บทที่ 4 : กล่องไม้และเศษเสี้ยวของความลับ
วารีก้าวลงบันไดสนิมทีละขั้น…
ไฟฉายในมือถือกวาดแสงไปตามผนังอิฐเปลือยที่ชื้นและเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ
พื้นที่เล็กแคบ ราวกับไม่ได้มีใครตั้งใจให้เป็น “ห้อง” ด้วยซ้ำ
กลิ่นอับผสมกลิ่นไม้ไหม้และฝุ่นผงทำให้เธอแทบต้องกลั้นหายใจ
แล้วในมุมหนึ่งของห้อง เธอเห็น “กล่องไม้” ขนาดเล็ก
วางทิ้งไว้บนชั้นซีเมนต์ที่หักครึ่ง
เธอค่อย ๆ เปิดกล่องนั้น
เสียงบานพับไม้ที่ฝืดแกร่งดังเอี๊ยดเบา ๆ
ภายใน… มีเพียงไม่กี่สิ่ง:
จี้หยกเขียวรูปปลาคราฟ สลักตัวอักษรจีนด้านหลัง
ภาพถ่ายเก่า ขาวดำ ขอบเปื่อย
ภาพเด็กหญิงกับหญิงชราที่กำลังรดน้ำต้นพุดซ้อนใต้ต้นลำไย
กระดาษเขียนมือ ครึ่งแผ่น มีตัวอักษรเขียนด้วยหมึกซึมสีดำ
“...อย่าบอกใคร จนกว่าจะถึงเวลาที่ เขา รู้ความจริง
หัตถาไม่รู้… อย่าให้เขารู้…
เราต้องเก็บมันไว้ก่อน…”
หัวใจของวารีเต้นถี่
เธอรีบพับกระดาษเก็บใส่กระเป๋า
และหยิบจี้หยกกับภาพถ่ายขึ้นแนบอก ก่อนปิดกล่องกลับที่เดิม
บางอย่างในนั้นบอกเธอว่า
คนเขียน... คือยายสา
และคนที่ไม่ควรรู้ — คือดร.หัตถา
ระหว่างทางกลับ
แสงตะวันตกดินสะท้อนกระจกมองข้าง
เธอไม่พูด ไม่แม้แต่จะหันไปดูเบอร์โทรศัพท์ที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอมือถือจาก “ดร.หัตถา”
วารี (พึมพำ):
“คราวนี้... ฉันจะรู้ให้ได้ว่า คุณเป็นใครกันแน่”
วารีกระจายภาพถ่ายเก่าบนโต๊ะทำงานของเธอ
แสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดหน้าต่างกระทบกระดาษซีดจาง
เธอหยิบแว่นขยายขึ้นมาส่องรายละเอียดในภาพ
ดวงตาจับจ้องไปที่ฉากหลังของรูปนั้น—บ้านไม้เก่า หลังคามุงจาก
ใต้ต้นลำไย ต้นพุดซ้อนสูงราวอกเด็กหญิงในภาพ
หญิงชราที่อยู่ในรูปคือยายสาแน่นอน
ส่วนเด็กหญิงตัวเล็กข้าง ๆ… ท่าทางคุ้นตา
แต่ไม่ใช่ใครอื่น—คือแม่ของวารีในวัยเด็ก
เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว
ยายสาไม่ใช่แค่ “เพื่อนบ้านของบุญจง”
แต่เคยเป็นคนเลี้ยงดูแม่ของเธอมาก่อน
วารี (พึมพำ):
“แล้วแม่ไม่เคยพูดถึงเลย… หรือว่าถูกสั่งให้ลืม?”
เมื่อพลิกภาพถ่ายอีกด้าน
พบลายมือจาง ๆ ด้วยดินสอเขียนไว้ว่า
“2518 — วังใต้
วันเปิดเทอมของหนูวา
ขอบคุณยายสาที่ให้เราอาศัย”
“หนูวา” คือชื่อเล่นของแม่วารี
และ “วังใต้” คือชุมชนเก่าในจังหวัดตะวันตกที่เคยเกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อสามสิบปีก่อน
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหานักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่เคยให้สัมภาษณ์เธอเมื่อนานมาแล้ว
หลังจากรวบรวมข้อมูลเรื่องภาพถ่ายจนแน่ชัด
ว่าแม่ของเธอเคยอาศัยอยู่กับยายสา และบ้านหลังนั้นอยู่ในย่าน “วังใต้” จริง
เธอจึงหยิบ จี้หยกเขียว ขึ้นมาพิจารณา
จี้หยกเขียวเย็นเฉียบเมื่อวางบนฝ่ามือ
ตัวอักษรจีนด้านหลังจี้คืออะไรบางอย่างที่ไม่ใช่คำทั่วไป
วารีใช้แอปแปลภาษา แต่ผลลัพธ์ออกมาเพี้ยน ๆ
เธอจึงนัดพบ อาจารย์ทัศน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาจีนโบราณ
อาจารย์เงียบไปพักหนึ่งเมื่อได้เห็นจี้
ก่อนจะพูดช้า ๆ:
“นี่ไม่ใช่แค่ชื่อ…
แต่เป็นคำทับศัพท์ของคำว่า ‘ฝั่งเงา’ หรือบางคนแปลว่า ‘วิญญาณที่ล่องลอย’
เป็นสัญลักษณ์ที่ใช้ในศาสนาเต๋า... หรือในกลุ่มที่เชื่อเรื่องจิตที่ยังไม่หลุดพ้น”
“จี้แบบนี้... เคยเป็นของขลังที่ใช้ผูกดวงวิญญาณไว้กับสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง”
วารีนั่งนิ่ง เหมือนหัวใจหยุดเต้นชั่วครู่
“สถานที่” ที่ว่า—อาจเป็นบ้านเก่าของยายสา
หรือ… โรงพยาบาลวังแก้วที่เธอเพิ่งจากมา
วารี (คิด):
“ดร.หัตถา… คุณกำลังปิดบังเรื่องอะไรอยู่กันแน่?”
วารีขับรถลัดเลาะไปตามถนนสายเก่าที่ทอดผ่านทุ่งหญ้ารกร้าง
ป้ายไม้ซีดจางที่เขียนว่า “ชุมชนวังใต้” โผล่มาท่ามกลางกลุ่มต้นไทรเก่าแก่
ทางเข้ามีเพียงร่องรอยของรั้วที่พังลงครึ่งหนึ่ง ราวกับโลกอีกใบที่ถูกลืมไว้
เธอหยุดรถหน้าเพิงไม้หลังเล็ก
หญิงชราเจ้าของร้านขายน้ำแข็งไสหน้าตาซื่อ ๆ เหลือบมองวารีแล้วถามว่า:
“มาหาใครเหรอหนู?”
วารี: “ฉันมาตามหาอดีตค่ะ… อยากรู้เรื่องบ้านของยายสา คนที่เคยอยู่แถวนี้”
หญิงชรานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนยิ้มบาง ๆ
“หนูคงต้องไปหลังวัดตรงท้ายหมู่บ้าน ที่นั่นยังเหลือซากบ้านเก่าอยู่หลังเดียว… เขาว่ากันว่ายายสาเคยอยู่ที่นั่นกับเด็กผู้หญิงอีกคน”
เมื่อมาถึงซากบ้าน
พื้นไม้กรอบแกรบใต้ฝ่าเท้า
หลังคาที่ไหม้จนทะลุเผยให้เห็นท้องฟ้าสีเทา
กลิ่นควันเก่า ๆ ยังหลงเหลือในเสี้ยนไม้
ตรงมุมห้องเล็ก ๆ มีร่องรอยบางอย่างที่ดูไม่ธรรมดา—กล่องไม้สลักลายพุดซ้อน
วารีเปิดกล่องอย่างระมัดระวัง
ด้านในมีกระดาษเก่า ๆ ม้วนอยู่
เมื่อคลี่ออกมา... คือภาพวาดด้วยดินสอ
ภาพของผู้หญิงสองคน—คนหนึ่งคือยายสา
อีกคน... หน้าคล้ายแม่ของเธอในวัยรุ่นอย่างน่าประหลาดใจ
ภาพวาดมีลายเซ็นตัวเล็ก ๆ มุมกระดาษ
“หัตถา วังใต้ 2529”
วารี (เสียงในหัว):
“...เขาเคยมาอยู่ที่นี่… หมอหัตถา?”
เธอเดินสำรวจรอบบ้าน
ใต้ถุนบ้านยังมีโถน้ำโบราณและม้านั่งหินที่แตกครึ่ง
และที่ฝาผนังด้านใน มีร่องรอยของรอยขีดเขียนคล้ายรหัส
ตัวเลขสลับกับตัวอักษรไทยโบราณ
เธอถ่ายรูปเก็บไว้ทั้งหมด
และขณะจะกลับ มีชายชราคนหนึ่งเดินถือไม้เท้ามาช้า ๆ
ชายชรา: “แม่หนู… หน้าคุ้น ๆ เหมือนแม่วาเลยนะ
ยายสาเลี้ยงแม่หนูมาแต่เด็ก… แต่ก็มีบางอย่างที่แม่หนูไม่เคยรู้”
วารี (เบา ๆ): “อะไรเหรอคะ?”
ชายชรา (ถอนหายใจ):
“ตอนเกิดไฟไหม้... ไม่มีใครเห็นยายสาอีกเลย
แต่เขาว่ากันว่า…มีคนพาเด็กคนนั้นหนีออกมาได้
แล้วซ่อนเรื่องทั้งหมดไว้… แม้กระทั่งชื่อจริงของเขา”
วารีรู้สึกเหมือนตัวเองถูกดึงย้อนเวลากลับไปยังเส้นเรื่องที่เธอไม่เคยได้ยิน
และทั้งหมด... อาจเริ่มต้นจาก ชายชื่อหัตถา
