หัวใจซ่อนเงา

235.0K · ยังไม่จบ
เห็บหมาบินได้
215
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในโลกที่เต็มไปด้วยบาดแผล ความเงียบ และความทรงจำที่ยากจะลืมเลือน วารี นักจิตวิทยาหญิงผู้มีรอยยิ้มสงบงาม ต้องย้ายมายังโรงพยาบาลจิตเวชกลางหุบเขา เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่หลังการสูญเสียคนรักอย่างไม่มีวันหวนกลับ ที่นั่น... เธอได้พบกับ ดร.หัตถา จิตแพทย์หนุ่มผู้แสนลึกลับ ชายผู้ไม่เคยเปิดหัวใจให้ใครนับตั้งแต่เหตุการณ์ในอดีตที่หลอกหลอน

นิยายสืบสวนสอบสวนหมอดราม่านักฆ่าโรแมนติกยุค80สืบสวนสอบสวนนักสืบไขความลับเจ้าเล่ห์

บทนำ

ลานหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติในเช้าวันหนึ่งของฤดูฝนอบอวลไปด้วยกลิ่นกาแฟร้อนจากรถเข็นเจ้าประจำ ฝนโปรยปรายเบา ๆ ลงบนเสื้อคลุมของ "วารี"

หญิงสาวในเครื่องแบบที่แม้จะเปียกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังดูสง่างาม เธอเดินเข้ามาด้วยท่าทีมั่นใจ สะพายแฟ้มงานแนบตัว รอยยิ้มบาง ๆ แต้มที่ริมฝีปากคล้ายมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในใจ

เสียงโทรศัพท์ในห้องผู้กำกับดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะเปิดออก "ผู้กำกับชลธาร" ชายวัยกลางคนที่มีแววตาอบอุ่นแต่แฝงความเด็ดขาด เงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่โต๊ะทำงาน

"เข้ามาสิวารี ฉันมีภารกิจใหม่ให้เธอ... แต่อาจไม่เหมือนที่เคยทำมา"

วารีนั่งลงตรงหน้าเขา มือทั้งสองวางพับบนแฟ้มงาน สีหน้าเธอเต็มไปด้วยความสนใจปนระแวดระวัง

"เรื่องเกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องอีกแล้วเหรอคะ?"

"ไม่ใช่แค่นั้น... ครั้งนี้มันเกี่ยวกับหัวใจด้วย" ชลธารเอ่ยขึ้นพลางส่งแฟ้มที่มีภาพของชายคนหนึ่งมาให้เธอ

"เขาคือ ดร.หัตถา อดีตจิตแพทย์ชื่อดัง ที่ตอนนี้ถูกควบคุมตัวในสถานพยาบาลจิตเวช เขาเคยมีประวัติช่วยงานตำรวจ... และครั้งหนึ่ง เขาเคยมีคนรักที่หายตัวไป"

วารีเงยหน้าขึ้นสบตาผู้กำกับ ก่อนเอ่ยเสียงเบา "แล้วฉันต้องไปพบเขาทำไมคะ?"

ชลธารยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบ "เพราะเธอมีบางอย่างที่คล้ายกันมากกับผู้หญิงคนนั้น และเราอยากให้เขาพูด... บางทีความทรงจำที่เคยเป็นรัก อาจนำไปสู่ความจริงที่เราต้องการ"

วารีหัวเราะเบา ๆ พลางหยิบแฟ้มขึ้นพิจารณาอย่างตั้งใจ ทว่าในใจลึก ๆ เธอกลับรู้สึกสั่นไหว... ราวกับโชคชะตากำลังนำพาเธอไปยังบางสิ่งที่ไม่อาจหวนกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป

ห้องตรวจภายในโรงพยาบาลจิตเวชวังแก้วเงียบสงัด มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาเดินไปทีละวินาที ดอกพุดซ้อนในแจกันกระเบื้องเคลือบบนโต๊ะส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายกลิ่นน้ำหอมที่วารีเคยใช้ในวัยเด็ก

วารีนั่งตัวตรงอยู่ฝั่งหนึ่งของโต๊ะ ส่วนอีกฝั่งคือ ดร.หัตถา ชายหนุ่มที่ดูสงบนิ่งราวกับผืนน้ำไม่มีคลื่น รอยยิ้มของเขาดูสุภาพ แต่แฝงความหยอกล้อบางเบาในแววตา

ดร.หัตถา: “คุณวารี... ปกติคนที่มาคุยกับผม มักจะหลบสายตาหรือไม่ก็รีบจดอะไรสักอย่าง”

วารี (ยิ้มน้อย ๆ): “แต่ฉันไม่ใช่คนธรรมดาใช่ไหมคะ?”

ดร.หัตถา: “แน่นอนครับ... ผมยังไม่แน่ใจว่าเป็นคำชม หรือคำเตือนตัวเอง”

เสียงหัวเราะเบา ๆ ของวารีทำให้ห้องดูผ่อนคลายลงอย่างประหลาด ดร.หัตถาลุกขึ้นอย่างนุ่มนวล เดินไปหยิบชาจากมุมห้อง แล้วเทใส่ถ้วยกระเบื้องลายดอกไม้ให้เธอ

ดร.หัตถา: “ชาดอกไม้ครับ ดอกพุดซ้อน... คุณอาจจะชอบ”

วารี: “ขอบคุณค่ะ... คุณชอบกลิ่นหอมแบบนี้เหรอคะ?”

ดร.หัตถา (ยิ้มบาง ๆ): “ไม่แน่ใจว่าชอบ... แต่ถ้าเป็นกลิ่นของคุณ ผมอาจจะชอบมากกว่านี้”

วารีนิ่งไปชั่วขณะ ใจเต้นเร็วขึ้นแบบไม่มีเหตุผล ดวงตาของเขามองลึกลงในเธอเหมือนจะล่วงรู้ความคิดที่เธอเองก็ยังไม่เข้าใจ

เสียงนกร้องจากสวนด้านนอกดังก้องแว่วเข้ามา ราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุนชั่วครู่...

เสียงนกร้องจางลง ทิ้งไว้เพียงความเงียบที่คละคลุ้งด้วยกลิ่นพุดซ้อน ชาที่วารีจิบลงค่อย ๆ แผ่ความอุ่นผ่านปลายนิ้วไปสู่ใจ แต่สัมผัสจากสายตาของดร.หัตถากลับเย็นยะเยือกเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่

วารี: “ฉันมาที่นี่เพราะคุณมีข้อมูลบางอย่าง... เกี่ยวกับคนที่ชื่อบัวลอย”

ดร.หัตถาหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้ตอบในทันที เขาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ วางมือลงซ้อนกันอย่างเรียบร้อยตรงหน้า

ดร.หัตถา: “บัวลอย... ชื่อที่หวาน แต่ใจเธอร้ายไม่แพ้ยาพิษ”(เว้นวรรคเล็กน้อย)

“คุณต้องการรู้ว่าเธอฆ่าคนไปกี่คนใช่ไหม? หรือคุณต้องการรู้ว่าเธอกำลังจะฆ่าใครเป็นรายต่อไป?”

วารีขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะคำพูดของเขา แต่เพราะวิธีที่เขาพูด — เหมือนเขาไม่ได้เดา แต่ ‘รู้’

วารี: “คุณรู้จักเธอดีขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

ดร.หัตถาเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ สายตายังจับจ้องที่เธอ

ดร.หัตถา: “เธอมาหาผมหลายครั้งก่อนโดนจับ พูดเรื่องเสียงในหัว เสียงที่บอกให้เธอ ‘ล้างแค้น’... เสียงที่เธอบอกว่าฟังดูเหมือนเสียงแม่ของเธอ”

วารี: “แล้วคุณเชื่อไหมคะว่าเธอได้ยินเสียงนั้นจริง ๆ?”

ดร.หัตถา: (หัวเราะเบา) “ผมไม่เชื่อสิ่งที่คนไข้พูด... ผมเชื่อในสิ่งที่พวกเขา หลีกเลี่ยงไม่พูด มากกว่า”

เงียบกันไปชั่วครู่ วารีหยิบสมุดบันทึกขึ้นมา แล้วถามอย่างจริงจัง

วารี: “คุณคิดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของลุงบุญจง เจ้าของร้านข้าวมันไก่ไหม?”

คำถามนี้ทำให้ดร.หัตถาเงียบไปนาน เขาหรี่ตามองอย่างครุ่นคิด

ดร.หัตถา: “ไม่... บัวลอยไม่ใช่คนที่ฆ่าชายแก่... ฆาตกรในคดีนั้น ไม่กลัวเลือด แต่กลัว ‘คำพูด’ มากกว่า”

(หยุดครู่หนึ่ง แล้วพูดต่อช้า ๆ)

“กลัวความลับบางอย่างจะถูกเปิดเผย... กลัวคนตายจะพูดออกมา แม้จะไม่มีลมหายใจแล้วก็ตาม”

วารี: “คุณหมายถึง... ฆาตกรต้องเป็นคนใกล้ตัว?”