คุณตาหลง 1/5
บทที่ 2 คุณตาหลง
“ไอ้ดาราจอมสร้างภาพ สุภาพบุรุษสามีแห่งชาติอะไรกัน นี่มันศักรินทร์ดาวร้ายชัดๆ”
หญิงสาวเดินเข้ามาในสำนักงานพร้อมอารมณ์ฉุนเฉียวที่ยังกำจัดทิ้งไม่ได้ แล้วพอได้ยินเสียงเธอ ฉุยฉายผู้มีเฝือกดามขาที่นั่งอยู่ในคอกข้างๆ ก็ผลักเก้าอี้ให้ล้อเลื่อนถอยหลัง ชะโงกหน้าออกมาดู คนที่เพิ่งหาอะไรเย็นๆ ดื่มดับอารมณ์ก็ยังไม่สงบเสียเท่าไร ถ้าวันนี้ไม่ได้บ่น เธอไม่ยอม
“อะไรของพี่เนี่ย”
“ก็ศักรินทร์ดาวร้ายไง ตัวร้ายในลิเกสมัยก่อน ดังจะตายไป”
“หนูหมายถึงพี่ไปบ่นอะไรคุณเปาเขา”
เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องถามเนิบๆ แล้วขยับแว่นตาเหมือนจะตั้งใจจ้องกัน อาจเพราะรู้สึกผิดที่ทำเธออารมณ์เสีย หรือไม่ก็อยากรู้อยากเห็น แต่ต้นเหตุทั้งหมดก็เพราะยายฉุยฉายขาหักไปทำงานไม่ได้ เธอถึงต้องรับหน้าที่แทน
“พี่ขึ้นแบล็กลิสต์นายคนนี้ไว้เลยนะ”
พอมีคนยอมมานั่งฟัง หญิงสาวก็เริ่มบ่นต่อ
“แล้วบอกทีมงานเราด้วยว่าต่อไปถ้าเทปไหนมีนายเปาอะไรนี่มาเป็นแขกรับเชิญ พี่ก็ขอลางานล่วงหน้าเลยแล้วกัน”
“อะไรมันจะขนาดนั้น” ฉุยฉายทำหน้ายุ่งใส่ “เขาเหยียบตาปลาพี่เหรอ”
“เฮอะ! นายนั่นแอ๊บแตกน่ะสิไม่ว่า”
“เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า”
แม่คนขาหักยังเถียงแทนพระเอกชื่อดัง
“คุณเปาอยู่ในวงการมาสิบปี ไม่เคยมีข่าวฉาว แถมยังบริจาคทุนการศึกษาทุกปี เป็นทีมพีอาร์ของหน่วยงานอนุรักษ์เต่าทะเลด้วย ล่าสุดยังเห็นข่าวแบกผู้พิการซ้ำซ้อนลงจากเวทีงานดนตรีหาทุนให้โรงพยาบาลอยู่เลย ใครๆ ก็บอกว่านิสัยดี”
“ดีกับผีน่ะสิ!”
“รังสีอำมหิตแรงมาก รักษาภาพนางฟ้าหน่อยสิคะ พี่เมราขา”
โดนเพื่อนร่วมงานแซวขึ้นมา นางฟ้าเมราก็นิ่งชะงัก เพิ่งรู้สึกว่าตัวเองหัวฟัดหัวเหวี่ยง นั่งแช่งชักหักกระดูกนักแสดงหนุ่มชื่อดังด้วยความไม่ได้ดั่งใจตั้งแต่อยู่บนรถตู้จนกลับถึงสำนักงานเพื่อเอาเทปที่ไปอัดรายการมาส่ง
ต้องยอมรับเลยว่า ‘ปวีณ์ อัคราธิวัฒน์’… พระเอกหนุ่มที่หลายคนคลั่งไคล้หลงใหลทำให้เธอหัวเสียแล้วนั่งบ่นเป็นมนุษย์ป้า หลุดภาพนางฟ้าที่ใครต่อใครได้เห็นเป็นประจำ
ปกติเธอต้องสวย สง่า อ่อนหวาน สมาร์ต สตรอง แต่ที่สติแตกไปเพราะนายนั่นคนเดียวเลย
“เอาล่ะพี่ ตกลงจะเล่าไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”
ฉุยฉายคงเห็นว่าเธอตั้งสติได้ถึงเลิกบ่น ตอนนี้เมราก็เริ่มสับสนเหมือนกันว่าควรหายโกรธหรือยัง แต่เรื่องเล่านี่ทำแน่ๆ
เมราเล่าทุกอย่างโดยละเอียด ใส่อารมณ์บ้างในบางจุด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับทีมงานที่ร้านชาลาลา พระเอกหนุ่มออกฤทธิ์มากแค่ไหน ฉุยฉายฟังไปก็ปั้นหน้าไม่ถูกไปเหมือนกัน
“เออว่ะ ทำไมไม่อ่านสคริปต์”
พอเล่าเรื่องจบ ฉุยฉายก็ชักจะเออออ แต่ดูสีหน้าท่าทางแล้วคงไม่ได้เหม็นขี้หน้านายปวีณ์อย่างที่เธอเป็น อย่างมากก็แค่งง ส่วนตัวเธอพอได้ระบายให้เพื่อนร่วมงานฟังจนจบ ก็เห็นทีว่าควรเลิกเก็บปวีณ์มาเป็นอารมณ์
“คราวหลังพี่ไม่ไปสัมภาษณ์พวกดาราเซเลบฯ ที่ไหนแล้วนะ เรื่องมากจริงๆ ขอทำแค่กระทะทองกับชิงหมวกเชฟก็พอ”
“ยังไงก็ขอบคุณนะที่ไปออกกองแทนหนู” ฉุยฉายก็คงอยากจบเหมือนกัน “หนูจะเอาเทปกลับไปเช็กต่อ กลับบ้านกันเถอะ เดี๋ยวหนูก็จะไปตัดเฝือกแล้ว”
“แต่ถ้าต้องถ่ายซ่อมก็ไม่ต้องมาเรียกพี่นะ”
“จ้า… สัญญาว่าจะรบกวนเท่าที่จำเป็น พี่เมราของหนูจะได้มีเวลาหาผัว เอ๊ย! หาแฟนบ้าง”
“ฉันก็ไม่ได้ไปดักตีหัวเอาที่แผนกช่างกล้องเหมือนเธอนี่ยะ”
คนทำงานจนไม่มีเวลาหาแฟนยกมะเหงกทำท่าจะเขกใส่ แม่ฉุยฉายคนปากดีก็พนมมือไหว้ท่วมหัวเพราะรู้ว่าการแตะคานทองของเธอไม่ใช่เรื่องตลก แต่ที่ยังกระตุกหนวดเสือเพราะอยากให้เธอไปโมโหเรื่องอื่นแทนนั่งก่นด่านายซูเปอร์สตาร์เทวดามาโปรดนั่น
แต่เธอไม่ทำคนเจ็บหรอก แค่พ่นหายใจใส่ แล้วเมราก็ยกแก้วน้ำส้มคั้นเย็นๆ ดื่มดับกระหายเข้าไปอีกรอบ แล้วถอนหายใจไล่ความโทโสออกไปให้พ้นเสียที เอาแก้วไปล้างคราวนี้ เธอก็เลิกคิดถึงเรื่องพ่อดาราอารมณ์เหวี่ยงนั่นด้วย
เมราเก็บข้าวของจากโต๊ะแล้วก็ว่าจะกลับบ้าน เดินทางออกจากสำนักงานแบบโฮมออฟฟิศย่านลาดพร้าว จะว่าใกล้บ้านก็ใช่แต่รถติดบรม ถ้ามีโอกาสได้กลับบ้านก่อนห้าโมงเย็นก็ควรจะรีบคว้าไว้จะได้ไม่ต้องไปนั่งหน้าบูดอยู่บนถนน ว่าแล้วเมราก็ขึ้นรถมินิ คูเปอร์คันน้อยแล้วขับออกจากซอย หวังจะกลับบ้านไปนอนแช่น้ำให้สบายตัว
หญิงสาวคิดไปถึงอ่างอาบน้ำของตัวเอง ฟองสบู่ฟูฟ่องจากน้ำที่ผสมนมผง แช่ให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง แล้วจิบไวน์องุ่นดีๆ สักแก้ว จากนั้นก็นวดตัวด้วยน้ำมันหอมระเหยสกัดจากกุหลาบบัลแกเรีย ทำสปาให้ตัวเองแบบนี้ เมราไม่อยากพลาดสักอาทิตย์ เพราะนี่คือการผ่อนคลายดีที่สุดสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเธอแล้ว
“เฮ้ย!”
