2.ลอบทำร้าย
*** ทักทายคร้า ***
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูสีทองบานใหญ่เปิดออก ร่างบอบบางอรชรที่มีใบหน้าสวยหวานซึ้งสวมชุดคาฟตานสีชมพูเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับยิ้มหวานส่งให้พี่ชาย
“พี่อิลทำอะไรอยู่คะ” เสียงหวานใสของพิมพ์มาดาเอ่ยถาม ก่อนจะเดินเข้าไปเกาะแขนพี่ชาย
“กลับมานานหรือยัง” อิศราถามเสียงนุ่ม ปลายนิ้วเรียวปัดปอยผมที่ตกลงมาทัดใบหูเล็ก
“กลับมาได้สักพักแล้วค่ะ คุยอะไรกันอยู่คะหน้าตาเคร่งเครียดจัง”
ดวงตากลมโตมองไปทางองครักษ์ ทั้งเดวิชและเบนนิชก้มหน้าหลบสายตา
“ไม่มีอะไรจ้ะ คุยเรื่องงานทั่วไป” อิศราตอบเสียงนุ่ม
“จริงหรือเปล่าคะ พี่เดวิช พี่เบนนิช” พิมพ์มาดาหันไปถาม
“ถ้าโกหก พิมพ์จะโทรไปฟ้องพ่อกับแม่ แล้วก็ลุงราชิด ลุงเบนรีจริงๆ ด้วย” หญิงสาวบอกแล้วมองค้อนไปยังคนทั้งคู่
“รันค้างที่โรงพยาบาลใช่ไหม” อิศราถามขณะกุมมือเล็กเดินมานั่งที่ชุดรับแขกหรู
“ค่ะ มีเคสด่วนต้องรีบผ่าตัด”
“ช่วงนี้พิมพ์ต้องเดินทางไปเยี่ยมชาวเมือง พี่อยากให้ระวังตัวหน่อยนะ ถ้าที่ไหนเสี่ยงหรือกันดารมากๆ ก็งดไปก่อน ถ้าพี่ว่างจะพาไปเอง” สิ้นเสียงพี่ชาย คิ้วโก่งสวยก็ขมวดเข้าหากันและมองหน้าคมเข้มของพี่ชาย
“มีปัญหาหรือคะ” พิมพ์มาดาถามเสียงเครียด
“นิดหน่อยจ้ะ” อิศราตอบ มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเบาๆ
“กองโจรอันบาอิสใช่ไหมคะ”
“พิมพ์รู้” อิศราถามอย่างสงสัย
“พิมพ์พอรู้อยู่บ้าง แต่ไม่ละเอียดมากค่ะ” น้ำเสียงของพิมพ์มาดาเริ่มเครียด
“พี่อยากให้ระวังตัว เพราะเราไม่รู้ว่าเป้าหมายพวกมันคือใคร” อิศราหันไปสบตากับเดวิช ชายหนุ่มมีลางสังหรณ์บางอย่างเกิดขึ้นจึงรีบสั่งการทันที
“เดวิชพาคนไปรับมิรันตรีกลับมา ถ้าผ่าตัดยังไม่เสร็จให้รอ”
เดวิชโค้งคำนับแล้วรีบเดินเปิดประตูออกไปทันที
โรงพยาบาลยามค่ำคืนมีผู้คนไม่มากนัก ร่างโปร่งระหงของมิรันตรีในชุดสีขาวเดินออกมาจากห้องผ่าตัด ใบหน้าสวยคม ผมเป็นลอนสีน้ำตาลสลวยถูกรวบไว้ใต้หมวกคลุมสีเขียว ระหว่างทางที่เดินไปรอยยิ้มสดใสส่งให้กับพยาบาลที่เดินสวนไปมา ทหารที่ยืนอารักขาต่างโค้งคำนับอย่างนอบน้อม
“ท่านชีคฝากบอกท่านหญิงสาวว่าให้รอท่านเดวิชมารับครับ” องครักษ์ที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์รายงาน
“ขอบใจจ้ะ” เธอตอบพลางยิ้มให้แล้วก้าวเข้าไปในลิฟต์
ระหว่างที่ประตูกำลังเลื่อนปิด มิรันตรีมองเห็นปลายกระบอกปืนเล็งมา
ปุๆ ๆ…
มิรันตรีล้มตัวลงหลบวิถีกระสุน ทหารหน้าประตูลิฟต์ถูกยิงสิ้นใจตายทันที
ร่างบอบบางกระโดดม้วนตัวออกมาคว้าปืนทหารที่วางตกอยู่กับพื้นยิงสวนใส่คนร้ายทันที
ปังๆ ๆ ๆ
“โอ๊ย!!” เสียงคนร้ายดังขึ้นเมื่อกระสุนเจาะเข้ากลางฝ่ามือจนปืนกระเด็นตกลงพื้น มิรันตรีไม่ยอมทิ้งโอกาสงามเล็งปลายปืนไปที่คนร้าย
แกร๊ก
กระสุนของมิรันตรีหมดรังเพลิง พวกมันแสยะยิ้มอย่างเป็นต่อแล้วชักมีดพกสั้นออกจากฝัก ตากลมโตเบิกกว้าง ก้มหลบมีดที่คนร้ายถือวิ่งตรงเข้ามา
มิรันตรีผ่านการฝึกทหารมาเป็นอย่างดีจึงมีความคล่องตัวในการต่อสู้ เมื่อมือปืนกระโดดเข้าหา หญิงสาวก็เบี่ยงหลบพร้อมตวัดแขนกระชากผมคนร้ายจนหน้าหงายมาด้านหลัง เท้าเรียวเตะมีดออกจากมือใหญ่ มือบางจับข้อมือคนร้ายบิดเต็มแรง
กร๊อบ
“โอ๊ย!” เสียงคนร้ายดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าวิ่งกรูเข้ามาจับคนร้ายไว้
“ท่านหญิงรันเป็นยังไงบ้างครับ” เดวิชถามอย่างตกใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่มาทันเวลา” มิรันตรีกล่าวขอบคุณเดวิชและทหารทุกคน
“เอาตัวไป อย่าให้มันฆ่าตัวตายซะก่อน” เดวิชสั่งเสียงเข้มพลางมองคนร้ายด้วยสายตาแข็งกร้าว
“ทำไมวันนี้พี่เดวิชมารับรันล่ะคะ” มิรันตรีถามอย่างแปลกใจ ปกติเดวิชจะไม่ยอมห่างกายพี่ชายของเธอเลย แล้วเขามาทำอะไรที่นี่
“ชีคเป็นห่วงก็เลยให้ผมมารับท่านหญิงกลับวังครับ”
เดวิชมองหญิงสาวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม สายตามองรอยเลือดตรงหัวไหล่ที่ซึมออกมา
“พี่ชายมีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถาม สายตามองกลุ่มทหารที่กำลังนำตัวคนร้ายออกไป
“ไม่มีครับ ท่านหญิงทำแผลก่อนดีกว่าครับ” เดวิชกล่าวเสียงเรียบ หญิงสาวพยักหน้ายิ้มๆ
****
