หัวใจข้างเขียง

77.0K · จบแล้ว
กรกานท์ ชื่นสราญ
55
บท
1.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

“ถามจริงๆ ทั้งหล่อทั้งล่ำขนาดนี้ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”ผู้ชายหล่อล่ำกล้ามโตแต่ครอบครองไม่ได้ก็ไร้ค่าของกินตรงหน้าต่างหากคือนิพพาน*****‘ปวีณ์’ ดาราหนุ่มดังติดลมบน จู่ๆ ก็หันหลังให้วงการด้วยความหวังว่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอยู่กับมารดา ร้านน้ำชาและติ่มซำแต่แผนพังไม่เป็นท่า เพราะ ‘เมรา’ มาผจญสองคนที่กลัวการแต่งงานขึ้นสมองดันมีเรื่องให้คานทองสั่นสะเทือนเสียแล้ว

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันดาราอาหารรักหวานๆโรแมนติก

บทที่ 1 ติ่มซำชาลาลา 1/2

บทที่ 1 ติ่มซำชาลาลา

“คุณเมราลองชิมสิครับ”

หญิงสาวมองอย่างตื่นเต้น เมื่อนักแสดงคนดังเลื่อนจานขนมจีบกับซาลาเปามาวางตรงหน้า เธอยังตั้งใจฟังเขาทุกคำ แต่ไม่แน่ใจว่าระหว่างปวีณ์กับติ่มซำ อันไหนน่ากินกว่ากัน

“ติ่มซำนี่มีหลากหลายมากครับ ไล่ไปคงไม่หมด แต่ติ่มซำจากร้านของเรามีจุดเด่นที่รสชาติและการห่อแป้งครับ แป้งบาง มีความยืดหยุ่นเหนียวนุ่ม จับจีบสวยงาม ประณีต ด้วยความชำนาญและความคิดสร้างสรรค์ของผู้ทำอาหาร… คุณแม่ของผมเอง ท่านห่อเองกับมือ”

รูปหล่อ ยิ้มละมุน เสียงทุ้ม ฟังเพลิน ดูเพลิน มิน่าปวีณ์ถึงได้ตำแหน่งสามีแห่งชาติมาครอง จากบรรดาพระเอกหนุ่มชื่อก้องตัวท็อปของวงการ ก็มีผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอนี่แหละที่ติดโผจากสาวๆ ทั่วประเทศ เมื่อได้มาเจอตัวจริง หญิงสาวก็ยอมรับเลยว่าฉายานี้ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย

“ของดีอย่างนี้ พอจะบอกเคล็ดลับกันสักหน่อยได้ไหมคะ”

“แน่นอนครับ คุณแม่ไม่หวงสูตร แต่ผมอยากให้มาชิมฝีมือของท่านนะ”

พอเธอถามไปตามสคริปต์ ปวีณ์ก็ตอบแบบเล่นหูเล่นตาใส่กล้อง หาจังหวะโฆษณาแฝงเข้ามาทุกเมื่อ มิน่าถึงได้มีสินค้ามาจ้างเขาเป็นพรีเซนเตอร์นับสิบๆ เจ้า

“เวลาและอุณหภูมิในการนึ่งหรือทอดก็สำคัญ ส่วนไส้ต้องรสชาติดี มันหมูช่วยให้เนื้อสัมผัสของไส้นุ่มนวล อย่าสับละเอียดมาก ถ้าเป็นไส้กุ้งต้องซับกุ้งให้แห้งก่อน ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไรกุ้งจะยิ่งเหนียวเท่านั้น ตบเนื้อให้กระแทกเพื่อให้มีอากาศเข้าไป เวลานึ่งหรือทอดจะได้ขึ้นฟู”

เจ้าของร้านติ่มซำคนใหม่ หน้าตาดีราวติดสินบนพระเจ้าไว้ก่อนมาเกิดยังบรรยายไปพร้อมรอยยิ้ม คงมั่นใจในรูปโฉมของตัวเองนั่นแหละ ก็พ่อคุณหล่อคมเข้ม คิ้วหนา ตาโต จมูกโด่งสวยปลายมน ปากรูปกระจับอิ่มตัว ใบหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเงาของเคราบางๆ รูปร่างก็สูงใหญ่สง่าผ่าเผย กล้ามเป็นมัดๆ ขนาดนี้ ใครมาเห็นก็คงหลงใหล แต่ยกเว้นเธอไว้คนหนึ่งแล้วกัน

ผู้ชายหล่อล่ำกล้ามโตแต่ครอบครองไม่ได้ก็ไร้ค่า ของกินตรงหน้าต่างหากคือนิพพาน

นักแสดงหนุ่มคงยังไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ เขายื่นจานติ่มซำมาให้เธอชิมออกกล้อง ปวีณ์อนุญาตให้รายการ ‘หัวใจข้างเขียง’ เข้ามาเป็นเจ้าแรก เพราะเขาเองก็ต้องการประชาสัมพันธ์ร้านเปิดใหม่นี้เหมือนกัน

ปกติเธอไม่ได้ทำงานในส่วนการผลิตของรายการนี้ แต่เพราะฉุยฉายพิธีกรคนเดิมเกิดขาหัก คนหน้าตาดีและไม่กลัวกล้องอย่างเธอจึงถูกส่งมารับผิดชอบแทน เพราะรายการนี้สัมภาษณ์คนดังจึงใช้พิธีกรโนเนมได้ อีกอย่างก็ออกอากาศแค่สามเบรก เมราคิดว่าเธอทำแทนได้สบายอยู่แล้ว

“ลองชิมนี่ดูครับ เสี่ยวหลงเปา เมนูเด็ดของคุณแม่ผม”

พระเอกหนุ่มยังอ่อนโยน ยิ้มหวานแล้วหันไปมองมารดาที่นั่งอยู่หลังกล้อง เป็นสาวใหญ่อายุราวห้าสิบปีแต่ยังสวยอยู่ เมราก็รู้แล้วว่าปวีณ์ได้ผิวสีน้ำผึ้งนวลเนียนมาจากแม่แน่ๆ

แต่เธอคิดว่าปวีณ์ไม่น่าสนใจเท่าของกินตรงหน้า ผู้ชายคนนี้จับต้องไม่ได้ เสี่ยวหลงเปาลูกกระจุ๋มกระจิ๋มส่งกลิ่นหอมฉุยในจานนี้ต่างหากที่จะเข้าปากเธอ

“ผิวของเสี่ยวหลงเปาเป็นแป้งเหนียวนุ่ม เมื่อเจาะหรือฉีกจะมีน้ำซุปร้อนๆ ไหลออกมา”

มีน้ำแล้วห่อได้ยังไง

“วุ้นหนังหมูคือเคล็ดลับของเราครับ”

ปวีณ์ตอบอย่างกับอ่านใจเธอได้ ทั้งที่ไม่ได้ออกปากถาม แต่เขาก็เล่าให้ฟัง พร้อมกับส่งจิ๊กโฉ่วกลิ่นฉุนขึ้นจมูกตามมาให้

“หนังหมูเคี่ยวกับน้ำซุป ทิ้งไว้จนกลายเป็นวุ้น เอามาผสมกับไส้แล้วห่อด้วยแป้ง เมื่อเอาไปนึ่งจะละลาย นี่แหละครับทำให้ภายในของเสี่ยวหลงเปามีน้ำซุปร้อนๆ รสชาติดีอยู่ด้านใน”

อร่อยเป็นบ้า…

ใจเธออยากพูดคำนี้แต่กลัวจะเสียภาพลักษณ์ อย่างไรเสียก็ต้องรักษาความสุภาพเข้าไว้ ไปทำงานที่ไหนจะได้มีแต่คนรักคนเอ็นดู อีกอย่างเมราคนนี้หยาบคายเท่าที่จำเป็นเท่านั้นแหละ

เมรายังดื่มด่ำอยู่กับน้ำซุปรสเลิศของเสี่ยวหลงเปา รู้สึกเลยว่าแค่สามชิ้นที่ปวีณ์ให้ชิมนี้ไม่พอแน่ คงต้องจองคิวเข้ามาลิ้มรสติ่มซำในร้านชาลาลาเป็นการส่วนตัวรอบที่สอง สาม หรือสี่ จะกินให้พุงกางเลย

แต่ตอนนี้เวลางานเธอก็ขอทำงานก่อน หลังจากชิมติ่มซำกันเสร็จก็ให้แขกรับเชิญไปพัก ส่วนเธอไปเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์รอบสอง ส่วนทางช่างภาพไปบันทึกบรรยากาศรอบๆ

ร้านชาลาลาเป็นตึกสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกะทัดรัด หลังคาทรงเก๋งจีน ตกแต่งสไตล์ไชนีสโมเดิร์นด้วยโทนขาวและแดง ด้านในโปร่งโล่งสบายตาไม่มีห้องซับซ้อน ทั้งร้านมีเพียงหกโต๊ะ ตั้งอยู่ติดหน้าต่าง มองออกไปด้านนอกจะเห็นต้นส้มจี๊ดปลูกไว้เป็นรั้วเป็นแนว ที่ลานจอดรถมุงด้วยเถามาลัยทอง ร่มรื่นไปทั่วบริเวณ

ที่ร้านรับลูกค้าวันละไม่เกินหกกลุ่มเพราะเป็นติ่มซำโฮมเมดโดยคุณปรียาเพียงผู้เดียว ถ้าอยากกินต้องจองล่วงหน้า โดยเมนูอาหารจะถูกกำหนดไว้แล้ว เลือกได้แต่ชนิดของชาเพียงเท่านั้น แต่คิวจองยาวไปถึงหกเดือนแล้ว

เมราไม่แน่ใจว่าเพราะรสชาติอาหารหรือเพราะชื่อเสียงของพระเอกหนุ่มผู้เป็นเจ้าของร้านกันแน่ แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ จะขายสินค้ายังต้องการพรีเซนเตอร์ ถ้าปวีณ์จะใช้หน้าตาโฆษณาร้านตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องผิดแปลก

หลังจากทีมงานถ่ายภาพบรรยากาศรอบๆ ร้านเสร็จ คุณปรียาผู้เป็นแม่ของนักแสดงหนุ่มก็เลี้ยงขนมจีบปูอีกหนึ่งชุดระหว่างให้มาตั้งโต๊ะสัมภาษณ์เพื่อพูดคุยเรื่องส่วนตัว ถือเป็นไฮไลต์ของรายการหัวใจข้างเขียง เมราก็ถูกเจ้าของร้านเชิญให้มานั่งในสวนส้มจี๊ดร่มรื่นด้านข้างของร้าน

ดอกส้มจี๊ดส่งกลิ่นหอมสดชื่น แล้วคุณปรียายังใจดีเด็ดลูกเล็กๆ รสจี๊ดจ๊าดสมชื่อให้เธอกับทีมงานกินแก้ง่วง กลัวจะหนังท้องตึงหนังตาหย่อนไปเสียก่อน

“เปา ทางนี้ลูก”

คุณปรียาเรียกเสียงหวานเมื่อทีมงานตั้งโต๊ะสัมภาษณ์เสร็จ จัดแสงจัดฉากองค์ประกอบศิลป์ลงตัว พระเอกหนุ่มก็เดินออกมาจากในร้านพอดี เขาบอกตั้งแต่แรกแล้วว่าขอตัวระหว่างจัดฉากเข้าไปสะสางงานของตัวเอง พอถึงเวลาก็มาเองแบบไม่ต้องให้ใครไปเชิญอย่างกับมีจิตสัมผัสญาณทิพย์เลยทีเดียว

“นั่งตรงนี้เลย แต่เปาสัมภาษณ์คนเดียวนะ แม่ไม่อยากออกกล้อง”

“ไม่นั่งด้วยกันหน่อยเหรอคะ” เมรายังมีความหวังอยู่ว่าจะพาแขกสุดพิเศษออกรายการให้ได้ “ใครๆ ก็อยากเห็นคุณแม่ของคุณเปากันทั้งนั้น คุณแม่ช่วยมานั่งด้วยกันก็ยังดีนะคะ”

“แม่ตื่นกล้องจ้ะ ตอนเปาเข้าวงการใหม่ๆ แม่ก็เคยออกรายการพร้อมเขา แต่สั่นไปหมดเลย ขอตัวดีกว่านะจ๊ะ”

ว่าแล้วมารดาของพระเอกหนุ่มก็ไปนั่งอยู่หลังกล้อง เมรารู้ตัวแล้วว่าอย่ารบเร้า จากนั้นก็ยิ้มหวานให้ปวีณ์หวังจะผูกมิตร อย่างน้อยสิบนาทีที่คุยกัน เธอต้องทำให้บรรยากาศดีที่สุดเพื่อเรตติงของรายการ

ปวีณ์คงพร้อมแล้ว พอมานั่งหน้าเซต พระเอกหนุ่มที่เคยหน้านิ่งอยู่ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างกับมีสวิตช์เปิดปิด เธอเองก็ต้องยิ้มเหมือนกัน

“อย่างแรกเลย คุณเปาช่วยเล่าความเป็นมาของร้านนี้ให้เราฟังหน่อยได้ไหมคะ”

เมราเปิดบทสนทนาตามสคริปต์ที่ฉุยฉายเขียนมาให้ คิดว่าปวีณ์คงอ่านและเตรียมคำตอบมาล่วงหน้าแล้ว และการพูดคุยครั้งนี้จะผ่านการตัดต่อให้เชื่อมโยงกับคำว่าสวัสดีที่กล่าวไปในเทปที่บันทึกกันตั้งแต่เมื่อเช้า

“เป็นความฝันของคุณแม่ผมเองครับ ท่านอยากแบ่งปันรสชาติติ่มซำให้หลายๆ คนได้ลิ้มรสด้วย ติ่มซำทุกชิ้นท่านทำเองกับมือ”

“พิถีพิถันทั้งรสชาติและหน้าตาจริงๆ ค่ะ ทีมงานขอรับประกัน”

เมราตอบอย่างหยอกเย้าและยิ้มหวานให้กล้อง

“แล้วถ้าจองคิวไว้ ลูกค้าจะมีโอกาสเจอคุณเปาที่ร้านบ้างไหมคะ”

“ต่อไปผมคงเป็นลูกจ้างที่นี่แหละครับ” พระเอกหนุ่มตาคมตอบทีเล่นทีจริง “แต่คงทำติ่มซำไม่ไหวนะครับ งานประณีตเกินไป อย่างผมคงทำได้แค่ชงชา แต่ไม่ต้องห่วงครับ ชาอู่หลงที่ร้านเป็นเกรดพรีเมี่ยม ดื่มคู่กับติ่มซำรสดี ถ้าวันไหนผมอยู่ เสิร์ฟให้ถึงมือคุณแน่นอน”

ขายเก่ง…

เมราค่อนแคะอยู่ในใจแต่ยิ้มหวานกลบเกลื่อน คิดว่าปวีณ์คงกำลังใช้หน้าตาเข้าล่อลูกค้าสาวๆ แน่ แต่เธอก็ยอมเล่นตามเกมไปกับเขา เมราเก็บความหมั่นไส้ไว้ในใจแล้วสัมภาษณ์พระเอกหนุ่มต่อไป ยิ้มหวานเข้าไว้ บรรยากาศจะได้ดำเนินไปด้วยดี

“แล้วที่มีข่าวออกมาว่าคุณจะเลิกเล่นละครแล้ว จริงหรือเปล่าคะ”