ติ่มซำชาลาลา 2/2
บทที่ 1 ติ่มซำชาลาลา
“จริงครับ”
พระเอกหนุ่มเสียงหนัก เมราได้ยินเสียงทีมงานคนหนึ่งครวญออกมาด้วยความเสียดาย เธอเองก็แปลกใจเพราะเขากำลังดังติดลมบน ดังไปทั่วไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ โกอินเตอร์ไปด้วยแบรนด์ดังระดับโลกก็หลายหน ข่าวฉาวก็ไม่มี อายุเพิ่งจะสามสิบสอง ทำไมถึงตัดสินใจหันหลังให้วงการ
“ผมไม่ได้คิดจะลาวงการบันเทิงไปอย่างเด็ดขาดหรอกครับ เพียงแต่ขอถอนตัวออกจากกองถ่ายละครก่อน อยากมาคอยดูแลคุณแม่ใกล้ๆ หลังจากที่ไม่ได้ทำมาสิบปี”
ปวีณ์ยังตอบคำถามเธอด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟัง ดวงตาคมมองไปยังมารดาที่อยู่หลังกล้อง และไม่ได้มองว่าเธอกำลังจ้องเขาอย่างประหลาดใจ
“เมื่อปีที่แล้วคุณแม่ตรวจพบมะเร็งปากมดลูกระยะเริ่มต้น โชคดีมากที่ตรวจพบเร็วและคุณหมอเก่งรักษาหายขาด แต่มาบอกผมเอาตอนที่รักษาหายแล้ว ผมตกใจนะ แม่ป่วยแต่ผมไม่รู้เรื่องเลย ผมก็อยากอยู่ดูแลท่านอย่างใกล้ชิดมากกว่านี้”
“แล้วแบบนี้ เรายังจะได้เห็นคุณเปาทางทีวีอยู่ใช่ไหมคะ”
“ครับ สัญญาพรีเซนเตอร์หลายตัวยังไม่สิ้นสุด งานอีเวนต์ก็รับอยู่เรื่อยๆ ครับ”
“แล้วถ้าในอนาคต มีละครสักเรื่องติดต่อเข้ามา คุณเปาจะเปลี่ยนใจกลับมาเล่นละครบ้างไหมคะ”
“ผมยังไม่รู้หรอกครับ” พระเอกหนุ่มตอบกั๊กๆ “รู้แต่ว่าจะลางานละครสักพักก่อน ก็อยากมาดูแลครอบครัว”
“แบบนี้ถ้าจะมองว่าเตรียมตัวสร้างครอบครัวด้วยก็ได้ใช่ไหมคะ… เอ้ จะใช่ข่าวดีกับโรส ริลณี หรือเปล่าน้า”
“เอ๊ะ!”
พอเธอถามถึงนางเอกสาวที่มีข่าวว่าซุ่มคบกันอยู่ ปวีณ์ก็ขมวดคิ้วนิดหน่อยแล้วจ้องหน้ากัน แต่คนถามออกจะงงเพราะฉุยฉายเขียนคำถามนี้ไว้ในสคริปต์ เขาต้องเตรียมคำตอบไว้สิไม่ใช่ทำหน้ายุ่งใส่ ต้องรู้ล่วงหน้าแล้วว่าจะโดนแซวพอให้เป็นสีสันรายการ
แต่ปวีณ์ทำอย่างกับเธอไปถามละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว นอกจากจะไม่ยอมเล่นบทรื่นเริงให้เข้ากับบรรยากาศของรายการแล้ว ยังหน้าเคร่งหน้าตึงใส่กันเสียอีก
“ผมยังไม่คิดจะแต่งงานครับ”
“อ้อ…”
เมราเออออไปก่อนเผื่อจะช่วยรักษาอาการหน้านิ่วๆ ของพระเอกหนุ่มให้กลับมายิ้มหวานได้ พอเห็นท่าทีว่าเธอจะไม่ถามเรื่องหัวใจ คิ้วผูกกันของเขาก็คลายลง เอาเป็นว่าเธอไล่ไปหาคำถามต่อไปในสคริปต์ก็แล้วกัน
“แล้วกลับมาจับธุรกิจร้านอาหารแบบนี้ คุณจะกลับไปบริหารเหลาหลงด้วยตัวเองเลยไหมคะ”
“ครับ?”
“ร้านเหลาหลงไงคะ”
หญิงสาวย้ำเผื่อว่าปวีณ์จะเข้าใจ แต่ชักมั่นใจแล้วว่าพระเอกหนุ่มไม่ได้อ่านสคริปต์มาล่วงหน้า ถึงไม่รู้ว่าเธอจะถามอะไร
“ก็คุณเป็นทายาท แต่เหลาหลงไม่ออกสื่อมาสิบกว่าปีแล้ว ทำไม…”
“คุณสืบประวัติของผมมาได้ขนาดนี้เลยเหรอ!”
“คุณเป็นดารานะคะ ประวัติก็มีให้ค้นตั้งเยอะแยะ”
“แต่ผมว่าตลอดเวลาที่ผมทำอาชีพนักแสดง ผมไม่เคยพูดเรื่องเหลาหลง”
“ก็คุณเคยให้สัมภาษณ์มาก่อนว่าคุณคือลูกชายของคุณวัลลภ อัคราธิวัฒน์… แวดวงนักชิมเขาก็รู้ว่าคุณเป็นทายาทของกุ๊กเฉิน”
เมราตอบไปตามซื่อ ไม่เข้าใจว่าพระเอกหนุ่มจะโมโหไปทำไมกับสิ่งที่เผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์จนทางทีมงานหาข้อมูลมาได้ ประวัติของเขาออกจะหราอยู่ในอินเทอร์เน็ต คนเขาก็รู้กันทั่วว่าปวีณ์เป็นใคร
ที่ผ่านมาทุกคนได้แต่เดาไปว่าที่เขาไม่รับช่วงร้านเหลาหลงก็เพราะมาทำงานในวงการบันเทิง แต่พอมาเปิดร้านติ่มซำให้มารดา ก็ย่อมมีคนอยากรู้บ้างว่าเขาจะกลับไปรับช่วงต่อด้วยไหม
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ผมว่าพวกคุณก็น่าจะได้บทสัมภาษณ์ไปจนพอใจแล้ว”
พิธีกรสาวเริ่มคิ้วขมวด กล้องก็ยังเดินอยู่แท้ๆ ถามไปได้ไม่กี่เรื่อง ปวีณ์จะมาบอกให้เลิกสัมภาษณ์เอาง่ายๆ อย่างนี้หรือ
“ขอโทษนะคะถ้าฉันถามอะไรไม่ถูกใจคุณ” หญิงสาวพยายามพูดอย่างใจเย็น “เอาเป็นว่าเราจะไม่ถามเรื่องเหลาหลงอีก แต่ขอสัมภาษณ์ต่อได้ไหม”
“พอแล้ว”
“แต่เวลาออนแอร์จะไม่พอนะคะ”
“ก็ตัดๆ ของที่ถ่ายเมื่อเช้านี้ลงไปแทนสิ” เขาตอบอย่างขอไปที “หรือถ้าคุณอยากจะถ่ายทำบรรยากาศในร้านต่อก็เชิญ แต่ผมขอตัวก่อน แล้วก็ไม่ต้องมาถามอะไรอีกนะ”
“ฉันแค่ถามไปตามสคริปต์เองนะคุณ” เมราก็เห็นทีว่าจะไม่ยอม “คุณไม่ได้อ่านสคริปต์มาล่วงหน้าใช่ไหมถึงไม่ได้บรีฟกับฉันก่อนว่าเรื่องไหนถามได้หรือไม่ได้ แล้วถ้าฉันรู้ว่าถามเรื่องเหลาหลงแล้วจะทำให้คุณอารมณ์เสียขึ้นมาแบบนี้ ฉันก็ไม่ถามหรอกค่ะ”
“ก็หยุดถามสักทีสิ!”
ปวีณ์เสียงดังจนหญิงสาวสะดุ้งเฮือก ได้แต่นั่งตัวแข็งและเผลอกลั้นหายใจอย่างลืมตัว มองเขาแล้วก็พูดไม่ออก เธอเพิ่งรู้ว่าทำให้ชายหนุ่มโกรธเข้าเสียแล้ว
แต่เขาโกรธอะไรล่ะ เธอผิดตรงไหน ก็ทำทุกอย่างตามสคริปต์ ปวีณ์นั่นแหละที่ไม่เตรียมตัวแล้วพาลอีกต่างหาก อยู่ในวงการถึงขั้นเป็นซูเปอร์สตาร์มาได้อย่างไรตั้งสิบปี แค่เตรียมตัวอ่านบทหรือบรีฟกับทีมงานก็ยังไม่ทำ แล้วพอเจอคำถามไม่ถูกใจยังมาอารมณ์เสีย ไม่มีความเป็นอาชีพเอาเสียเลย
“คุณ! จะไปไหนน่ะ ยังถ่ายรายการไม่เสร็จเลยนะ”
“พอแล้ว”
“แต่…”
“คุณก็ไปได้แล้ว!”
เขาไล่แต่เป็นฝ่ายเดินหนีเสียเอง
ปวีณ์คว้ามือมารดาเดินจ้ำๆ กลับเข้าร้านไปแล้ว ทิ้งให้เธอและทีมงานยืนงงอยู่ในดงส้มจี๊ด จะทำอะไรต่อก็นึกไม่ออกเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอถูกไล่ตะเพิด
นักแสดงหนุ่มคนดังหายลับเข้าไปในร้าน เธอก็ไม่คิดจะเดินตามเหมือนกันเพราะรู้ว่าวันนี้มันพังและจบอย่างไม่อาจกู้คืน แล้วถ้าจะให้มาถ่ายซ่อมล่ะก็ พิธีกรต้องไม่ใช่เธออย่างเด็ดขาด
พ่อพระเอกเทวดาเดินหายไปโน่นแล้ว เมราก็ไม่อยากทนอยู่ในดงส้มจี๊ดนี่เหมือนกัน จะไม่กลับมาเหยียบร้านนี้ด้วย รีบๆ เก็บของแล้วไปให้พ้นดีกว่า เดี๋ยวทนไม่ไหวแล้วจะด่าเจ้าของร้านเข้า อาจจะมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล เธอไม่อยากเสียเงินจ้างทนาย
อีกอย่างจะมีใครสักกี่คนเชื่อว่าหนุ่มมาดอบอุ่นเวลาอยู่หน้ากล้องอย่างปวีณ์จะเหวี่ยงเธอและทีมงาน ถ้าเกิดโดนแฟนคลับพ่อมหาจำเริญหาว่าใส่ร้ายเขาเพื่อหวังเรียกเรตติงให้รายการ คงโดนแหกอกยับ
ก็ใครจะเคยเห็นด้านมืดของปวีณ์เหมือนเธอบ้างล่ะ!
