คุณตาหลง 2/5
บทที่ 2 คุณตาหลง
คิดถึงสปาเพลินๆ อยู่แค่ครู่เดียว เมราถึงกับร้องลั่นรถเพราะเห็นคนแก่เดินตัดหน้า เล่นเอาเธอเหยียบเบรกจนหัวทิ่มหัวตำเสียเอง โชคดีที่ยังอยู่ในซอย ไม่อย่างนั้นรถคงเยอะจนชนกันระเนระนาดไปแล้ว
แต่ไม่มีอะไรให้ต้องคิดถึงเท่าคนที่เดินตัดหน้ารถเธอ มองออกไปข้างหน้า นอกรถนั่น ชายชราล้มลงไปนอนราบกับพื้นถนน ทำเอาหญิงสาวตกใจจนคิดอะไรไม่ออก เธอรู้แต่ว่าไม่ได้ชนแน่ๆ เพราะรถอยู่ห่างจากร่างผู้ชายคนนั้นตั้งหลายเมตร
ต่อให้ไม่ชนแต่เมราก็ไม่อาจนิ่งดูดาย เห็นคนแก่ล้มลงไปกองกับพื้นแบบนั้นจะเมินเฉยได้อย่างไร ไม่ได้คิดสักนิดว่าจะเป็นมิจฉาชีพ ก็ถนนเส้นนี้ไม่เปลี่ยวเสียหน่อย ยังมีรถสวนอยู่เนืองๆ ต่อให้นี่เป็นนกต่อแต่เดี๋ยวก็จะมีคนอื่นผ่านมาเห็น คงไม่มีใครมาปล้นจี้กันหรอก อีกอย่างรถของฉุยฉายกับพงศกรแฟนหนุ่มก็รั้งท้ายมา ถ้าเกิดอะไรขึ้นคงช่วยเธอได้
“อ้าว…พงศ์”
เมราพึมพำ ระหว่างที่กำลังเปิดประตูรถว่าจะลงไปดูคนเป็นลม พงศกรก็เดินแซงรถของเธอไป เห็นอย่างนั้นแล้วหญิงสาวก็ก้าวลงรถไปหาคนแก่เหมือนกัน
“เป็นยังไงบ้างครับคุณตา”
พงศกรไปถึงคนแก่ก่อน หญิงสาวก็เดินเร่งๆ ตามไปหา แล้วไม่นานแม่คนขาหักก็ยักแย่ยักยันตามมาด้วยอีกคน ตกลงจะตามมาทั้งสำนักงานหรือเปล่า แต่มาหลายๆ คนก็ดีจะได้ช่วยกัน
“คุณตาคะ เจ็บหรือเปล่า เป็นยังไงบ้าง”
เมราช่วยเรียก แล้วพงศกรก็ช่วยประคองขึ้นมา พลเมืองดีสี่ห้าคนขับรถผ่านก็จอดดูเชิงเผื่อจะช่วย แต่คนแก่ยังไม่ยอมลืมตาเลย ชักเป็นห่วงเสียแล้ว
เธอรีบสำรวจดูอาการคนที่นอนอยู่บนพื้นถนนร้อนระอุ ชายชราดูอิดโรยเต็มที ใบหน้าก็เหี่ยวย่น หัวล้านไปเกือบครึ่ง ตาชั้นเดียว สะพายเป้มาด้วยใบหนึ่ง แต่เป็นใครกันจึงมาเดินตัดหน้ารถเธอได้
“คุณตา ได้ยินหนูไหมคะ”
เมราเรียกซ้ำเพราะคนแก่ยังเอาแต่หลับจนเธอต้องช่วยพงศกรประคองขึ้นมาแล้วเขย่าตัวเรียก ช่วยกันปลดเป้ที่คนแก่สะพายหลังอยู่ออกไปก่อน จะได้สบายตัว
“ได้ยินหนูหรือเปล่า ตอบหน่อยสิคะ”
“ชะ ช่วยด้วย…”
“เป็นอะไรคะ บอกหนูมาเร็ว!”
พอคนแก่เริ่มสะลึมสะลือ เมราก็คะยั้นคะยอใหญ่ ในใจก็กลัวว่าจะป่วยหนักจนรักษาไม่ได้ เธอไม่อยากให้ใครมาตายต่อหน้าต่อตา โดยเฉพาะตอนที่เธอพยายามประคองให้ลุกขึ้นจากพื้นอย่างนี้
“คุณตา! เป็นอะไร ได้ยินหนูไหม”
“อั๊ว…”
“ไปหาหมอกันเถอะ แข็งใจลุกหน่อยนะคะ”
“อั๊ว… หิวข้าว”
“ฮะ!”
เมราอยากเอาหัวโขกพื้นถนนนัก เธอเป็นห่วงแทบตาย หัวใจร่วงลงตาตุ่มเสียด้วยซ้ำ นึกว่าคนแก่จะตายแล้วเสียอีก ดันมาบอกว่าหิวข้าวเนี่ยนะ
แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่มีอาการใดสาหัสให้ห่วงเธอก็โล่งใจ เอาเป็นว่าจะยอมให้นางฟ้าที่ไหนก็ไม่รู้เข้าสิงร่างอีกสักที ถึงขั้นใจดีพาคนแก่ขึ้นมาบนรถเพื่อไปหาข้าวกิน
เธอไม่มีเหตุผลอะไรมากไปกว่าสงสาร เห็นแววตาอมทุกข์กับท่าทีอิดโรยของชายชราแล้ว เมราปฏิเสธไม่ลง คิดว่าหาข้าวหาน้ำให้กินก่อน หายหิวแล้วค่อยหาทางส่งกลับบ้านก็ได้ จึงพาคนแปลกหน้าขึ้นรถ แล้วขับมุ่งไปสู่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด
เมื่อคนแก่เข้ามาเจอแอร์เย็นๆ และดื่มน้ำในรถของเธอแล้วก็สีหน้าดีขึ้น เมราปล่อยให้ชายชรานั่งพักไปโดยไม่ชวนคุย แต่เพิ่งสังเกตเห็นว่าคนที่เธอรับมาด้วยนั้นแต่งตัวค่อนข้างดี สวมเสื้อเชิ้ตรีดเรียบและกางเกงสแล็กส์เนื้อดี จนเริ่มเดาไปว่าน้อยใจลูกหลานแล้วหนีออกจากบ้านมาหรือเปล่า ถึงได้มาพร้อมเป้สัมภาระ เอาเป็นว่าค่อยหาทางกล่อมก็แล้วกัน ท้องอิ่มแล้วคงคุยง่ายขึ้น
เมื่อมาถึงร้านอาหาร คนที่เธอกับเพื่อนร่วมงานพาเข้ามาด้วยก็ยิ้มแต้ เมราจึงสั่งอาหารง่ายๆ มาสองสามอย่าง ของหวานอีกหนึ่ง ถือเสียว่าทำบุญกับคนชรา ร้านนี้เธอก็มากินกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ รสชาติไม่ได้ดีเลิศเลอแต่ก็พอกินได้ เข้าคอนเซ็ปต์ ‘กินพอไม่ตาย กินพอมีแรงให้นายได้ใช้’
“คุณตารับอะไรเพิ่มไหมคะ” เมรายิ้มหวานให้รู้ว่าหวังดีจะช่วย “เต็มที่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“เท่าที่พวกลื้อสั่งก็พอแล้ว”
“ว่าแต่คุณตาชื่ออะไรคะ” ฉุยฉายถามขึ้นมาบ้างระหว่างใช้ทิชชูเช็ดช้อนกับตะเกียบรออาหาร “มาจากไหนเหรอ แล้วไม่สบายหรือเปล่า ทำไมเป็นลมอยู่ข้างทางได้”
“อั๊วหลง”
“ตกลงชื่อหลงหรือหลงทางกันแน่ครับ”
“ทั้งสองอย่างนั่นแหละ” คุณตาที่น่าจะมีเชื้อจีนยังยิ้มหวานให้ทั้งสามคน “แล้วพวกลื้อล่ะชื่ออะไร”
“นั่นพงศ์ค่ะ คนขาหักชื่อฉุยฉาย ส่วนหนูชื่อเมรา”
“ลื้อหน้าตาไม่ค่อยเหมือนคนไทยเท่าไร”
“หนูเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสค่ะ สวยใช่ไหมล่ะ”
หญิงสาวเลือดผสมถามทีเล่นทีจริง คนแก่ก็หัวเราะร่วน เพียงเท่านี้เมราก็ดีใจแล้ว เธอชอบอยู่กับคนยิ้มมากกว่าคนหน้าบูดก็แล้วกัน
เมราไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่รินน้ำชาให้คนแก่ มองไปด้วยว่าจะพาไปส่งบ้านได้อย่างไร มีเบอร์โทรศัพท์ให้ติดต่อถึงลูกหลานไหม แล้วทำไมคุณตาหลงถึงมาเดินอยู่ริมถนนเพียงลำพัง คำถามมากมายกวนใจเธออยู่ แต่ก็หยุดลงเพราะพนักงานเสิร์ฟเอาอาหารมาวาง
“ไฮ้! หน่อไม้แข็งเป็นบ้า”
