
บทย่อ
เมื่อเข้าใกล้ศัตรูที่ฆ่าบิดา อณิมาก็ไม่ลังเลที่จะล้างแค้น แต่ศัตรูที่เธอเกลียดแสนเกลียด ใช้หัวใจลบล้างความผิด ทำให้เธอต้องล้างแค้นทั้งๆ หัวใจเจ็บแสนเจ็บ “ลาก่อนค่ะ” อณิมาบอกเสียงแผ่วเบา ยกกริชแทงลงบนอกซ้ายหมายจะเอาชีวิต หากร่างสูงที่คิดว่าหลับสนิทกลับลุกขึ้นยกมือรับกริชไว้ พร้อมบิดข้อมือบางเบาๆ กริชก็ตกลงบนพื้น ก่อนจะพันธนาการร่างบอบบางไว้แนบอก ดวงตาคมเข้มฉายแววดุดัน อณิมานิ่งงันและเริ่มดิ้นรนขัดขืนเมื่อตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “โอ๊ย!” ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นเพราะความเจ็บ “ถ้าจะลงมือฆ่าศัตรูให้ตายอย่าลังเล เพราะคุณอาจจะพลาดและไม่มีโอกาสอีกเลย” อิศรากระซิบบอกเสียงลอดไรฟันจนคนฟังขนลุก ร่างเล็กถูกตวัดให้ล้มนอนลงบนเตียงนุ่ม พร้อมกับร่างสูงขึ้นคร่อมร่างบอบบางเอาไว้ “แอบเข้ามารอถึงในห้อง” อิศราเอ่ยด้วยน้ำเสียงรื่นเริงคล้ายพอใจ “ปล่อย!” คำสั่งของหญิงสาวไม่ได้รับการปฏิบัติ อิศราก้มหน้าเข้ามาใกล้ ปากชิดปาก ลมหายใจเป่ารดใบหน้ากันและกัน “หมดเวลาของคุณแล้วที่รัก ต่อไปเป็นเวลาของผมบ้าง” ดวงตาคมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตากลมโตคู่หวาน มือใหญ่ปลดกระดุมชุดดำรัดรูปออกช้าๆ “คุณจะทำอะไรน่ะ อย่านะคะ” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าถ้ามีลูกสักสามสี่คนคุณยังอยากจะฆ่าผมแล้วปล่อยให้ลูกกำพร้าพ่อหรือเปล่า” อิศรากล่าวเสียงเข้มแล้วกอดกระชับร่างบอบบางแน่นขึ้น อกอวบอิ่มเบียดเข้ากับอกกำยำของอีกฝ่ายถนัดถนี่จนไม่มีช่องว่าง “ความคิดสกปรก เลว!” ต่อว่าเขาขณะดิ้นเต็มแรง อิศราประทับรอยจูบลงอย่างไม่รีรอ เขาค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นจูบซับความหวานอย่างแผ่วเบา อิศราถอนริมฝีปากออก ดวงตาจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลม อณิมาสูดลมหายใจแรง “คุณจะเป็นของผมทั้งกายและใจ อณิมา” นั่นคือประกาศิตของหัวใจที่ชีคอิศราประกาศกร้าว…เพราะเธอคือหัวใจ…
1.บทนำ
*** ทักทายคร้า วันนี้เปิดเรื่องนิยายรักโรแมนติก หัวใจทะเลทรายให้ทุกท่านไปฟินกันนะคะ เป็นภาคต่อจากเชลยรักทะเลทรายค่ะ คู่พ่อแม่ว่าฟินแล้ว คู่ของลูกๆ ฟินกว่าจ้า ฝากติดต่อด้วยนะคะ....
*****
ร่างสูงกำยำในชุดสีขาวขลิบทองยืนอยู่บนเนินทรายราวกับรูปปั้นแกะสลัก ท่ามกลางแสงของดวงดาวส่องประกายวาววับเต็มท้องฟ้า อิศรา ราเอล อาบิดชา อัชวาลย์ เอเมียร์คนปัจจุบันของรัฐชวาลา ยังคงยืนนิ่งบนเนินทราย สายตาทอดมองออกไปไกล ร่างสูงสง่าใบหน้างดงาม จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาได้รูปรับกับดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ทุกส่วนที่ประกอบเป็นชีคอิศรา ถอดแบบมาจากชีคอัลฟาร์จาผู้เป็นบิดาแทบทั้งสิ้น
ชีคอิศราวัยเพียงยี่สิบเก้าปีรับตำแหน่งต่อจากชีคอัลฟาร์จา ราเอล อาบิดชา อัชวาลย์ ผู้เป็นบิดาเมื่อสองปีก่อน ได้สานต่องานด้านการปกครองและด้านอื่นๆ ต่อจากบิดาและมารดา โดยมีน้องสาวทั้งสองคน คือพิมพ์มาดาและมิรันตรีช่วยกันพัฒนารัฐให้เจริญเทียบเท่ากับประเทศแถบตะวันตก หลายปีมานี้ประชาชนชาวชวาลาอยู่อย่างมีความสุข มีอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สิทธิเสรีภาพของสตรีก็มีมากขึ้น
ชีคอิศราฉายาเหยี่ยวเวหาเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และเป็นนักพัฒนา ได้นำความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาพัฒนารัฐอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การขยายสนามบินให้รองรับเที่ยวบินได้มากขึ้น การเปิดประเทศเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุน แต่การเปิดประเทศยังคงเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมานานพอสมควรในคณะรัฐบาล แต่ด้วยภาวะผู้นำอันชาญฉลาดพร้อมกับบุคลิกที่นุ่มนวล เยือกเย็น และดวงหน้ามีรอยยิ้มของความเมตตาและความเอื้ออาทรให้คนรอบข้างอยู่ตลอดเวลาของชีคหนุ่ม จึงสามารถยุติข้อขัดแย้งเหล่านั้นได้อย่างนุ่มนวล โดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องขุ่นเคือง
“ได้เวลากลับแล้วครับชีค” เสียงองครักษ์คู่ใจเอ่ยอย่างเคารพ อิศราหันไปมองและยิ้มบางๆ
“ไปสิ” อิศราตอบเพียงสั้นๆ แล้วกระโดดขึ้นหลังม้าอาหรับตัวใหญ่ที่ทหารจูงเข้ามาใกล้
“เดวิชกลับมาแล้ว กำลังรอที่ห้องทำงานครับ” เบนนิชองครักษ์คนสนิท ซึ่งเป็นบุตรชายของเบนรีรายงานขณะบังคับม้าเดินตามหลังไปเรื่อยๆ
“ได้เรื่องแล้วใช่ไหม” อิศราถามถึงเรื่องที่ให้คนสนิทไปทำ
“ครับ มีการเคลื่อนไหวของจอมโจรอันบาอิสแถบชายแดน”
จบประโยคนั้น ม้าทุกตัวก็ออกวิ่งตามเจ้าเหนือหัวไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงฝุ่นที่ฟุ้งกระจายอยู่ด้านหลัง
ภายในห้องทำงานกว้างที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำ ภายในถูกตกแต่งด้วยวอลล์เปเปอร์สีอ่อน บนโต๊ะทำงานตัวใหญ่มีอุปกรณ์สื่อสารทันสมัยหลายชนิดตั้งอยู่ ร่างสูงสง่าของอิศราในชุดทหารเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน เดวิชลุกขึ้นโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
“เป็นยังไงบ้างเดวิช” ชีคหนุ่มถามเสียงเข้ม
“สายของเรารายงานว่าอันบาอิสเคลื่อนกองกำลังเข้ามาใกล้เขตชานเมืองครับ” เดวิชบอกด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด หากคนฟังกลับยิ้มอย่างเยือกเย็น
“เอ่อ หน่วยข่าวกรองยังรายงานอีกว่าอันบาอิสส่งนักฆ่าทะเลทรายเข้ามา เพื่อลอบสังหารชีคครับ”
“ค่าหัวฉันคงแพงน่าดู พวกมันถึงกล้ารับงาน” อิศราเหยียดยิ้มอย่างไม่เกรงกลัว ความตายอยู่ใกล้เราแค่ปลายจมูกเท่านั้น จะเป็นจะตายไม่ใช่ปัญหาสำคัญ
“ชีคครับ” เบนนิชอุทานชื่อเจ้าเหนือหัวเบาๆ
“ทำไมนายสองคนทำหน้ากังวลอย่างนั้น ฉันยังไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย” อิศราบอกกับองครักษ์คู่ใจพลางยิ้มเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา เพราะกองโจรอันบาอิสตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับฝ่ายรัฐบาลมานาน เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับนโยบายการปกครองและต้องการปกครองรัฐชวาลาเสียเอง จึงพยายามที่จะรวบรวมและยุยงชาวเมืองให้หันกลับไปอยู่ฝ่ายตน
“ข่าวนี้เป็นข่าวที่กรองมาแล้วครับชีค พวกเราอยากให้ชีค ระวังตัว” เดวิชบอกด้วยสีหน้าและแววตาไม่สบายใจ ก่อนจะหันไปสบตากับเบนนิช
“สงสัยว่าคราวนี้คงต้องปราบปรามจริงจังเสียที ไม่อย่างนั้นอาจจะเกิดปัญหาลุกลามมากกว่าเดิม” อิศราบอก สายตาทอดมองออกไปในทะเลทรายอันเวิ้งว้างที่ปกคลุมด้วยความมืดมิดของราตรีกาล
“หรือบางทีอาจมีการลักพาตัว” เดวิชบอกพลางถอนหายใจเบาๆ อิศราหันกลับมาฟังอย่างสนใจ
“แบบไหน” อิศราถามอย่างแปลกใจ คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน
“อาจมีการลักพาตัวท่านหญิงพิมพ์หรือท่านหญิงรันคนใดคนหนึ่ง เพื่อต่อรองกับเราในการขอแบ่งแยกดินแดน”
อิศราได้ฟังก็เป็นห่วงน้องทั้งสองขึ้นมาทันที
“ตอนนี้พิมพ์กับรันอยู่ที่ไหน”
“ท่านหญิงพิมพ์ทำงานที่ห้องสมุดครับ ส่วนท่านหญิงรันมีผ่าตัดพิเศษที่โรงพยาบาล” เบนนิชบอก
“มิรันตรีฉันไม่ค่อยห่วงเท่าไร แต่พิมพ์มาดาต้องจัดกำลังอารักขาอย่างดี อย่าให้พลาด” อิศราบอกเดวิชด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด
“แต่ผมคิดว่าเป้าหมายของพวกมันอยู่ที่ชีคมากกว่าครับ” เดวิชยังคงรายงานต่อ หากเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
*****
