6:แวะหาความสำราญ
6
แวะหาความสำราญ
พอพ้นประตูจวนอาเทียนก็ค่อยๆ เพิ่มความเร็วมากขึ้นจากตอนแรกที่ก้าวเท้าเดินตอนนี้กลายเป็นวิ่งเหยาะๆ โดยมีผู้เป็นเจ้านายนั่งกุมบังเหียนด้วยท่าทางสบายๆ พร้อมกับฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ตาอินกับตานาเล่นน้ำเต้าปูปลาแหวกว่ายเวียนวน เล่นกันนานนมเป็นคู่รู้ใจกลมเกลียว~~”
แต่…ผู้ที่น่าสงสารก็คืออาเทียนน่ะสิที่ต้องมาทนฟังเสียงร้องเพลงของร่างสูงโปร่งข้างหลัง…
มากับอาเทียน หานหมิงซานแทบไม่ต้องกลัวอันตราย เพราะนอกจากจะทำหน้าที่เป็นอาชาแล้ว อาเทียนยังทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ที่ดีอีกด้วย และตั้งแต่ตอนที่ต้าเทียนฮ่องเต้จัดตั้งหน่วยตำรวจขึ้นมา (และอีกหลายหน่วยที่ไม่มีผู้ใดรู้) โดยมีหน้าที่สอดส่องดูแลความปลอดภัยของประชาชนในแคว้น โจรผู้ร้ายที่คอยดักปล้นทรัพย์สินพวกพ่อค้ากลางทางก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนตอนนี้แทบไม่มี
และเหตุผลที่ทำให้เขาชอบเดินทางตอนกลางคืนเพราะไปได้เร็ว การคมนาคมไม่ติดขัด ถ้าไปถึงที่หมายเร็วก็จะได้มีเวลาอยู่กับสาวๆ แต่ละคนมากขึ้น!
…พอออกเดินทางมาได้สักพักสายตาของหานหมิงซานที่กำลังขับรถม้าอยู่ก็เหลือบไปเห็นป้ายขนาดใหญ่ติดอยู่บนอาคารสูงสามชั้นสีแดงว่า
‘โปรโมชันเปิดใหม่ สำหรับผู้มาใช้บริการหอเม่ยจิน ตั้งแต่วันนี้ถึงสิ้นเดือนซื้อ 2 นารี แถม 1 อนงค์ สุรา 1 ไหฟรี!’
โอ้โห…ต้องจารึกไว้แล้วล่ะว่ายุคต้าเทียนฮ่องเต้นี้ดี ค้าขายเสรีมีหอนางโลมอย่างถูกกฎหมาย~~
และนั่นก็ทำให้คุณชายรองตระกูลหานไม่รอช้าเลี้ยวรถม้าเข้าไปทันที!
“ฝากด้วยนะอาเทียน เดี๋ยวข้ากลับมา” หานหมิงซานกล่าวพร้อมกับหันไปลูบหัวอาชาคู่ใจหลังจากจอดรถม้าไว้ในพื้นที่สำหรับจอดพาหนะ ก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน
“อ้าว! พี่หมิงซาน!” ไม่ทันไรก็เจออังชุนเป่าที่น่าจะมาถึงก่อนเขาเพียงไม่นานร้องทัก
“อ้าว! อาเป่า! เจอกันอีกแล้ว!” หานหมิงซานตอบรับด้วยไมตรีจิต
“พอดีหลังงานแต่งคุณชายใหญ่ข้าก็กะว่าจะกลับไปนอนอยู่บ้านน่ะขอรับ แต่…เอ่อ…” คู่สนทนาเอ่ยพร้อมกับก้มหน้าลง
“เห็นป้ายโปรโมชันเลยแวะเข้ามา?”
“ขอรับ…” อังชุนเป่ารับคำด้วยท่าทีเหนียมอายเล็กน้อย
“ข้าก็เหมือนกัน ฮ่าๆ” หานหมิงซานพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“เฮ้อ…ทำอย่างไรได้เล่า อังชุนเป่า ก็ท่านแม่ทัพของเจ้าน่ะเข้าสมาคมคนกลัวเมียไปแล้ว” หานหมิงซานกล่าวถึงน้องเขยตัวเองที่ตั้งแต่แต่งงานกับน้องสาวของเขาก็ถอดเขี้ยวเล็บของตัวเองออกไปหมด สุราแทบไม่แตะ มานั่งดื่มไม่ถึงครึ่งไหก็รีบกลับไป นารียิ่งไม่ต้องพูดถึง
ก็ต้องขอย้ำอีกรอบนะว่า…เหอะๆ นี่หรือคือผู้ที่เคยเป็นถึงพยัคฆ์แห่งไท่ซาน ผู้แจกความสัมพันธ์ให้หญิงสาวไปทั่ว
“ไม่เป็นไรขอรับ แค่สองคนก็ได้…” อังชุนเป่า รองแม่ทัพที่ยังไม่เจอคนรู้ใจเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
อย่าว่าแต่ท่านเลยพี่หมิงซาน วันนั้นข้าก็เห็นเหมือนกัน…
ท่านแม่ทัพเปลี่ยนไป!
“ว่าแต่…ระบบของหอนี้มันอะไรยังไงล่ะเนี่ย?” หานหมิงซานถามด้วยความสงสัย พลางกวาดตามองบรรยากาศรอบๆ ตัวที่เป็นห้องโถงสีแดงซึ่งมีเพียงเก้าอี้รับรองให้นั่งรอกับประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่หลังสุดอย่างแปลกใจ
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันขอรับ เพิ่งเคยมา…”
“เออเนอะ หอเพิ่งเปิดใหม่นี่นา เช่นนั้นคงไม่มีใครรู้หรอก” หานหมิงซานกล่าวพลางหัวเราะร่วน พลันก็มีร่างเพรียวระหงในอาภรณ์สีชมพูและเรือนผมสีน้ำหมึกที่ถูกเกล้าขึ้นปักปิ่นอย่างกุลสตรีเดินออกมาจากข้างหลังบานประตู
“ยินดีต้อนรับคุณชายทั้งสองท่านเข้าสู่หอเม่ยจินเจ้าค่ะ! ยู่ยู่ต้องขออภัยด้วยนะเจ้าคะที่ออกมาต้อนรับช้า พอดีตำแหน่งพนักงานต้อนรับของเราในตอนนี้ยังไม่มีน่ะเจ้าค่ะ”
“ยู่ยู่?” อังชุนเป่ากับหานหมิงซานทวนคำอย่างสงสัย
“เจ้าค่ะ ข้าชื่อยู่ยู่เป็นนายหญิงประจำหอเม่ยจิน” คำพูดของนางทำให้ทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะภาพลักษณ์ของแม่เล้าในหัวพวกเขานั้นต้องแต่งกายด้วยอาภรณ์เลิศหรูรุงรังและทาปากสีแดงฉูดฉาด แต่สตรีผู้นี้คลับคล้ายเป็นเพียงดรุณีวัยแรกแย้มผู้หนึ่งเท่านั้น
“คือว่า…พวกข้าต้องการมาใช้โปรโมชัน 2 แถม 1 และสุราฟรีน่ะ” หานหมิงซานเปิดประเด็น ส่วนอังชุนเป่าก็พยักหน้ารับ ยู่ยู่จึงตอบว่า
“ได้เลยเจ้าค่ะ แต่ให้เข้าไปเลือกได้ทีละคนนะเจ้าคะ เพื่อป้องกันการเลือกซ้ำกัน…”
“อ๋อ…”
“เช่นนั้นคุณชายที่อาวุโสกว่าเชิญทางนี้เลยเจ้าค่ะ” ยู่ยู่กล่าวพลางพาหานหมิงซานเปิดประตูเข้ามายังห้องที่มีแต่เหล่าสตรีใบหน้างดงามหมดจดนั่งเรียงรายกันอยู่บนเก้าอี้ ซึ่งตอนแรกบ้างก็กำลังนั่งหาว บ้างนั่งตะไบเล็บ บ้างแต่งหน้า แต่พอเห็นมีแขกเข้ามาก็รีบเปลี่ยนอิริยาบถแล้วส่งยิ้มหวานหยดย้อยให้แขกทันที
โดยพวกนางล้วนแล้วแต่เป็นสาวงามที่สมัครใจมาเป็นนางคณิกาของหอเม่ยจินทั้งสิ้น เพราะเห็นว่ารายได้ดี ส่วนที่จัดโปรโมชัน คนขาดทุนคือตัวของยู่ยู่ เพราะนางได้มองการณ์ไกลแล้วว่าหากต้องการแข่งกับหอเทียนลู่ฮัวก็ต้องดึงลูกค้าเข้ามาที่นี่ให้ได้ก่อน ช่วงแรกจึงยอมเสียเงินเข้าเนื้อ แต่หลังจากทุกคนติดใจหอเม่ยจินล่ะก็...
เมื่อนั้นนางจะโกยกำไรคืน!
“ถูกใจสามคนไหนเลือกได้เลยเจ้าค่ะ ส่วนสุราก็มีให้เลือกว่าจะเอาสุราข้าวหรือสุราดอกเหมย” ริมฝีปากแดงระเรื่อของยู่ยู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“เอาสุราข้าวละกัน” ร่างสูงโปร่งตอบทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
ต้องเดินทางไกล ดื่มสุรารสเข้มคงไม่ดีนัก ก่อนกลับมาให้ความสนใจกับสตรีหลายสิบนางที่นั่งส่งยิ้มยั่วยวนให้ตรงหน้า
“ข้าเลือกแม่นางชุดฟ้าคนนี้ แม่นางชุดม่วงคนโน้นกับแม่นางชุดแดงคนนู้นละกัน” หานหมิงซานกล่าวโดยใช้สายตาแทนการใช้นิ้วชี้
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นทั้งสามคนที่ถูกเลือกก็มาพาคุณชายขึ้นไปรอบนห้องได้เลย ส่วนสุราข้าจะยกตามขึ้นไปให้นะเจ้าคะ” ยู่ยู่กล่าวพลางหันหลังเดินออกไปเตรียมสุราให้แขก
“เดี๋ยวก่อน!” เสียงเรียกของหานหมิงซานทำให้ร่างบอบบางหมุนตัวกลับมาถามด้วยความสงสัย
“เจ้าคะ?”
“แล้วถ้าข้าต้องการใช้บริการแม่เล้า ข้าต้องจ่ายเท่าใด?” ร่างสูงโปร่งถามด้วยแววตามีเลศนัย อีกฝ่ายยกมือขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวพร้อมกับขยิบตาให้บุรุษตรงหน้า
“หากข้าถูกใจผู้ใด ข้าก็จะเสนอตัวรับใช้เองเจ้าค่ะ หากคุณชายอยากเป็นคนที่ข้าถูกใจ ก็มาใช้บริการหอเม่ยจินของข้าบ่อยๆ สิเจ้าคะ” จากนั้นนางก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะเหลียวหลังกลับมามองอีกฝ่าย ทำให้หานหมิงซานเกิดความรู้สึกอยากเอาชนะขึ้นมา
ได้! สักวันข้าจะทำให้เจ้ายอมมาปรนนิบัติข้าให้ได้
จำไว้เลยยู่ยู่!
รู้สึกว่าช่วงนี้ดวงของข้าจะสมพงษ์แต่กับสตรีที่น่าสนใจแฮะ…
แม่นางเสี่ยวหลินก็คนหนึ่งแล้ว เสียดายที่ยังไม่ได้ไปขอช่องทางติดต่อ เพราะพอประกาศเลิกงานต้าเทียนฮ่องเต้ก็ให้คนของตนมายืนประกบแล้วพาตัวขึ้นรถม้าไปราวกับรู้ทันข้า…ไม่เป็นไร ไว้รอเจอกันนอกรอบก็ได้!
ต่อไปหากไม่รวมบ้วนลี่ ผิงผิง น่าน่า หวาหวาแล้ว ข้าจะได้เจอใครอีกนะ?
“คุณชายจะขึ้นไปที่ห้องเลยไหมเจ้าคะ? พวกเราจะได้นำทาง” สตรีคนแรกที่ถูกเลือกเอ่ย หานหมิงซานพยักหน้ารับแล้วปล่อยให้สตรีทั้งสามเข้ามาเกาะแขนแล้วลากร่างของเขาให้เดินตามขึ้นบันไดไปอีกชั้น ระหว่างทางร่างสูงโปร่งก็ถามว่า
“พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้าง?”
“ข้าชื่อจินหงเจ้าค่ะ ส่วนนางชื่อเฟยเฟยและนางชื่อหรูอี้” สตรีในอาภรณ์สีแดงที่ดูอายุมากที่สุดกล่าว พลางผายมือไปยังสตรีในอาภรณ์สีม่วงกับฟ้าตามลำดับชื่อ
“อ้อ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ค่ำคืนนี้ของข้าก็ฝากพวกเจ้าด้วยละกัน”
“ด้วยความยินดีเจ้าค่ะ” ทั้งสามคนรับคำพลางส่งยิ้มหวานให้บุรุษตรงหน้า…
---------------------------
ยามเฉิน
“มาแล้วอาเทียน ขอโทษที่ให้รอนานนะ” หานหมิงซานที่มีรอยจุมพิตสีแดงเต็มใบหน้ากล่าวกับอาชาคู่ใจที่ยืนทำหน้าเซ็งใส่ (ถ้าพูดได้อาเทียนคงพูดไปแล้วว่าไม่ต้องเลย ไอ้คนติดหญิง!!) พลางเข้าไปหยิบหญ้าแห้งออกมาให้เพื่อเอาใจ
“เดินทางต่อกันเถอะ ไปกันต่อยาวๆ จนกว่าจะถึงเมืองเฉินจีเลย” อาเทียนจ้องหน้าเจ้านายของตนสักพัก ก่อนจะยอมงับหญ้าในมืออีกฝ่ายเข้าปาก เป็นสัญญาณว่าตกลง
ส่วนหานหมิงซานก็เปิดประตูรถม้าแล้วเข้าไปเอาน้ำที่นำติดตัวมาลบรอยริมฝีปากของสาวๆ ออก เขาจะไปให้บ้วนลี่เห็นในสภาพนี้ไม่ได้! ไม่สิ!
ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่ควรเห็นทั้งนั้น!!
ตอนที่ใช้ฝ่ามือหนาลูบไปที่แก้มของตนนั้น ภาพเหตุการณ์ต่างๆ นานาเมื่อคืนก็ลอยเข้ามาในหัวทำให้หานหมิงซานรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
อา…แม่นางทั้งสามช่างร้อนแรงเสียจริง
เห็นทีข้าจะได้ที่เที่ยวใหม่แทนหอเทียนลู่ฮัวแล้ว จะได้ไม่ต้องไปแย่งดาวเด่นของหอกับคนอื่นด้วย
“ไว้พบกันใหม่นะเจ้าคะคุณชาย” เสียงใสกังวานของแม่นางทั้งสามเอ่ยร่ำลายามที่เขาก้าวเท้าเดินออกมาจากหอเม่ยจิน…
แม้จะรู้ว่าการเอาใจเหล่านั้นเป็นการตลาดก็เถอะ แต่แหมมันก็อดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้มนี่นา…พูดถึงยู่ยู่ เสียดายจังที่ตอนออกมาไม่ได้เจอ…
