บท
ตั้งค่า

4.เด็ดเดี่ยว (ต่อ)

*** ทักทายคร้า ***

รถคาดิลแลคสีดำวิ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุในเวลากลางวัน ภายในรถเงียบกริบ เดวิชและเบนนิชมองไปข้างหน้า ทั้งสองต่างนั่งเงียบมาตลอดทาง อิศรายังคงนั่งนิ่งใบหน้าคมเรียบเฉย หากในความเรียบเฉยนั้นองครักษ์ทั้งสองรู้ดีว่า ใครที่บังอาจลูบคมรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตชวาลาเป็นศัตรูกับชีคหนุ่มผู้ที่ได้ฉายาเหยี่ยวเวหา ผลลัพธ์ที่ต้องพบเจอคือร่างต้องไร้ซึ่งวิญญาณ

“เราคงต้องพักกันที่โอเอซิสข้างหน้าครับ” เดวิชหันไปบอกผู้เป็นนาย อิศราพยักหน้า

“ให้ทหารพักผ่อนให้เต็มที่ พรุ่งนี้พวกเขามีหน้าที่ต้องปกป้องพื้นทรายที่ชนรุ่นหลังทิ้งไว้ให้เป็นมรดกของพวกเขา” อิศราก้าวลงจากรถ เอ่ยเสียงเรียบมองทหารที่กำลังตั้งกระโจม

“พรุ่งนี้ทุกคนจะทำหน้าที่ปกป้องพื้นทรายด้วยชีวิตครับ” เบนนิชยกมือขวาขึ้นแตะตราสัญลักษณ์ของรัฐอย่างภาคภูมิใจ

“ถ้าพรุ่งนี้อันบาอิสไม่ตาย รัฐชวาลาจะไม่มีเอเมียร์ชื่ออิศราอีกต่อไป”

ทั้งเดวิชและเบนนิชมองแววตามุ่งมั่นของชีคอิศราอย่างภาคภูมิใจในตัวผู้นำ เขาสองคนคิดไม่ผิดที่ได้อารักขาชีคผู้เปี่ยมไปด้วยความเข้มแข็ง กล้าหาญ และเมตตากับทุกชีวิตที่อยู่ภายใต้การปกครองของชวาลา

ข่าวความเคลื่อนไหวของกองกำลังเหยี่ยวเวหาไม่สามารถเล็ดลอดสายตาของอันบาอิสไปได้ ภายในกระโจมใหญ่ที่มีเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ที่ทันสมัยตั้งอยู่บนโต๊ะ ร่างสูงสง่าด้วยวัยห้าสิบสองของอันบาอิสยืนนิ่งฟังลูกน้องรายงาน สายตาของผู้สูงวัยที่มากด้วยประสบการณ์มองออกไปในท้องทะเลทรายที่ร้อนระอุด้วยไอแดด แววตาเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ และยังแฝงความอ่อนโยนอยู่เช่นกัน

“ตอนนี้กองกำลังของชีคอิศราหยุดตั้งค่ายที่โอเอซิส ห่างจากเราประมาณห้าสิบกิโลเมตรครับ” ตัสมินรายงานจบแล้ว แต่อันบาอิสยังคงนิ่งเงียบ

“เจ้าคิดว่ายังไงฟายุป” อันบาอิสหันมองน้องชายด้วยแววตาเยือกเย็น

“ชีคอิศราต้องการจะถอนรากถอนโคนพวกเรา”

“ถ้าเกิดอะไรขึ้น เจ้าสองคนแจ้งข่าวให้อณิมากลับมาดูแลเผ่าเบดูอินแทนข้า” อันบาอิสบอกเสียงเรียบเหมือนไม่สะทกสะท้านกับความตายตรงหน้า

“ท่านพี่ทำไมพูดแบบนี้” ฟายุปอุทานอย่างตกใจ

“พี่น้องเราทุกคนจะต้องไม่เสียชีวิตมากไปกว่านี้แล้ว” อันบาอิสบอกพลางมองสบตาฟายุป

“อย่าลืมที่ข้าบอก มีเพียงอณิมาเท่านั้นที่จะช่วยพวกเราให้หลุดพ้นจากความอดอยากได้” หัวหน้ากองโจรผู้ยิ่งใหญ่บอกด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“เราจะต่อสู้ด้วยกันท่านพี่”

“ไม่! ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะต่อสู้กับชีคอิศรา เตรียมคนของเราให้พร้อมตัสมิน บอกทุกคนพรุ่งนี้ถ้าไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามลงมือ”

อันบาอิสบอกเสียงเข้มขณะจ้องมองฟายุปและตัสมิน

“ครับ” ตัสมินรับคำ ก่อนจะโค้งคำนับอย่างนอบน้อมแล้วก้าวออกจากกระโจม

อันบาอิสยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกล…คงถึงเวลาที่ต้องจบชีวิตเร่ร่อนเสียที ถ้าหนึ่งชีวิตแลกกับความอยู่รอดของคนทั้งเผ่าได้เขาก็ยินดี

แสงแรกของดวงอาทิตย์ทาบทับแนวสันทราย อิศรายืนมองพระอาทิตย์ดวงโตที่กำลังเคลื่อนตัวพ้นขอบสันทรายเบื้องหน้าอย่างสงบ มนตร์ขลังและเสน่ห์ของพื้นทรายยังคงมีอยู่ตลอดเวลา

ใบหน้าคมเข้มยังคงเรียบเฉย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่จะยกนิ้วเรียวจ่อที่ริมฝีปากได้รูปแล้วเป่าลมออกไป

ปริ๊นๆ ๆ ๆ

เพียงไม่นานเงาของนกอินทรีคู่ใจก็ปรากฏขึ้น อิศรายื่นแขนออกไปด้านหน้า อินทรีทะเลทรายตัวใหญ่บินทะยานเกาะลำแขนอย่างคุ้นเคย เสียงร้องเฟี้ยวแหลมยาวของเจ้านกยักษ์ทักทายผู้เป็นนายอย่างรู้ภาษา

“ไงคาร์ เจ้าสบายดีไหม” อิศราเอ่ยถาม มันส่งเสียงตอบกลับอย่างเข้าใจ มือใหญ่ไล้ปีกเจ้าคาร์อย่างเอ็นดู อินทรีทะเลทรายส่งเสียงร้องสองสามครั้งเหมือนต้องการบอกอะไรสักอย่าง และมีเพียงอิศราเท่านั้นที่รู้

“ขอบใจในคำอวยพรของเจ้า” อิศราบอกพลางยิ้มให้ ท่อนแขนกำยำยกขึ้นสูง ปีกใหญ่ของคาร์กางออกก่อนจะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ฝุ่นทรายฟุ้งตลบลอยขึ้นสะท้อนกับแสงอาทิตย์ อันบาอิสมองอย่างสงบ ด้านหลังมีกองกำลังของชนเผ่าเบดูอินยืนเรียงรายหลายสิบคน รถของกองกำลังเหยี่ยวเวหาจอดนิ่งอยู่ไม่ไกล ทหารยืนเรียงแถวหลังผู้เป็นนาย ชีคอิศราจ้องมองอันบาอิส สายตาคมของทั้งคู่สบกันอย่างประเมินท่าที

“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะชีค” อันบาอิสเอ่ยทักทายอย่างไม่เกรงกลัว

“ถ้าท่านกล้าที่จะเจรจา เราคงได้พบกันเร็วกว่านี้” อิศรากล่าวอย่างเยือกเย็น

อันบาอิสหัวเราะเสียงดัง

“ต่างคนต่างอุดมการณ์ ทางรัฐทอดทิ้งเราให้ต้องอดอยาก พวกเราจึงออกมาเรียกร้องสิทธิ์” รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าที่ปกคลุมไปด้วยหนวดเคราของอันบาอิส

“หากวันนี้ท่านยอมเจรจา เรายินดีที่จะรับฟัง” ดวงตาทั้งคู่ประสานกัน

“พวกเราไม่เคยได้รับความเป็นธรรม หลายร้อยชีวิตอยู่อย่างลำบาก ชีคอัลฟาร์จาหลอกให้พวกเราเข้าเป็นพลเมืองของรัฐเพื่อความเป็นปึกแผ่นของตัวเอง พอแผ่นดินมั่นคงก็ไม่เคยดูแลพวกเราเหมือนที่เคยสัญญาไว้…”

“ท่านเข้าใจอะไรคลาดเคลื่อนไปหรือเปล่า ท่านพ่อไม่เคยทอดทิ้งประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าไหนก็ได้รับการดูแลเท่าเทียมกัน”

“แล้วทำไมถึงปล่อยให้เผ่าของเราต้องเร่ร่อนและอดอยาก หรือว่าพวกเราอยู่ไกลเกินพันธะสัญญา” อันบาอิสถามเสียงหนักและแฝงไปด้วยความเจ็บปวด

“แม้จะไกลสุดหล้า แต่ดวงตาแห่งความปรานีของพระผู้เป็นเจ้าก็ยังคงมองเห็นเสมอ” อิศรามองทุกคนด้วยแววตาที่ปรานี

“แต่พวกเราไม่เคยได้รับ” อันบาอิสบอกอย่างขมขื่น เมื่อนึกถึงภาพพี่น้องในเผ่าต้องล้มตายเพราะความหิวโหย

“แล้วทำไมไม่ส่งเรื่องขอความช่วยเหลือเข้าไปในวัง”

“ที่แล้วมาเราเรียกร้องมาตลอดเวลา แต่ไม่มีผลอะไรเลย มาวันนี้เราต้องการที่จะแยกดินแดนอาบาการ์ของเราออกจากชวาลา” อันบาอิสประกาศกร้าว

“ท่านเองก็รู้นี่นาว่าการก่อตั้งรัฐไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ง่ายๆ ทุกอย่างต้องพร้อม ไม่ว่าเรื่องปากท้องของประชาชน เงินสนับสนุน และกำลังทหาร” อิศราบอกอย่างใจเย็น

“อำนาจที่ได้จากความอดอยากของพวกเรา ท่านต้องชดใช้!” ฟายุปยืนอยู่หลังอันบาอิสตะโกนบอกอย่างเคียดแค้น

“วันนี้เราไม่ต้องการเสียเลือดเนื้อ ท่านกับเราต้องสู้กันอย่างลูกผู้ชาย” อันบาอิสเดินออกมาด้านหน้าบอกอิศราอย่างท้าทาย อิศรามองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน ร่างสูงสง่าก้าวออกมาด้านหน้า ทั้งเดวิชและเบนนิชต่างก็มองอย่างเป็นห่วง

**** ****

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel