บท
ตั้งค่า

3:ซือซิงกับพี่สายฟ้า

3

ซือซิงกับพี่สายฟ้า

แม้จะมานั่งสงบสติอารมณ์และอยู่ให้ไกลจากตัวต้นเหตุที่ทำให้อารมณ์เสียแล้ว แต่ซือซิงก็อดมิได้ที่จะเอาคำพูดตอนต้นของหมอดูเฒ่ากำมะลอผู้นั้นกลับมาคิด

“นี่แม่นาง ข้าจะบอกอะไรให้นะ ชะตาของเจ้านั้นเกิดมาไร้คู่ครองที่แท้จริง ดีสุดก็คบได้แต่พวกไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง…”

“เฮอะ! พวกไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่งเช่นนั้นหรือ?” ซือซิงแค่นเสียงออกมา

“จะบอกว่าข้าคู่ควรกับคนจรจัดล่ะสิ ดูถูกกันขนาดนี้ รู้อย่างนี้ตอนปล่อยหมัดนั่นน่าจะเอาให้ตายไปเลย!”

“เจ้าก็ลงโทษมันไปแล้วมิใช่หรือ? ตอนข้ามาถึงนี่เห็นห้อยต่องแต่งอยู่บนตาข่ายดักสัตว์ แถมฉี่ราดด้วย” น้ำเสียงที่ดังมาจากข้างหลังทำให้ซือซิงหันกลับไปเรียกชื่อบุรุษตรงหน้าด้วยความดีใจ พร้อมกับยอบกายให้

“พี่สายฟ้า!!” ก่อนจะชะงักไปเมื่อนึกถึงคำพูดของอีกฝ่าย

“เมื่อครู่ท่านพี่ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ? ถะ…ถึงขั้นฉี่ราดเลย!?” นางถามอย่างตกใจ เพราะหลังจากให้พวกเผิงเกาเอาตาเฒ่าลวงโลกนั่นไปแขวนไว้ก็มิได้สนใจไปดูอีกเลย

“อืม…แต่ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก เผิงเกาเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว ตาเฒ่านั่นสมควรโดนจริงๆ” คู่สนทนาตอบพลางหัวเราะร่วน

“ข้ารู้สึกผิดต่อลูกน้องของข้าเจ้าค่ะ…รู้สึกผิดที่พวกเขาจะต้องมาทำความสะอาดสิ่งปฏิกูลของตาแก่นั่น!”

“ช่างเป็นหัวหน้าที่ดีจริงๆ” บุรุษที่สวมใส่อาภรณ์ยาวสีกรมท่าในมาดคุณชายเอ่ยด้วยรอยยิ้มจากนั้นเขาก็พูดต่อ

“ข้ามารับพวกหมอดูกำมะลอไปสอบสวน ขอบใจพวกเจ้ามากที่ช่วยสกัดจับพวกมันไว้ให้”

“เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ…” แล้วซือซิงก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดต่อพร้อมกับดวงตากลมโตทั้งสองข้างที่ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา

“แต่ถ้ามีรางวัลเล็กๆ น้อยๆ ให้จะดีมาก”

“หึๆ” อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดู แล้วถามว่า

“อยากได้อะไรเล่า?”

“อาหารหรูเจ้าค่ะ พวกเป็ดย่าง บะหมี่หยก อะไรแบบนี้ ให้พวกเราทั้งกลุ่มเลย”

“ได้ๆ เดี๋ยวจะเหมาจากร้านที่ดีที่สุดมาส่งให้เลย แถมหูฉลามด้วยเลยเอ้า!” ก่อนจะเดินมาลูบหัวซือซิงด้วยความเอ็นดู ซึ่งพี่สายฟ้าเป็นคนเดียวนอกจากพ่อกับแม่ผู้ล่วงลับที่นางยอมเผยให้เห็นมุมเช่นนี้ รวมถึงยอมให้ใช้มือจับหัว

“อ้อใช่! เดือนหน้าก็จะถึงวันเกิดของเจ้าแล้วนี่นา อยากได้สิ่งใดเป็นของขวัญหรือไม่?” อีกฝ่ายพูดอย่างนึกขึ้นมาได้ เจ้าของร่างที่ดูอ้อนแอ้นบอบบางนิ่งไปสักพักก่อนเอ่ยว่า

“มีดสั้นละกันเจ้าค่ะ ขอใบมีดสวยๆ เงาๆ สีดำ เพราะที่พกติดตัวตอนนี้เป็นของท่านพ่อ ข้าจึงอยากเก็บไว้มากกว่าเอามาใช้สอย”

“ได้สิ ระดับข้าแล้วไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวหาปลอกแถมให้ด้วย” พี่สายฟ้าของซือซิงกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูในตัวของน้องสาวนอกสายเลือด ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปี นางก็ยังสมเป็นนางจริงๆ

“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” นางกล่าวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะถามต่อด้วยความสงสัย

“แล้วพี่เยี่ยนไม่มาหรือเจ้าคะ?”

“นึกว่าเจ้าจะไม่ถามถึงข้าเสียแล้ว” สิ้นคำพูดของร่างบาง เงาสายหนึ่งก็ค่อยๆ แยกออกมาจากข้างหลังพี่สายฟ้า ก่อนจะปรากฏเป็นร่างสูงโปร่งของบุรุษอีกคนในอาภรณ์สีกากีที่ยืนส่งยิ้มให้อีกฝ่าย

“ข้าจะไม่ถามได้อย่างไร พวกท่านเป็นพี่ชายคนสำคัญของข้าเลยนะเจ้าคะ” ซือซิงตอบด้วยแววตาเป็นประกาย

พลันหางตาของผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่สายฟ้าก็เหลือบไปเห็นว่าคนของตนได้จัดการธุระทุกอย่างเสร็จแล้ว จึงโบกมือลาสตรีตรงหน้า

“ดูเหมือนว่าคนของข้าจะขนพวกมันขึ้นรถม้าเสร็จแล้ว เช่นนั้นเดี๋ยวข้ากับอาเยี่ยนไปก่อนนะ ไว้ว่างๆ จะมาเยี่ยมใหม่ ฝากเรื่องเฝ้าเส้นทางด้วยนะ บ๊ายบาย”

“บ๊ายบายซือซิง” บุรุษที่เพิ่งปรากฏตัวออกมาได้ไม่นานกล่าว ก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นเงาตามตัวร่างสูงในอาภรณ์สีกรมท่าตามเดิม

“บ๊ายบายเจ้าค่ะพี่สายฟ้า ท่านก็อย่าหักโหมกับราชกิจมากเกินไปล่ะ พักบ้างก็ได้ พี่เยี่ยนท่านก็ด้วย พี่สายฟ้าน่ะโตแล้ว ท่านไม่ต้องตามดูเขาตลอดเวลาก็ได้”

“ขอบใจนะซือซิง” แว่วเสียงทุ้มนุ่มตอบกลับมา

“หึๆ ทุกวันนี้ข้าก็แทบจะไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว” ผู้ที่ถูกเรียกว่าพี่สายฟ้าตอบก่อนหันกายเดินจากไปโดยมีซือซิงยืนมองตามด้วยรอยยิ้ม แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นกับพี่สายฟ้าหรอกนะ สำหรับนางเขาก็เป็นพี่ชายที่คอยดูแลนางมาตลอด รวมถึงพี่เยี่ยนด้วย

หรือต่อให้อยากคิดก็ทำไม่ได้ ด้วยศักดิ์ของทั้งคู่นั้นสูงกว่านางมากนัก แถมพี่สายฟ้ายังมีเมียอยู่แล้ว มีตั้งยี่สิบกว่าคนแน่ะ!!

---------------------------

ยามห้าย วังหลวง

“อ้าวลุงลิม ยังไม่กลับบ้านอีกหรือ?” ต้าเทียนฮ่องเต้ที่กลับวังมาแล้วเดินผ่านท้องพระโรงเอ่ยถามลิมจางงู้ ที่กำลังใช้พู่กันวาดภาพลงบนโคมสีขาวที่ว่างเปล่า โดยอาศัยแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ซึ่งเป็นต้าเทียนฮ่องเต้ที่รู้สึกว่าเสาสีแดงมันว่างเกินไปเลยสั่งให้เขาทำโคมมาประดับ แต่นึกว่าจะกลับไปนานแล้ว

“พ่ะย่ะค่ะ ข้ากำลังวาดภาพโดยอาศัยแสงจันทร์อยู่พ่ะย่ะค่ะ วิธีนี้จะทำให้ภาพออกมาดูมีมนตร์ขลังและมีมิติมากขึ้น เพราะแสงจันทร์จะมีผลต่อการเลือกใช้สีรวมถึงเทคนิคของข้าพ่ะย่ะค่ะ”

“อ้อดี ทำต่อไปนะลุง”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” ลิมจางงู้เอ่ยพร้อมกับทรุดตัวลงหมอบคำนับขณะที่อีกฝ่ายย่างกรายผ่านไป แม้จะเป็นบุรุษที่มีความคิดพิลึกพิลั่นผิดแผกจากฮ่องเต้พระองค์ก่อน แต่ไปๆ มาก็ล้วนเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น แถมยังให้เกียรติสามัญชนเช่นเขาด้วยการเรียกว่าลุงด้วย

ก็ต้องขอบคุณเจ้าเซี่ยหงนั่นแหละที่ไปหานักวาดฝีมือดีขนาดนี้มาให้ แถมยังได้ลูกสาวเขามาเป็นเป่าหลิน อีก วัชรวีร์คิดในใจอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ห้องนอนของตัวเองในตำหนักกลางทันทีแล้วชำระล้างกายของตนหลังจากเพิ่งไปบุกป่าฝ่าดงมา จากนั้นค่อยมาล้มตัวลงนอนบนเตียง แต่ยังไม่วายชวนมี่เยี่ยนพูดคุยถึงเรื่องในวันนี้ด้วย

“หกปีแล้วสินะที่รู้จักกับนาง เทียบกับตอนนั้นแล้ว เด็กน้อยคนนี้โตขึ้นมากเลย” มี่เยี่ยนพยักหน้ารับแล้วเหลือบตามองอีกฝ่าย ก่อนจะถามในสิ่งที่ตนสงสัย

“อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะนำนางมาเป็นสนม…” ไม่ให้คิดเช่นนั้นได้อย่างไร ก็ตอนนี้แม่นางซือซิงสวยขึ้นเยอะเลยทีเดียวหากเทียบกับใบหน้าเนียนใสในวัยเยาว์ โครงหน้ากลมมนรับกับดวงตากลมโตสีนิล สีผิวแม้เป็นสีน้ำผึ้งหาได้ใช่สีขาวชมพูตามพิมพ์นิยม ทั้งรูปร่างที่มองเทียบกับสตรีทั่วไปแล้วจัดว่าอวบกว่าหาใช่เพราะไขมัน แต่เป็นเพราะนางมีกล้ามเนื้อ ทว่ากลับทำให้นางดูมีเสน่ห์มากขึ้นอย่างน่าประหลาด

บรรดาลูกน้องของนางก็ดีอย่างที่มิได้คิดอันใดเกินเลยและจงรักภักดีต่อซือซิงเป็นอย่างดีตามคำสั่งเสียของบิดานาง ตัวเขาก็เช่นกัน เพราะหัวใจนั้นถูกผู้อื่นยึดครองไปแล้ว

“ข้าไม่มีทางคิดกับนางเช่นนั้นแน่นอน ข้าบอกว่าเห็นนางเป็นน้องสาวก็เห็นเป็นน้องสาวจริงๆ” ต้าเทียนฮ่องเต้รีบปฏิเสธ ก่อนจะขยายความให้อีกฝ่ายฟัง

“ภพก่อนข้าเป็นลูกคนเดียวที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ภพนี้ได้เป็นพี่คนทั้งทีจึงตั้งใจว่าจะดูแลน้องสาวให้เต็มที่ และเหตุผลที่ข้าเอ็นดูนางเป็นพิเศษเพราะข้าบอกให้เรียกพี่สายฟ้าอันเป็นชื่อในภพเก่าของข้า ซือซิงก็เรียกโดยไม่ถามสักคำ” วัชรวีร์ยังจำครั้งแรกที่เขาเจอกับซือซิงได้ดี ทั้งรู้ว่าชะตาชีวิตของอีกฝ่ายกับบิดานั้นรันทดขนาดไหน

เมื่อหกปีก่อนตอนที่เขาประกาศตั้งกองกำลังโล่ปิ้นหู่ใหม่ๆ มีโจรที่หน้าตารกครึ้มไปด้วยหนวดเคราผู้หนึ่งมาขอเข้าร่วม โดยนอกจากจะพาลูกน้องมาแล้วยังพาบุตรสาวตัวเล็กๆ มาด้วย

“เจ้าชื่ออะไร?” วัชรวีร์เริ่มทำการซักประวัติบุรุษตรงหน้าทันที

“กระหม่อมชื่อหนิวเฉยๆ พ่ะย่ะค่ะ ไม่มีแซ่”

“ไม่มีแซ่?” เขาทวนคำด้วยความสงสัย หัวหน้าโจรผู้นั้นจึงกล่าวว่า

“พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่กระหม่อมจะตัดสินใจกระทำความผิดจนต้องหลบหนีเข้าป่านั้น กระหม่อมได้ละทิ้งชื่อแซ่ของตน เพราะไม่อยากให้เหล่าบรรพชนต้องมาเสื่อมเสียไปด้วย…”

“เจ้ากระทำความผิดใดหรือ? จึงถึงขั้นต้องหลบหนีเข้าป่า”

“ฆ่าคนพ่ะย่ะค่ะ…” คำตอบที่ได้รับทำให้วัชรวีร์อึ้งไปเลยทีเดียว เพราะดูจากท่าทีของหัวหน้าหนิวก็มิใช่คนเลวร้ายอะไร

“เล่าให้เจิ้นฟังได้หรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะ…” เขาตอบก่อนจะเริ่มเปิดปากเล่าอดีตของตน…

พลันวัชรวีร์ที่ยังระลึกความหลังไม่จบก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปที่คุกแต่เช้าเพื่อไปดูการไต่สวนขบวนการหมอดูลวงโลกของกลุ่มที่ซือซิงสกัดจับไว้ได้

“ข้านอนดีกว่า เพราะถ้าให้ระลึกต่อคงยาว…” วัชรวีร์พึมพำแล้วเอ่ยเสียงเบา

“ฝันดีนะมี่เยี่ยน”

“อืมฝันดีต้าเทียน” จากนั้นบิดาแห่งแผ่นดินก็เข้าสู่ห้วงนิทราทันที โดยมีมี่เยี่ยนคอยอารักขาความปลอดภัยให้…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel