คุณตาหลง 3/5
บทที่ 2 คุณตาหลง
อาหารเข้าปากคุณตาหลงแค่คำแรก คนแก่ก็ติอย่างไม่เกรงใจเจ้าของร้านเลย ทำเอาคนมาด้วยเบิกตาโตด้วยความตระหนก นี่พวกเธอจะโดนเชิญออกจากร้านไหม
“ชู่! คุณตา อย่าเอ็ดไปสิคะ”
“ก็มันไม่ได้เรื่องจริงๆ นี่”
คุณตาหลงยอมเบาเสียงลง แต่ยังไม่หายฉุน แล้วยังเลื่อนถ้วยหน่อไม้ต้มกับไก่ฉีกมาให้เธอดูอีกต่างหาก
“พวกลื้อดูนี่ หน่อไม้เส้นขึ้นเป็นเสี้ยนๆ แล้ว เก็บไว้นานล่ะสิท่า หน่อไม้นี่ยิ่งทิ้งไว้นานเนื้อสัมผัสยิ่งเปลี่ยน แล้วจะให้ดีต้องปรุงกับเนื้อสัตว์ที่มีไขมัน ใส่มากับเนื้ออกไก่ฉีกแบบนี้เสียของ”
“ก็ลดต้นทุนไงคะคุณตา”
“จะทำอาหารต้องทำให้ดี ทำได้ไม่ดีก็ไม่ต้องทำ”
แม้ฉุยฉายจะหาเหตุผลให้แต่คงไม่ถูกใจคุณตาหลง เมราก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ แกล้งทำตาหวานแล้วหาทางรักษาอาการหงุดหงิดของคนแก่ให้ได้ จึงเลื่อนถ้วยของหวานส่งไปให้ เป็นน้ำพุทราจีนต้มรากบัวกับแปะก๊วย กินของหวานจะได้อารมณ์ดี
“ไอ้หย่า!” กินของหวานไปแค่คำเดียว คนแก่ก็ส่ายหน้าระอา “ชุ่ยจริงๆ พ่อครัวร้านนี้ เอารากบัวหักมาต้มได้ยังไง”
“คุณตารู้ได้ยังไงคะว่ารากบัวหัก” เธอก้มลงสังเกตของหวานในถ้วยของตัวเองทันที “ก็หั่นเป็นแว่นๆ ไม่เห็นจะมีรอยหักตรงไหนเลย”
“ลื้อชิมดูสิ โคลนมันสากลิ้น ถ้ามีโคลนก็แปลว่ารากบัวหักตอนเก็บเกี่ยว ถ้าเป็นอั๊วล่ะก็ ไม่เอามาปรุงอาหารหรอกนะ”
“โอ้โฮ!” ได้ยินคนแก่บอกพงศกรก็ยิ่งตาโต “คุณตารู้ได้ยังไงครับเนี่ย เป็นเชฟหรือเปล่า”
“อั๊วทำอาหารมาห้าสิบกว่าปีแล้ว จะเรียกเชฟ เรียกกุ๊ก เรียกพ่อครัวหรืออะไรก็เรียกไปเถอะ”
ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้วนั่น เมราพอจะเดาได้แล้วว่าชายชราท่าทีภูมิฐานคนนี้ต้องอยู่ในวงการอาหารแน่ แต่มันเรื่องอะไรกันถึงต้องมาเดินอยู่ข้างถนนให้เธอเก็บตกได้
“ว่าแต่คุณตากำลังจะไปไหนคะ” เมราเกริ่นถามเอาไว้ก่อน “ให้หนูไปส่งไหม บริการถึงที่เลยนะ”
“ลื้อไปส่งอั๊วไม่ได้หรอก เพราะอั๊วก็ไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหนเหมือนกัน”
“อ้าว!”
“อั๊วจะไปตามหาหลานชาย อยากเจอ อยากอยู่กับเขาก่อนตาย”
พูดเรื่องนี้ขึ้นมาคุณตาหลงก็สลดลงทันตา เมราสะเทือนใจจนพูดไม่ออก สงสารขึ้นมาจับใจ แล้วนี่หลานชายของคุณตาไปอยู่เสียที่ไหน ทำไมปล่อยให้คนแก่ออกเดินทางตามหา
“หลานชายของคุณตาชื่ออะไรคะ เผื่อหนูจะช่วยตามหาได้”
“บอกไปแล้วลื้อจะช่วยอั๊วได้แน่เหรอ”
คุณตาหลงรำพันระหว่างที่เริ่มเอาซีอิ๊วหยอดใส่ข้าวสวยร้อนๆ แล้วคนให้เข้ากัน เหมือนจะกินแทนอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าแต่ไม่มีอะไรถูกใจสักอย่าง ทว่ายังพร่ำพูดกับเธออย่างไม่มองหน้ากัน เหมือนไม่มีความหวังเอาเสียเลย
“หลานอั๊วชื่อปวีณ์ อัคราธิวัฒน์ เป็นดาราดัง ลื้อพาไปหาได้ไหมล่ะ”
เปา ปวีณ์…
เพิ่งฉะกันมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี่เองคุณตาขา แต่จะให้พาไปหาอีตาศักรินทร์ดาวร้ายเนี่ยนะ แค่นึกถึงพระเอกหนุ่มเจ้าอารมณ์นั่น เมราก็ลืมสงสารคุณตาหลงไปเลย มีแต่หมั่นไส้หลานคุณตาล่ะไม่ว่า แค่หน้ายังไม่อยากจะมอง
แต่คนแก่นี่สิทำเอาพวกเธอมองกันตาค้าง ควักบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นมาอวดให้รู้ว่านามสกุล ‘อัคราธิวัฒน์’ จริงๆ สีหน้าท่าทางมั่นใจสุดๆ แบบนั้น เมราขอประชุมด่วนแบบไม่เกรงใจเลยแล้วกัน
“เอาไงดีแก”
สาวสวยลากเพื่อนร่วมงานออกมาคุยที่โต๊ะข้างๆ สุมหัวกันแล้วปล่อยคนแก่รอไป ทำทุกอย่างเปิดเผยแบบไม่ได้ใส่ใจว่าใครจะมอง
“นามสกุลเดียวกันจริงๆ ด้วยพี่” ฉุยฉายก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กัน “นี่กุ๊กเฉินหรือเปล่า ไม่ออกสื่อตั้งนานแล้ว แก่ขนาดนี้เลยเหรอ จำไม่ได้เลย”
“อย่าเพิ่งถามถึงโน่นเลย” เธอดักคอไว้ไม่ให้ออกนอกเรื่อง “ว่าแต่ทำไมอีตาพระเอกนั่นปล่อยญาติผู้ใหญ่มาเป็นลมอยู่ข้างถนนให้พวกเราเก็บตกได้แบบนี้ล่ะ”
“มั่วหรือเปล่า” พงศกรหลิ่วตากลับไปมองคนแก่ที่อยู่ด้านหลังเธอ “นี่อาจจะไม่ใช่กุ๊กเฉิน คนเชื้อสายจีนนามสกุลเดียวกันแถมชื่อซ้ำกันก็เยอะนะ คุณตาแกอาจจะเลอะเลือน เห็นว่าตัวเองนามสกุลเดียวกันแล้วคิดไปเองว่าเปา ปวีณ์ เป็นหลานแก ผมว่าพาไปหาตำรวจให้ติดต่อญาติมารับเถอะ”
“อั๊วไม่ได้ซี้ซั้ว!”
คนแก่ตะโกนเข้ามาแหกกลางวง ทำเอาสามคนสะดุ้งโหยง แล้วคุณตาหลงก็เดินกะปลกกะเปลี้ยเข้ามาหา แต่หน้าถมึงทึงอย่างกับตุ๊กตาอับเฉาที่วัดโพธิ์
“อั๊วเป็นปู่ของอาเปา แต่ถ้าพวกลื้อไม่เชื่อก็ตามใจ อั๊วไปตามหาอาเปาเองก็ได้ ขอบใจนะที่ช่วย”
ว่าแล้วคุณตาก็ควักแบงก์พันออกจากกระเป๋ากางเกงมาให้
“นี่ค่าอาหาร ขอบใจพวกลื้อมาก และอั๊วจะถือว่าเรามีวาสนาต่อกันแค่ข้าวมื้อเดียวนี่ก็แล้วกัน”
“แล้วคุณตาจะไปไหนคะ!”
“ไปตามทางของอั๊ว”
คุณตาหลงตอบอย่างเฉยชา เมราก็ยิ่งอ้าปากค้าง ได้แต่มองคนแก่ค่อยๆ เดินออกจากร้านไป แล้วนี่ถ้าเกิดรถชนเข้าจริงๆ แล้วไม่ได้เจอคนใจดีอย่างพวกเธอ ชะตากรรมของชายชราจะเป็นอย่างไร
“คุณตาคะ!”
เมราตะโกนไล่หลังในทันที เธอไม่อยากคิดถึงภาพคุณตาหลงบาดเจ็บหรือเป็นลมอยู่ข้างถนนอีกแล้ว
“ตกลงค่ะ หนูจะพาไปหาเปา ปวีณ์ ขึ้นรถหนูเลยค่ะ แต่อย่าไปไหนคนเดียวเลย”
