ทั้งสองสาว จึงสื่อสารกับโจเซฟ ด้วยภาษามือเหมือนคนที่เป็นใบ้คุยกัน ซึ่งโจเซฟ ดูจะเข้าใจภาษามือมากกว่าคำพูดที่สองสาวพยายามจะสื่อสารเสียอีก แต่คนจะเป็นเนื้อคู่กันแล้ว มันก็ต้องมีเหตุการณ์ให้สานสัมพันธ์กันจนได้ เมื่อแฟนเก่าของดุจเดือน ก็พาผู้หญิงคนใหม่มาพักที่เดียวกัน แถมยังแสดงความสวีทต่อหน้าต่อตาดุจเดือนให้ช้ำใจอีกด้วย ครั้นเมื่อโจเซฟแสดงความสนใจดุจเดือนขึ้นมา เธอจึงไม่รอช้าที่จะเล่นหูเล่นตาแทบจะจูบปากโจเซฟ โชว์แฟนเก่าเสียเดี๋ยวนั้น เพื่อให้แฟนเก่าได้รู้ว่า เธอนั้นไม่ได้แคร์ผู้ชายหลายใจอย่างเขาแม้แต่น้อย
และโจเซฟก็เป็นฝรั่งฉลาดเสียด้วย ที่ดูออกว่าดุจเดือนกำลังเล่นละครตบตาประชดแฟนเก่า เขาก็เลยช่วยเต็มที่ มีการจับมือถือแขนดุจเดือน จนฝ่ายนั้นทนไม่ได้ต้องพาแฟนใหม่หนีไปเล่นบทเลิฟซีนที่อื่น
สุดท้าย ดุจเดือน กับ โจเซฟ ก็แลกอีเมลไว้ติดต่อกัน โจเซฟ กลับประเทศของเขาไปแล้วก็ส่งข้อความมาจีบเธอต่อ ทำให้ดุจเดือน ต้องเดือดร้อนเปิดดิกชันนารีจนตาแฉะ กว่าจะแกะได้แต่ละคำด้วยความยากลำบาก จนเธอต้องตัดสินใจไปเรียนพิเศษภาษาอังกฤษ โดยมีครูฝรั่งอย่างโจเซฟเป็นแบบฝึกหัดให้เรียนรู้อยู่ทุกวัน
กระทั่ง วันที่โจเซฟ ขอแต่งงาน ดุจเดือนก็ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล เมื่อได้ข่าวว่าแฟนเก่าก็จะแต่งงาน เธอจึงเร่งให้โจเซฟแต่งก่อนได้สำเร็จ และบินมาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองเวลลิงตัน กับสามี ก่อนที่จะย้ายมาซื้อบ้านอยู่ที่โอ๊คแลนด์ เมื่อไม่นานมานี้
เหตุที่ดุจเดือน อยากจะมาอยู่ที่โอ๊คแลนด์ ทั้งที่สามีก็ทำงานอยู่ที่เวลลิงตัน ก็เพราะว่าดุจเดือนมาเที่ยวที่โอ๊คแลนด์
แล้วชอบบรรยากาศเมืองอ่าวของที่นี่ ที่มีอ่าวจอดเรือทั้งสองฝั่งของเมือง ผู้คนในเมืองนี้ก็มาก ทำให้รู้สึกว่าคึกคักมีชีวิตชีวา มีจำนวนคนมากกว่าเมืองอื่น ๆ รวมทั้งวิวทิวทัศน์ก็สวยงามมีย่านดาวน์ทาวน์ มีถนนควีนส์ให้เธอได้ช้อปปิ้ง แถมยังมี “วิคตอเรียปาร์กมาร์เก็ต” ที่คล้ายกับสวนจตุจักรในกรุงเทพฯ ช่วยให้เธอรำลึกความหลัง เมื่อครั้งที่ใช้ชีวิตอยู่เมืองไทยที่มักจะไปเดินดูของกับบุญญิสา ที่สวนจตุจักรบ่อย ๆ
แต่เหตุผลที่สำคัญให้ตัดสินใจก็คือการที่ได้พบกับสุรีย์เพื่อนรุ่นพี่ที่มาเปิดร้านอาหารไทยอยู่ที่โอ๊คแลนด์ ทำให้เธออยากจะมีเพื่อนคลายเหงา
เมื่อสุรีย์ ชวนเธอมาทำงานเป็นแคชเชียร์ที่ร้านด้วย เธอจึงรบเร้าสามีให้มาซื้อบ้านอยู่ที่โอ๊คแลนด์
โจเซฟ ตามใจภรรยา เขายอมซื้อบ้านเก่าต่อจากเจ้าของเดิม และมาตกแต่งใหม่ เพื่ออยากเอาใจภรรยา เพราะหากไม่ทำตาม ดุจเดือนขู่ว่าจะกลับไปอยู่เมืองไทย
“มีแต่คนเขาอยากจะอยู่กับสามี แต่ทำไมเดือนถึงหาเรื่องแยกกันอยู่กับสามีแบบนี้ล่ะไม่กลัวโจจะนอกใจหรือไง”
มีหลายคนที่ร้านอาหารชอบตั้งคำถามนี้กับดุจเดือน
“เป็นเทคนิคในการครองเรือนจ๊ะ”
เธอตอบแบบนี้เสมอ แต่ก็ไม่ได้อธิบายให้ใครได้รับรู้ เธอคิดเรื่องนี้ด้วยตัวเองว่าการที่สามีภรรยาอยู่ด้วยกันเห็นหน้ากันทุกวันโอกาสที่จะเบื่อหน่ายกันจึงมีสูงมาก การที่แยกกันอยู่ไปมาหาสู่กันอาทิตย์ละครั้งแบบนี้เธอคิดว่าจะทำให้ชีวิตคู่ของเธอยืนยาว จะได้เหมือนกับความรักหวานชื่นเป็นคู่รักที่คิดถึงกันอยู่เสมอ
แต่ใช่ว่าเธอจะปล่อยปละละเลยไม่สอดส่องดูความประพฤติของสามีเสียเมือไหร่ ดุจเดือนคอยแอบเช็ค
โจเซฟ อยู่บ่อย ๆ โดยไม่ให้เขารู้ บางครั้งเธอก็แอบเดินทางไปหาเขาที่เวลลิงตันบ่อย ๆ โดยไม่บอกกล่าวให้เขาได้รู้ตัวล่วงหน้า และทุกครั้งก็ไม่มีอะไรผิดสังเกต เธอจึงไว้ใจเขาพอสมควร
