หอบรักมาห่มใจ แม่นางโจร [สามพี่น้องตระกูลหาน]

60.0K · จบแล้ว
หานยวี่
32
บท
1.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หากจะว่า 'เซี่ยเฟยหง' (ในอดีต) เป็นพยัคฆ์แห่งไท่ซานที่มีความสัมพันธ์กับสตรีไปทั่วแล้ว 'หานหมิงซาน' ก็คือพ่อของพยัคฆ์แห่งไท่ซานเลยล่ะ! เพียงแต่เขามิได้มีชื่อเสียงเรียงนามใดๆ เช่นน้องเขย สาวๆ เลยไม่ค่อยรู้จัก เพิ่งจะมาโด่งดังก็ตอนที่หานหลี่หลุนเข้าร่วมการช่วยต้าเทียนฮ่องเต้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ และตอนหานหมิงเทียน พี่ชายคนโตกลายเป็นพนักงานที่ได้เงินเดือนเยอะที่สุดในวังหลวง นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่เขาเข้าขากับเซี่ยเฟยหงได้เป็นอย่างดี หลังจากเห็นว่าตอนนี้น้องเขยของตนกลายเป็นคนที่อยู่ในโอวาทเมีย ส่วนพี่ใหญ่ก็มีคนเอาเมียมาให้แบบงงๆ หานหมิงซานที่ยังครองตัวเป็นโสดจึงตั้งปณิธานขึ้นมาว่า ตัวข้า หานหมิงซานจะไม่ขอมีฮูหยินเป็นตัวเป็นตนเด็ดขาด!! เพราะข้าจะไม่มีทางลงให้สตรีหน้าไหนทั้งนั้น!! ต่อไปนี้...กิน! ดื่ม! เที่ยว! (และทำงานหาเงิน) เท่านั้น!! แต่บางทีอะไรๆ มันก็ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้... ปึก!! เสียงร่างสูงโปร่งของหานหมิงซานกระแทกพื้นหลังจากการถูกอาชาคู่ใจที่ตกใจเสียงฟ้าผ่าสะบัดตกลงมาจากหลัง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความเจ็บปวดที่แล่นพราดไปทั่วกายและก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเห็นอาชาคู่ใจยืนมองตนเองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสะบัดก้นวิ่งจากไป… อา... มารดามันเถอะ! ผู้ใดก็ได้บอกข้าทีว่านี่มันเป็นลูกของเฮยหยางกับไป๋หลิวจริงหรือเปล่า!? หานหมิงซานที่ได้แต่นอนนิ่งมองอาชาของตนจากไปคิดในใจ เฮยหยางนั้นเป็นอาชาคู่ใจของแม่ทัพคนเก่งเซี่ยเฟยหง ผู้เป็นน้องเขย ส่วนไป๋หลิวก็เป็นม้าป่าจิตแข็งที่ยอมลงให้หานอิงมี่ น้องสาวตัวแสบของเขาคนเดียว เฮยหยาง...ไป๋หลิว... เหตุใดลูกของพวกเจ้าถึงขี้ขลาดเช่นนี้!? --------------------------- ...ทันทีที่รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังทิ่มอยู่บนหน้าของตน หานหมิงซานก็รีบลืมตาขึ้น ก่อนจะตกใจเมื่อเห็นสตรีผู้หนึ่งในเสื้อคลุมเรียบง่ายสีเขียวที่แม้จะยาวลากพื้นแต่เมื่อใส่คู่กับกางเกงขายาวทำให้ดูคล่องตัวอย่างน่าประหลาด ซึ่งรอบตัวมีบุรุษรูปร่างกำยำหน้าตาโหดเหี้ยมยืนรายล้อม กำลังใช้ไม้เขี่ยหน้าผากของเขา ส่วนตัวเองในตอนนี้ก็นอนหงายอยู่บนเตียงแข็งๆแต่ถูกมัดตรึงไว้ และที่ข้อมือทั้งสองข้างก็ยังมีเชือกมัดไว้ด้วย “เห็นไหมเล่า ข้าบอกแล้วว่าเจ้านี่ยังไม่ตาย” สตรีนางนั้นหันไปเอ่ยกับคนอื่นๆ จ…เจ้านี่ หมับ! พลันมือเรียวก็ล้วงเข้ามาที่อกเสื้อของหานหมิงซานอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะคว้าถุงเงินออกไปเปิดออกดูพร้อมกับหยิบบัตรประชาชนออกมาอ่าน “ที่แท้ก็เป็นหานหมิงซาน บุตรคนรองของตระกูลหานนี่เอง” สตรีนางนั้นกล่าวหลังจากที่ดูบัตรประชาชนของหานหมิงเทียน “แม่นาง ปล่อยข้ากลับไปเถิด!” หานหมิงซานได้ทีรีบอ้อนวอนทันที เพราะดูจากสง่าราศีแล้ว นางน่าจะเป็นหัวหน้าของคนพวกนี้และดูน่ากลัวน้อยที่สุด “หืมม…ได้อย่างไรกันล่ะ!? นานๆ ทีจะมีพวกคุณชายเหยาะแหยะหลงเข้ามา” จากนั้นนางก็พูดต่อ “เอาเป็นว่าต่อไปนี้เจ้าก็คือสัตว์เลี้ยงของข้าละกัน” “สัตว์เลี้ยงของเจ้า!? บ้าหรือเปล่า!? อยู่ๆ ข้าจะไปเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าได้อย่างไร?” หานหมิงซานโวยวายอย่างลืมตัง ไม่ทันที่ร่างบางตรงหน้าจะได้โต้ตอบอะไร ชายร่างยักษ์อีกคนก็เอ่ยขึ้นมาก่อน “นายหญิงขอรับ ดูแล้วทำประโยชน์อันใดให้พวกเรามิได้เลย มิสู้ฆ่าทิ้งไปดีหรือไม่ขอรับ!?” “อย่าฆ่าข้าเลย…” หานหมิงซานร้องขอชีวิต โธ่! เขาเพิ่งอายุยี่สิบแปดเองนะ ชีวิตนี้ยังใช้บริการสาวๆ ในหอเทียนลู่ฮัวไม่ครบทุกคนเลย!! จะให้มาตายตอนนี้ได้อย่างไรกัน? “ข้ามีประโยชน์…จริงๆ นะ ข้าทำอาหารอร่อย!” เขาโพล่งออกไป พลางคิดในใจอย่างน้อยก็อร่อยกว่าที่พี่ใหญ่ทำล่ะนะ… รายนั้นเล่นโยนทุกอย่างลงในหม้อพร้อมกัน ไร้ศิลปะในการกินสิ้นดี! “แค่นี้?” เมื่อเห็นสายตาที่อีกฝ่ายมองมา เขาก็หลับหูหลับตาโพล่งออกไปทั้งที่รู้สึกอับอายไม่น้อย “และเป็นสัตว์เลี้ยงได้! ใช่! ข้ายอมเป็นสัตว์เลี้ยงของแม่นางก็ได้ เอ่อ...เป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำอาหารได้ด้วยน่ะ!! มีประโยชน์สุดๆ ไปเลยใช่ไหม?” หมดกัน...คำปฏิญาณของข้า... “อืม...” คู่สนทนานิ่งไปสักพักแล้วออกคำสั่งกับสมุนของตน “เช่นนั้นก็แก้เชือกที่มัดมือเขาออก! แล้วให้ไปทำอาหารเสีย” “ขอรับนายหญิง!” ทำไมวันนี้ชีวิตข้าถึงได้บัดซบเช่นนี้!? หานหมิงซานคิดในใจพลางนึกคาดโทษทุกคนโดยเฉพาะสตรีนางนั้น ขณะที่เชือกในมือถูกคลายออกก่อนจะถูกพวกร่างยักษ์ลากแขนให้เดินตามไป โดยมี ‘ซือซิง’ ยืนมองตามด้วยรอยยิ้ม ชีวิตต่อจากนี้คงมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นไม่น้อย เดี๋ยวต้องหาเวลาว่างส่งข่าวไปรายงานให้พี่ชายฟังเสียแล้ว!!

นิยายจีนนิยายจีนโบราณนิยายรักตลกนางเอกเก่งรักหวานๆรักวัยรุ่นรักแรกพบสมุนไพรจีนโบราณ

บทนำ

บทนำ: คุณชายคนรองของตระกูลหาน

ยามซื่อ

“พวกนี้คืออะไรหรืออาซาน?” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุรุษรูปร่างสูงโปร่งในอาภรณ์ตัวยาวสีเขียว ซึ่งมีศักดิ์เป็นบุตรชายคนรองของตนและมีนามเต็มๆ ว่า ‘หานหมิงซาน’ ที่กำลังยืนคุมบ่าวรับใช้ขนหีบไม้ขึ้นรถม้าด้วยท่าทีสบายๆ

“ของที่จะเอาไปส่งให้เถ้าแก่โม่ที่เมืองเว่ยอี้น่ะขอรับท่านพ่อ” เจ้าของชื่อตอบ หานหลี่หลุนจ้องมองใบหน้ามนหล่อเหลาและดวงตาเรียวสีนิลเหมือนตัวเขาตอนเป็นหนุ่ม ต่างกันแค่ไฝเม็ดเล็กๆ ตรงแก้มขวาซึ่งตัวเองไม่มีด้วยความชื่นชม ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งไปขลุกอยู่ที่หอนางโลมแท้ๆ แต่พอกลับมาก็สามารถเตรียมตัวทำงานต่อได้เลย ดังนั้นเขาจึงไม่เคยว่ากล่าวอะไรในพฤติกรรมเสเพลของผู้เป็นบุตรชายคนรอง ก่อนจะพึมพำอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

“อ้อใช่! พ่อก็ลืมไปว่าเจ้านัดเดินทางเอาไปส่งให้เขาอาทิตย์นี้” เพราะตั้งแต่ตอนที่หานอิงมี่ บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งงาน หานหลี่หลุนก็เริ่มวางมือจากงานส่งของทางไกล แล้วให้หานหมิงซานในวัย 28 หนาวเข้ามาทำหน้าที่นี้อย่างเต็มตัวโดยมีเขาคอยดูอยู่ห่างๆ

“ขอรับ” หานหมิงซานรับคำ พลางคิดในใจ

ความจริงก็ไม่ได้นัดส่งแค่ของหรอกขอรับ แต่นัดส่งใจด้วย...

“เขียนจดหมายไปบอกเขาเถิดว่าขอเลื่อนส่งไปอีกสองอาทิตย์” หานหลี่หลุนกล่าวเสียงเรียบ

“อ้าว! ทำไมล่ะขอรับ?” หานหมิงซานถามด้วยความสงสัย แล้วก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินผู้เป็นบิดาตอบว่า

“เพราะเจ้าต้องอยู่ร่วมงานแต่งของพี่ชายเจ้าก่อนน่ะสิ!”

“ห...หา!? พี่ใหญ่จะแต่งงาน?”

“คุณชายใหญ่จะแต่งงาน!?” คุณชายรองของตระกูลรวมถึงบ่าวรับใช้คนอื่นๆ อุทานเสียงดังลั่น ด้วยร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นคุณชายใหญ่จะสนใจอยากรู้จักสตรีหน้าไหน ดังนั้นเรื่องแต่งงานนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง!

“อืม” หานหลี่หลุนพยักหน้ารับ แล้วกล่าวเสียงเรียบ

“เป็นสมรสพระราชทานจากต้าเทียนฮ่องเต้น่ะ ท่านกงกงเพิ่งเอาพระราชโองการมาให้พ่อกับแม่ดูเมื่อวานยามห้าย แต่เจ้าไม่อยู่”

“ก็ว่าอยู่...” หานหมิงซานพึมพำ เพราะคิดว่าบุรุษเช่นพี่ใหญ่คงไม่มีทางหาเจ้าสาวเองได้แน่ๆ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย

“ว่าแต่เจ้าสาวเป็นใครหรือขอรับ?”

“บุตรีของใต้เท้าจีน่ะ ชื่อจีลู่ฟาง...ที่เขาว่านอนป่วยตลอดเวลานั่นแหละ”

“โอ้โห...” ชื่อเสียงเรียงนามของสตรีผู้นี้ที่ว่าสวรรค์สร้างมาเสียเปล่า เขาก็ได้ยินมาเหมือนกัน และเป็นหนึ่งในคนที่ขีดชื่อนางออกจากสมุดรายชื่อที่เตรียมสานสัมพันธ์ พอคิดว่านางจะกลายมาเป็นพี่สะใภ้ก็รู้สึกแปลกๆ อย่างไรก็ไม่รู้

“แล้วท่านพ่อท่านแม่ได้เจอหน้านางหรือยังขอรับ?” หานหลี่หลุนส่ายหน้าแล้วพูดต่อ

“ฝ่าบาทสั่งเพียงให้ข้ากับแม่ของเจ้าเตรียมจัดงานแต่งไว้รอรับเกี้ยวเจ้าสาวที่จะเดินทางมาในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า...”

“….” พอเห็นหานหมิงซานนิ่งไปจึงพูดต่อ

“เอาเป็นว่าแผนการไปส่งของที่เว่ยอี้ก็เลื่อนไปก่อนละกัน” เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คู่สนทนาจะไปตอบอะไรได้นอกจาก…

“ขอรับ” จากนั้นเขาก็ไปนั่งเขียนเขียนจดหมายขอโทษเถ้าแก่โม่ รวมถึงการเลื่อนส่งสินค้าแล้วพับใส่ซองขนาดใหญ่ ก่อนจะใช้ให้บ่าวรับใช้นำไปส่งที่ไปรษณีย์ ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นมาในสมัยต้าเทียนฮ่องเต้เมื่อหนึ่งปีก่อน แต่ยังรับส่งเพียงจดหมายและของชิ้นเล็กๆ

โดยในซองนั้นนอกจากจดหมายของเถ้าแก่โม่ที่เป็นกระดาษสีน้ำตาลแล้ว ยังมีกระดาษแผ่นเล็กๆ สีชมพูที่เขียนไว้ว่าถึงคนงามโม่หวาหวา บุตรสาวของอีกฝ่ายด้วย…ที่กล้าแนบไปด้วยกันเช่นนี้ เพราะตัวของหมิงซานรู้ว่าโม่หวาหวาเป็นคนคัดกรองจดหมายทุกฉบับ ก่อนส่งต่อให้คนอื่นในบ้านอ่านจึงอยากทำให้สาวน้อยหัวใจเต้นแรงด้วยคำว่า ‘คิดถึง’

ให้ตายสิ! จะได้ไปเจอหน้าหวาหวาคนสวยช้าไปอีกตั้งสองอาทิตย์

หานหมิงซานบ่นในใจด้วยความเซ็ง นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่เขาเลือกจะเดินทางไปส่งของนั่นนี่ให้ลูกค้าด้วยตัวเองทั้งที่มีบ่าวรับใช้มากมาย แต่เขาเลือกจะเมินเพราะหนึ่ง ไม่ค่อยเชื่อมือ สองประหยัดค่าเบี้ยเลี้ยงที่ต้องจ่ายให้ สองข้อแรกทำเป็นพูดดีไปงั้นแหละ ความจริงอยู่ที่ข้อสามต่างหาก! เขาจะได้มีข้ออ้างเดินทางไปหาบรรดาบุปผางามทั้งหลายที่อยู่ระหว่างทางไป-กลับเมืองจินหลิงกับปลายทางน่ะสิ!

อย่างเมืองเว่ยอี้ที่ใช้เวลาขาไปกลับอย่างละสองอาทิตย์ก็มีโม่หวาหวา บุตรีของเถ้าแก่โม่ คู่ค้าคนสำคัญของท่านพ่อรออยู่ปลายทาง ส่วนรายทางมีสตรีอีกสองสามคนให้แวะทักทาย

และสถานะของทุกคนเกินครึ่งล้วนเป็นมากกว่าคนคุย แต่น้อยกว่าคนรัก…

นอกจากนี้ยามปกติที่อยู่จวน เขาก็ชอบเข้าเมืองไปใช้บริการหอนางโลมอีกด้วย!

เป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว หนักกว่าน้องเขยของตนจนเทียบกันแล้วเขาเป็น ‘บิดาของพยัคฆ์แห่งไท่ซานเลยแหละ!’ แต่เดิมยามต้องการสาวๆ ก็จะไปสานสัมพันธ์เอง ทว่านับตั้งแต่เซี่ยเฟยหงแต่งงานและพี่ใหญ่ได้เลื่อนเป็นพนักงานที่เงินเดือนเยอะที่สุดในวังหลวง

สาวๆ ก็ต่างเป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาเขาเอง

แน่นอนว่าเรื่องนี้ท่านพ่อ ท่านแม่ หานหมิงเทียนและบรรดาบ่าวล้วนรู้หมด มีคนเดียวในบ้านที่ไม่รู้คือหานอิงมี่! (ถ้านางรู้คงสาปส่งไม่เหลือ ดูจากตอนสาธยายความเสเพลของสามีตัวเองตอนเจอกันครั้งแรกใน ‘แต่งกับเจ้าแล้วไง! ข้าก็ไม่ได้รักเจ้าเสียหน่อย!’ ก็ได้ เกลียดคนเจ้าชู้แต่พี่ชายเราดันมาเป็นซะเอง ควรทำหน้ายังไง) แต่พวกเขาก็ไม่ได้ห้ามเพราะหานหมิงซานใช้เงินของตัวเองและรู้จักป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา อีกทั้งหากไม่นับเรื่องนี้ ยามปกติเขาก็เป็นคนที่รู้การรู้งาน แม้ภายนอกจะดูขี้เล่นไปหน่อยก็ตาม…ทั้งเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ีงเลยทีเดียว!

ช่างเถอะ...ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำแล้ว ชวนอาหงไปหอเทียนลู่ฮัวดีกว่า…

หานหมิงซานที่เก็บอุปกรณ์การเขียนใส่กล่องเสร็จแล้วคิดในใจ ก่อนเดินออกไปจากห้อง…

เอ่อ...มันน่าถอนคำพูดที่บอกว่าเป็นคนดีคนหนึ่งเสียจริง!