3.เด็ดเดี่ยว
*** ทักทายคร้า ***
ขณะที่พยาบาลกำลังทำแผลให้ มิรันตรีครุ่นคิดถึงคนที่กล้าทำร้ายเธอ ใครต้องการที่จะฆ่าเธอและทำไปเพื่ออะไร หลายวันที่ทำงานเสร็จแล้วนอนค้างอยู่ที่โรงพยาบาล ก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่ตลอดเวลา จนวันนี้ก็มีคนหมายจะเอาชีวิตเธออีก หรือจะเป็นโจรแบ่งแยกดินแดนที่กำลังคุกคามความมั่นคงของรัฐอยู่ขณะนี้
หลังจากทำแผลเสร็จมิรันตรีก็กลับเข้าวัง เดินตรงไปยังห้องทำงานของพี่ชาย มือบางเปิดประตูบานใหญ่ที่แกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม
“รัน” พิมพ์มาดาวิ่งเข้ามากอดน้องสาวแน่น มิรันตรียิ้มให้พี่ชายและยกมือกอดร่างบอบบางของพี่สาวไว้
“รันไม่เป็นไรค่ะพี่พิมพ์” มิรันตรีตอบก่อนจะคลายวงแขนออก
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” พิมพ์มาดามองไปทั่งร่างระหงของน้องสาวเพื่อหาบาดแผลอย่างเป็นห่วง มือจับน้องสาวหมุนซ้ายหมุนขวาจนคนหมุนอมยิ้ม
“ไม่เป็นไรนะรัน” อิศราเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“สบายมากค่ะพี่อิล” เธอตอบเมื่อมองใบหน้าเคร่งเครียดของพี่ชาย
“พรุ่งนี้พี่เรียกประชุมสี่ฝ่าย รันเข้าประชุมด้วยนะ”
“มีเรื่องด่วนหรือคะ” มิรันตรีถามอย่างแปลกใจ
“เดวิชมีข่าวไม่ค่อยสู้ดีนัก” อิศราบอกพลางถอนหายใจขณะเดินไปยังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ แผนที่ถูกกางบนโต๊ะ สายตาคมจ้องมองที่ตั้งกองกำลังของอันบาอิส แม้จะเป็นการสู้รบกับกำลังพลไม่เท่าไร แต่คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นพลเมืองของชวาลาทั้งสิ้น
“ทำไมอันบาอิสถึงอยากทำสงครามนัก...” อิศราถอนหายใจเบาๆ เพราะขึ้นชื่อว่าสงครามย่อมมีการสูญเสียเลือดเนื้อทั้งนั้น เขาไม่อยากให้คนชวาลาต้องฆ่าฟันกันเอง
ภายในห้องประชุมของกระทรวงกลาโหม ร่างสูงสง่าของอิศรานั่งอยู่หัวโต๊ะในฐานะประธานการประชุม การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด รัฐมนตรีหลายคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าเหนือหัว
“ทหารทุกนายเตรียมพร้อมรับคำสั่งครับท่านชีค” นายพลการาดบอกอย่างนอบน้อม
อิศราพยักหน้ารับรู้แล้วสบตาผู้ร่วมประชุม
“กระหม่อมขอนำกำลังทหารไปเอง” ผู้พันเกนาร์บอกกับทุกคนในห้องประชุม
“ไม่ต้อง เราจะไปเอง” เสียงทรงอำนาจทำเอาทุกคนในห้องพากันตกใจ จนต้องอุทานออกมาพร้อมกัน
“ชีค…”
“มันอันตรายเกินไปกระหม่อม โจรปลายแถวพวกนั้นพวกเราจัดการเอง” นายพลการาดบอก มองเจ้าเหนือหัวด้วยความกังวล
“เราตัดสินใจแล้ว อันบาอิสจะมีเวลาหายใจได้อีกสามวันนับจากนี้” อิศราเปล่งเสียงเข้ม มองทุกคนอย่างขอบคุณที่ห่วงใย
“ขอรันไปด้วยนะคะ”
“รันต้องอยู่ดูแลที่นี่แทนพี่ รวมทั้งท่านนายพลด้วย” อิศราบอกเสียงเข้มพลางหันไปสบตานายพลการาด
“แต่ว่า...” นายพลการาดพูดได้เท่านั้นก็ต้องหยุดเมื่อฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นห้าม
“เราตัดสินใจแล้ว เป็นอันว่าตกลงตามนั้น มีเรื่องอื่นต้องพิจารณาอีกไหม” สายตาคมของเหยี่ยวเวหามองไปรอบๆ โต๊ะ
“ชีคมาริคส่งหนังสือมาขอเจรจาเรื่องการลงทุนในชวาลากระหม่อม” รัฐมนตรีพาณิชย์กล่าวพร้อมส่งเอกสารให้กับเบนนิชเพื่อส่งต่อให้อิศรา
“บอกเขาให้รอเพราะเราต้องจัดการเรื่องต่างๆ ภายในให้เรียบร้อยซะก่อน” อิศราบอกเสียงเรียบหลังจากอ่านเอกสารโครงการที่ชีคมาริคเสนอมา
อิศรารู้ดีว่าสิ่งที่บั่นทอนความเจริญและการพัฒนารัฐคือกองกำลังของอันบาอิส ถ้าปล่อยไว้นานยิ่งเข้มแข็งความเชื่อมั่นในรัฐบาลก็จะน้อยลงไปด้วย ซ้ำร้ายกลุ่มโจรยังคอยปล้นสะดมพ่อค้าที่เดินทางมาค้าขายให้ได้รับความเดือดร้อน อันบาอิสเป็นหัวหน้ากองโจรที่มีมันสมอง หากแต่ใช้มันไปในทางที่ผิด และที่สำคัญอันบาอิสต้องการให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในนโยบายการปกครองของคณะรัฐบาล
ดวงตะวันยอแสงจับที่ยอดโดมของวังหลวง แสงทองเหลืองอร่ามเปล่งประกายสวยงาม ร่างสูงสง่าในชุดพรางของทหารเดินมาตามทางเดินที่ปูหินอ่อนสีขาว พิมพ์มาดาและมิรันตรีเดินตามหลังมาเงียบๆ
“ดูแลที่นี่แทนพี่ด้วยนะรัน” อิศราหันกลับไปมองน้องสาวและส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“พี่อิลไม่ต้องห่วงค่ะ รันจะดูแลพี่พิมพ์และที่นี่อย่างดี”
“ระวังตัวด้วยนะคะพี่อิล” พิมพ์มาดาบอกเสียงหวาน
“ขอบใจทั้งสองคน” ร่างสูงก้าวขึ้นรถทหารที่เดวิชเปิดประตูด้านหลังรออยู่
“ขอให้ทุกคนปลอดภัย” มิรันตรีบอกกับเดวิชและทหารทุกคน ขบวนรถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากประตูวัง
มิรันตรีเอื้อมมือไปจับมือนุ่มของพิมพ์มาดาแล้วยิ้มให้
“ไปค่ะพี่พิมพ์” หญิงสาวจูงมือพี่สาวเดินเข้าไปในห้องโถงอันโอ่อ่า แล้วทรุดนั่งลงบนชุดรับแขกสีเหลืองอร่ามข้างพิมพ์มาดา
“พ่อกับแม่ป่านนี้คงอยู่แถวๆ ปิรามิดที่ไหนสักแห่งนะคะพี่พิมพ์” มิรันตรีล้มตัวนอนหนุนตักพี่สาว กุมมือบางไว้บนอก
“เป็นห่วงพี่อิลจัง รันว่าไหม” พิมพ์มาดาบอกด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ และกังวล
“รันเชื่อว่าพี่อิลต้องทำลายกองโจรราบเป็นหน้ากลองแน่ๆ พี่พิมพ์เชื่อสิ” มิรันตรีบอกอย่างมั่นใจในความสามารถของชีคอิศรา มือบางคลี่นิ้วเรียวของพิมพ์มาดาเล่นเบาๆ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ยังไงพี่ก็อดห่วงไม่ได้” ใบหน้าหวานละมัยเอ่ยด้วยความกังวล
ซึ่งต่างจากคนเป็นน้องสาวที่เชื่อว่าฝีมือการต่อสู้ทุกรูปแบบของชีคอิศราไม่มีใครเทียบได้ ที่สำคัญกองกำลังของเหยี่ยวเวหาถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดี และทั้งหมดพร้อมที่จะพลีชีพเพื่อปกป้องพื้นทรายที่บรรพบุรุษสร้างไว้ด้วยชีวิต
ดวงตาคู่สวยของพิมพ์มาดามองออกไปข้างนอก ทหารเวรยืนอารักขาวังหลวงอยู่อย่างเข้มแข็ง ดวงตากลมมองไปที่ธงประจำชาติและธงสัญลักษณ์ของกองทัพเหยี่ยวเวหาอย่างภูมิใจ แต่กับคนชวาลาบางกลุ่มก็ไม่รู้ว่าจะต้องเข่นฆ่ากันไปอีกนานแค่ไหน
“พี่พิมพ์คิดอะไรอยู่คะ เงียบเชียว” มิรันตรีลุกขึ้นนั่งมองหน้าพิมพ์มาดา
“เปล่าจ้ะ พี่แค่ไม่สบายใจที่เห็นคนชวาลาต้องมาเข่นฆ่ากันเอง”
“เพราะอันบาอิสต้องการอำนาจน่ะสิคะ คนอื่นเลยต้องมาสังเวยชีวิตไปด้วย” มิรันตรีบอกด้วยดวงตาแข็งกร้าว ถ้าหากอันบาอิสยอมเข้ามาเจรจาอย่างสันติวิธีและหาทางออกร่วมกัน การสู้รบคงไม่เกิดขึ้น ประชาชนผู้บริสุทธิ์ก็ไม่ต้องล้มตาย การสูญเสียก็จะไม่เกิดขึ้น
**** ***
