5:นายงามผู้กระชับความสัมพันธ์
5
นายงามผู้กระชับความสัมพันธ์
ห่างออกไปไม่ไกลจากเรือนม่านเมฆาที่ถูกนำมาปรับปรุงให้เป็นห้องหอ หานหมิงซานก็ได้ถามพี่ชายของตนที่อีกไม่นานจะต้องเข้าไปหาเจ้าสาวที่รออยู่ในนั้นว่า
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับพี่ใหญ่? ความรู้สึกของคนที่เพิ่งแต่งงาน”
“เฉยๆ” หานหมิงเทียนตอบตามความรู้สึกของตน สำหรับเขา การแต่งงานตามพระราชโองการก็เหมือนทำงานตามพระราชโองการนั่นแหละ เพียงแต่จะมีคนเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเพิ่มหนึ่งคนเท่านั้นเอง
“ขอรับ…ก็ตอบสมกับเป็นท่านดี” ผู้เป็นน้องชายเอ่ยพลางคิดในใจ
ถ้าพี่ข้าบอกว่าดีใจสิแปลก…
“แล้วถ้าเป็นเจ้าจะตอบว่าอย่างไร?”
“ไม่รู้สิขอรับ ยังคิดภาพตัวเองใส่ชุดแต่งงานไม่ออกเลย” หานหมิงซานตอบตามตรง
“อย่างพี่รองน่ะ ข้าว่าไม่น่าแต่งหรอกเจ้าค่ะ เปลี่ยนบุปผาเปลี่ยนอาภรณ์ไปวันๆ เช่นนี้แหละ” หานอิงมี่กล่าวพลางหัวเราะเบาๆ (นางเข้าใจว่าพี่ชายเพิ่งเริ่มหาสาวหลังนางแต่งงาน ถ้ารู้ว่าเป็นคนเสเพลมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้รับประกันความเละแน่นอน)
“อิงมี่! เจ้าก็ปากคอเราะร้ายเสียจริง พูดอย่างกับว่าข้าไม่ทำอย่างอื่นเลยนอกจากไปหาสาวๆ” หานหมิงซานเอ่ยพร้อมกับเบ้ปากใส่น้องสาว
“มี่เอ๋อร์ก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเองขอรับ” เซี่ยเฟยหงที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดเสริม
“หนอยยย! เข้าข้างกันดีนักนะ!”
“โอ๋ๆ พี่รองของข้าไม่งอนนะเจ้าคะ อย่างไรสำหรับข้าท่านก็เป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่ง แต่หากข้าเป็นสตรีข้าจะไม่เฉียดกรายไปยุ่งกับท่านเด็ดขาด! ยิ่งไม่ต้องพูดถึงทำข้อตกลงยอมให้ท่านไปมีคนอื่นด้วย!” หานอิงมี่เอ่ย ตอนต้นคล้ายจะง้อพี่ชาย แต่ตอนท้ายยิ่งกว่าไม้หน้าสามที่ฟาดกลางแสกหน้า
“ใช่ๆ” ผู้เป็นสามีพยักหน้าอย่างสนับสนุน
“นี่พวกเจ้ามารออวยพรส่งพี่ใหญ่ หรือมารุมว่าข้ากัน! และข้อตกลงนั่นข้าก็ไม่ได้ห้ามพวกนางไปคุยกับคนอื่นเสียหน่อย ได้ผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย วินๆ อีกอย่างนะอาหง สมัยก่อนเจ้าก็เหมือนกับข้านั่นแหละ! ไม่ต้องมาเออออห่อหมกตามน้องสาวข้าเลย”
“ตอนนั้นข้าก็แค่นึกสนุกเท่านั้นเองขอรับ~”
“ถ้าเขาไม่เลิกข้าก็ไม่ตกลงปลงใจกับเขาหรอกเจ้าค่ะ!”
“หึ!!”
ไอ้พวกคนมีคู่! ข้ามันคนคี่จะไปเถียงชนะพวกเจ้าได้อย่างไร!?
“เอาน่าพี่รอง ข้าถึงได้บอกอย่างไรเล่าขอรับว่าเมื่อท่านมีความรักท่านจะเข้าใจเอง” เซี่ยเฟยหงเอ่ยกับพี่เขยคนรองที่ตอนนี้สะบัดหน้าหนีไปอีกทางราวกับเป็นสตรี
“ใช่เจ้าค่ะ ตอนนี้พูดไปท่านพี่ก็ไม่เข้าใจหรอก” หานอิงมี่กล่าว ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับพี่ชายคนโตที่หลังจากถามหานหมิงซานกลับในตอนนั้นก็เอาแต่เงียบมาตลอด
“มีหลานให้พวกข้าอุ้มไวๆ นะเจ้าคะ จื้อเอ๋อร์กับเจี๋ยเอ๋อร์จะได้มีน้องเสียที” หานอิงมี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม ส่วนตนเองกับบุรุษข้างกายจะรีบกลับไปหาสองแฝด ซึ่งตอนนี้ฝากหานหลี่หลุนและพวกแม่ๆ ไว้ แต่หากมิได้อยู่กับหานอิงมี่ เป็นตายร้ายดีอย่างไร เด็กทั้งสองก็จะไม่ยอมเข้านอน
“เช่นนั้นข้ากับมี่เอ๋อร์ขอตัวก่อนนะขอรับ มีความสุขมากๆ นะขอรับท่านพี่เขย” เซี่ยเฟยหงพูดพลางค้อมหัวให้พี่เขยคนโตอย่างเกรงๆ ผิดกับตอนที่พูดคุยหยอกล้อกับพี่เขยคนรองอย่างเป็นกันเอง
“อืม…ไปเถิด” หานหมิงเทียนกล่าวเสียงเรียบ เซี่ยเฟยหงจึงรีบคว้ามือของอิงมี่แล้วพานางเดินกลับไปเรือนพันดาราทันที บอกตามตรงว่าจนมาถึงวันนี้เขาก็ยังไม่ค่อยกล้าพูดคุยกับพี่ชายคนโตของฮูหยินสักเท่าไร เพราะบุคลิกที่ดูเข้าถึงยาก และแววตาที่เรียบเฉยอยู่ตลอดเวลาของอีกฝ่าย
“นี่ทั้งสองคน!” หานหมิงซานที่หันกลับมาตัดสินใจรั้งน้องสาวกับน้องเขยไว้ ด้วยคิดว่าอยากจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างน้องเขยกับพี่ชายของเขา
แหม...อุตส่าห์เป็นคนในครอบครัวเดียวกันทั้งที จะทำตัวไร้ปฏิสัมพันธ์กันเช่นนี้ได้อย่างไร?
จริงๆ ตอนแรกก็ไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรหรอก แค่หมั่นไส้เท่านั้นเอง
“อะไรหรือเจ้าคะ? / ขอรับ?” เมื่อเห็นทั้งคู่หันกลับมา คุณชายรองตระกูลหานก็ทำหน้าทะเล้นใส่ ก่อนกล่าวว่า
“เรื่องอะไรจะต้องรอให้พี่ใหญ่มีล่ะ ในเมื่อพวกเจ้าเสกน้องให้จื้อเอ๋อร์กับเจี๋ยเอ๋อร์เลยก็ได้นี่”
“ท่านพี่นี่ล่ะก็…” อิงมี่เอ่ยพลางหน้าเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเอียงอาย
หึๆ ถ้าแซวเรื่องนี้ล่ะก็…อย่างไรอาหงก็ต้องลืมเกร็ง
“เป็นความคิดที่บรรเจิดยิ่งขอรับท่านพี่เขย!!” เซี่ยเฟยหงตอบหานหมิงซานด้วยแววตาเป็นประกาย จึงถูกคนข้างๆ ตีแขนหนึ่งที
“พอเลยเจ้าค่ะ! รอให้จื้อเอ๋อร์กับเจี๋ยเอ๋อร์โตกว่านี้อีกสักหน่อยค่อยมีดีกว่า”
“แต่ใช่ว่าระหว่างนั้นจะทำไม่ได้นี่นา จริงหรือไม่?” เซี่ยเฟยหงยิ้มเจ้าเล่ห์
เพราะมีนวัตกรรมใหม่จากพระปรีชาของต้าเทียนฮ่องเต้ที่ทรงคิดค้นออกมาให้ชายหญิงสามารถร่วมรักกันได้ โดยที่มิต้องมานั่งกังวลว่าฝ่ายหญิงจะท้องหรือไม่ ไว้พร้อมอยากมีบุตรเมื่อใดถึงเลิกใช้มัน และสิ่งของนั้นก็คือถุงยางอนามัยนั่นเอง! โดยมีสำนักพระราชวังเป็นผู้ผูกขาดการผลิตรวมถึงการจัดจำหน่ายทั้งหมด ซึ่งต้าเทียนฮ่องเต้ได้ให้เหตุผลว่าเพื่อควบคุมมาตรฐานมิให้เกิดความผิดพลาด รวมทั้งป้องกันการแข่งขันของบรรดาผู้ผลิต ที่ชอบขายของตัดราคากัน หากแต่คุณภาพของก็จะต่ำตามราคา เพื่อประหยัดต้นทุนและเอากำไร
ซึ่งกับอย่างอื่นน่ะต้าเทียนไม่ว่าอะไรหรอก แต่ขอร้องเถอะกับถุงยางอนามัยเนี่ย เขายอมให้มีการตัดราคากันมิได้จริงๆ มิเช่นนั้นใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่!
(เนื่องจากวัชรวีร์ได้มองการณ์ไกลไว้แล้วว่าถ้าไม่ให้ประชากรคุมกำเนิดกันตั้งแต่เนิ่นๆ ล่ะก็…ในอนาคตจะต้องมีคนล้นบ้านล้นเมืองแน่ แถมส่วนมากจะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจนด้วย ดังนั้นบ้านไหนจนมากๆ ต้าเทียนฮ่องเต้จึงมีพระราชดำริให้แจกฟรีไปเลย!)
“นี่ท่านแอบไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อใดกัน!?” หานอิงมี่ที่รู้ความนัยอีกฝ่ายเอ่ยเสียงดัง
เป็นไปตามแผน! ร่างสูงโปร่งที่รับบทเป็นนายงามมิตรภาพคิดในใจ
“ไม่เอาสิมี่เอ๋อร์ เรื่องลับๆ ของสองเรามิควรพูดในที่แจ้ง”
“ท่านเริ่มก่อนมิใช่หรือ!?”
“แต่เจ้าเป็นคนพูดต่อ”
“ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว!” หานอิงมี่เอ่ยแล้วสะบัดหน้าเดินจากไปจากตรงนั้น
ทุกวันนี้แค่เลี้ยงจื้อเอ๋อร์กับเจี๋ยเอ๋อร์ก็แทบไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่นแล้ว สามีผู้นี้ยังจะ… บุรุษอะไรช่างน่าตายจริงๆ
ท่าทางของน้องสาวกับน้องเขยทำให้หานหมิงเทียนหลุดยิ้มบางๆ ออกมาด้วยความเอ็นดู โดยมีคนต้นคิดยืนยิ้มทะเล้นอยู่ข้างๆ
นั่นแน่!! ผู้ใดว่าพี่ใหญ่ตายด้านกัน!?
“เห็นไหม! พี่ใหญ่ก็มิได้น่ากลัวเสียหน่อย” หานหมิงซานกล่าว ก็ไม่เข้าใจว่าน้องชายที่เป็นถึงแม่ทัพผู้เก่งกาจ (ที่ตอนนี้ผันตัวเองมาเป็นครูฝึกทหาร เพราะบ้านเมืองสงบมาก) แถมยังเคยเป็นถึงพยัคฆ์แห่งไท่ซาน ผู้ที่มีสัมพันธ์กับสตรีไปทั่ว ไยตอนนี้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้…
คงเป็นเพราะเกรงใจมี่เอ๋อร์กระมัง ลองพี่ใหญ่ไม่ใช่คนในครอบครัวสิ เหอๆๆ จริงๆ เมื่อสองอาทิตย์ก่อนตอนข้าชวนไปเหลาสุราก็ทีหนึ่งแล้ว วันนี้ยังจะมีอีก…
นี่สินะ ที่ว่าบุรุษกลัวเมีย เช่นนั้นตัวข้า หานหมิงซานจะไม่ขอมีฮูหยินเป็นตัวเป็นตนเด็ดขาด!! เพราะข้าจะไม่มีทางลงให้สตรีหน้าไหนทั้งนั้น!! หานหมิงซานแอบตั้งปณิธานขึ้นมาในใจ
“เช่นนั้นข้าขอตัวอีกครั้งนะขอรับ” เซี่ยเฟยหงหันมาทำความเคารพหานหมิงเทียนกับหานหมิงซานอีกครั้ง ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวตามฮูหยินสุดที่รักไป
พลันหานหมิงซานก็เหลือบมาเห็นสายตาเรียบเฉยของพี่ใหญ่ที่มองมายังตน จึงรีบกล่าวอวยพรทันที
“ขอให้มีความสุขมากๆ นะขอรับพี่ใหญ่ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วล่ะ เพราะที่ควรพูดก็ได้พูดไปหมดแล้วตอนรดน้ำหอย”
“หอยสังข์…” หานหมิงเทียนเติมให้
“ขอรับ…หอยสังข์” หานหมิงซานตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
“เจ้าก็เช่นกัน…เดินทางดีๆ ล่ะ” หานหมิงเทียนตอบเสียงเรียบ อีกฝ่ายพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถม้าเพื่อออกเดินทางไปส่งของให้ลูกค้าที่เมืองเว่ยอี้ หลังจากที่ขอเลื่อนส่งมาตั้งสองอาทิตย์!
จะได้ไปเจอหวาหวาสักที! อ้อระหว่างนั้นแวะหาบ้วนลี่ ผิงผิง น่าน่าด้วยดีกว่า เราต้องไปส่งความรักให้ทั่วถึง! แต่เพื่อความมั่นใจ ตรวจดูอีกรอบดีกว่าว่าเอาของที่จำเป็นไปครบหรือยัง
“ของที่จะเอาไปส่งเถ้าแก่โม่…ครบ แผนที่…มีแล้ว น้ำดื่ม…มีแล้ว อาหารแห้ง…มีแล้ว หญ้าของอาเทียนก็มี…โอเคไม่มีขาดตกบกพร่อง” หานหมิงซานพึมพำกับตนเองเบาๆ ก่อนจะขึ้นไปนั่งประจำตำแหน่งแล้วเอาบังเหียนไปกุมไว้ ก่อนจะเอ่ยกับอาชาสีขาวที่มีลายจุดสีดำขึ้นประปรายตรงช่วงล่างของลำตัว ซึ่งเป็นลูกของอิงมี่กับเฟยหงที่เขาขอมาเลี้ยงและใช้เป็นพาหนะในการบรรทุกสินค้าไปขายโดยมีตัวเขาเป็นคนขับว่า
“ไปกันเถอะอาเทียน” ซึ่งความจริงแล้วตอนแรกมันชื่อไคว่ผ่าว แต่เขาเพิ่งเปลี่ยนให้เมื่อสองอาทิตย์ก่อนนี้เอง เพื่อเป็นที่ระลึกแก่พี่ชายที่กำลังจะแต่งงาน (ฟังดูไม่เกี่ยวกันเลย)
“ฮี้~~” อาเทียนส่งเสียงตอบรับราวกับฟังรู้เรื่อง เมื่อผู้เป็นเจ้านายใช้มือข้างหนึ่งลูบไปที่สีข้างของมันเบาๆ อาเทียนก็เริ่มก้าวเท้าเดินทันที…
