บทที่ 3
ข่าวลือบางครั้งมันก็ร้ายแรงกว่าการมีหลักฐานเสียอีก ถ้ายังลืออยู่แบบนี้ ดีไม่ดีนิลยาอาจจะอดทนไม่ได้แล้วขอลาออกไปเอง แม้จะเสียดายความรู้ความสามารถของนิลยา แต่ลูกน้องเก่งๆ หาเมื่อไหร่ก็หาได้ ผิดกับพี่น้องคงหาที่ไหนไม่ได้อีก
นิลยากลับมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะ พยายามไม่เก็บเรื่องไร้สาระมาคิดให้รกสมอง แต่ทว่าเมื่อหันไปสบตาเพื่อนร่วมงานที่จ้องมองเธอราวกับเธอเป็นตัวประหลาดน่ารังเกียจ มันก็บั่นทอนความรู้สึกของนิลยาได้มากเอาการ แต่เธอก็บอกตัวเองให้สู้ๆ ไม่สู้เพื่อตัวเองก็สู้เพื่อแม่ อีกไม่นานข่าวลือบ้าๆ พวกนี้ก็คงเงียบไปเอง
เพราะไม่อยากเห็นสายตาพวกนั้น นิลยาจึงก้มหน้าก้มตาทำงานงกๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นข้างตัว ทำให้นิลยาเอื้อมมือไปหยิบมาดูหน้าจอขนาดห้านิ้วของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบรับสายทันที
“ว่าไงเต้ย”
“เลิกงานยัง”
“ยังเลย”
“อะไรยะ นี่มันทุ่มนึงแล้วนะ แกยังไม่เลิกงานอีกเหรอ”
“ตาย...ทุ่มนึงแล้วเหรอ” คำพูดของเพื่อนทำให้นิลยาถึงกับหูผึ่ง ก่อนจะก้มมองดูเวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานของตัวเองแล้วอุทานออกมา นี่เธอทำงานจนเลยเวลาเลิกงานมาเกือบสองชั่วโมงเชียวเหรอ
“อืมสิ นี่งานยุ่งจนลืมเวลาเลยหรือไง”
“นิดหน่อย ว่าแต่แกมีอะไร”
“อยากชวนไปกินข้าว นี่ขับรถมารอรับที่หน้าออฟฟิศแกแล้ว ลงมาสิ”
“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวลงไป”
“โอเค” พอฤทัยเอ่ยรับ ก่อนจะนั่งรอนิลยาในรถ เธอกับนิลยาคบหาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่ง ไม่รู้ทำไมถึงได้คบกันอยู่สองคนนี่แหละ พอจะมีคนอื่นมาสนิทก็แลจะไม่เข้า ก็เลยทยอยห่างกันออกไป
ไม่ถึงห้านาทีพอฤทัยก็มองเห็นนิลยาเดินออกมาจากบริษัท ก้าวยาวๆ มายังรถของเธอที่จอดอยู่ เพราะรถของเธอออกจะโดดเด่นด้วยสีแดงเพียงคันเดียวในลานจอดรถนี่นา
“รอนานไหม” เมื่อเปิดประตูเข้ามานั่งในรถได้ นิลยาก็เอ่ยถามเพื่อนขึ้น
“ไม่อะ”
“อยากกินอะไร ไหนว่ามาสิ”
“หมูกระทะ”
“จัดตั้งแต่วันพุธเลยเหรอ” พอฤทัยถามตาโต เพราะวันนี้เธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจจะไปกินหมูกระทะนี่นา แต่เพื่อนิลยายังไงก็ได้
“อืม...เบื่อๆ อยากได้สามชั้นย่างมาบำบัด”
“ไปก็ไป” เอ่ยจบพอฤทัยก็ขับรถไปยังร้านหมูกระทะเจ้าประจำ เป็นร้านเล็กๆ อยู่ในซอยแคบๆ หรือที่คนแถวนี้เรียกว่าตรอก ซอยนี้สามารถเดินทะลุผ่านไปโรงแรมห้าดาวริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้
ร้านนี้มีดีหลายอย่าง น้ำซุป น้ำจิ้ม ผัก เนื้อทุกอย่างคืออร่อยมาก อร่อยกว่าเจ้าดังๆ หลายเจ้าเสียอีก ซึ่งพอฤทัยบังเอิญเจอตอนมาธุระที่โรงแรมแล้วเดินหลงมา
นอกจากอาหารอร่อยแล้ว นักร้องประจำร้านยังร้องเพลงเพราะอีกด้วย เพราะขนาดใครต่อใครเชียร์ให้ไปออกรายการเดอะวอยซ์มาแล้ว
ส่วนคนที่นั่งจ้องหมูสามชั้นย่างว่าเมื่อไหร่มันจะสุกได้ที่อย่างนิลยา เธอเองด็เคยยุให้เพื่อนไปรายการทำนองนี้เหมือนกัน เพราะนิลยาร้องเพลงเพราะมาก โดยเฉพาะเพลงเก่าๆ นี่ยิ่งเพราะ
ทันทีที่หมูสามชั้นย่างได้ที่ นิลยาก็ตั้งหน้าตั้งตากินดั่งพายุ ปล่อยให้พอฤทัยนั่งมองตาปริบๆ เพราะคีบหมูสามชั้นย่างไม่ทันนิลยาเท่าไหร่
“วันนี้แกเป็นอะไร” กระทั่งความเร็วในการคีบหมู่สามชั้นย่างของนิลยาลดลง พอฤทัยจึงได้จังหวะถามขึ้น
“ถูกด่ามา”
“เอ้า! ไปทำอะไรมาถึงถูกด่า”
“ก็ถ้าทำจะไม่ว่า นี่คือไม่ได้ทำไง แต่ถูกเรียกไปด่าแถมลามไปถึงเรื่องข่าวลือบ้าๆ นั่นด้วย”
“ข่าวลือ?” บนหน้าของพอฤทัยเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามทันที นิลยาจึงเฉลยให้เพื่อนได้หายสงสัย
“ข่าวลือหาว่าฉันเป็นเมียน้อยผู้บริหาร”
“เฮ้ย! บ้าไปแล้ว” คนฟังอุทานออกมาเสียงดัง
“ใช่...บ้าไปแล้ว บ้ามากเลยด้วย พอฉันปฏิเสธไปว่าไม่ได้ทำ ผู้จัดการคล้ายจะบีบให้ฉันลาออก ถ้าฉันไม่ลาออกก็จะไล่ฉันออกไปอีก”
“ทนายในมือสั่น เอางี้ถ้าแกถูกบีบให้ออกหรือเขาไล่ออกเมื่อไหร่บอก ทนายฉันพร้อมช่วยเสมอ” นั่นเพราะครอบครัวของพอฤทัยเป็นทนายความ คุณพ่อของเธอเป็นถึงอัยการ
“ขอบใจนะเต้ย”
“เรื่องเล็ก ของแบบนี้จะได้รู้กันไปว่าเราเองก็ไม่ผิด ถ้าแกฟ้องกรมแรงงานขึ้นมานะว่าถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม บริษัทนั่นเละแน่”
“หวังว่าข่าวลือมันจะเงียบไปเอง มาลืออะไรเอาช่วงจะโปรโมทตำแหน่งก็ไม่รู้”
“ฉันว่าคู่แข่งแกต้องมีเอี่ยวกับการปล่อยข่าวลือพวกนี้ เพื่อหวังสะกัดแกแน่ยัยฝ้าย”
“อื้อ...แต่คือจับมือใครดมไม่ได้ไง” นิลยาเห็นด้วย เธอแค่ไม่มีหลักฐานเอาผิดใครก็เท่านั้นเอง
“อีกหน่อยคนพวกนี้ก็เผยไต๋เองละ อะ...กินๆ เดี๋ยวย่างให้” เอ่ยจบพอฤทัยก็คีบหมูสามชั้นใส่จานให้นิลยาจนพูน ส่วนคนที่เกิดมาแล้วกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนก็กินเอากินเอา ผิดกับพอฤทัยที่แค่ได้กลิ่นน้ำหนักก็ดีดขึ้นไปหลายขีดแล้ว ความยุติธรรมมันอยู่ตรงไหน ใครบอกเธอทีสิ
“อิ่ม”
“ไม่อิ่มก็แปลกแล้ว แกกินแหลกซัดหมูสามชั้นที่ร้านไปเป็นกิโลๆ ขนาดนี้”
“ก็มันอร่อยนี่ สามชั้นย่างของข้า” นิลยาทำหน้าฟินใส่
“อารมณ์ดีแล้วสิ”
“นิดหน่อย”
“อ้าว! กินไปขนาดนี้แล้ว ยังนิดหน่อยอีกเหรอ หรือว่ามีเรื่องอะไรที่บ้าน” พอฤทัยใช้วิธีเดา ซึ่งก็ถูกเสียด้วย
“อืม”
“พี่ณุอีกละสิ”
“จะมีใครอีก ฉันเหนื่อยมาก เหนื่อยต้องตามแก้ปัญหา นี่เลยชวนแม่ย้ายออกมาอยู่ข้างนอกกัน”
“แล้วป้าเดือนว่าไง”
“ไม่ย้ายโดยให้เหตุผลว่าห่วงลุงคม”
“ก็พอเข้าใจได้ เพราะลุงคมเป็นคนดีมากคนหนึ่ง” พอฤทัยสัมผัสความดีจากอาทิตย์พ่อเลี้ยงของนิลยาได้ เพราะดูอบอุ่นและรักนิลยามากเหมือนลูกแท้ๆ ดูแลนิลยากับแม่เป็นอย่างดี
“ดีแบบไม่แบ่งให้ลูกชายบ้างเลย นั่นก็เลวไม่สนความดีพ่อ” นิลยาเหลืออดกับพฤติกรรมของภาณุแล้วจริงๆ
“เอานะแก คนแบบนี้พี่ณุอายุไม่ยืนหรอก” ไม่ใช่เพราะพอฤทัยมองเห็นอนาคตได้ แต่เธอเดาจากพฤติกรรมของภาณุ ที่เทียวเข้าบ่อนไม่เลิกราคงถูกเจ้าหนี้ตามเก็บเอาสักวัน
“คนแบบนั้นตายไปเถอะ อยู่ไปก็รกโลก”
“เอ้า! อย่างแช่งคนสิ มันบาป”
“ยอมบาป”
“ใจเย็นก่อนยัยฝ้าย แกนี่ปากยิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ขนาดแช่งร้านขายข้าวยังเจ๊งมาแล้วเลย” พอฤทัยรีบเบรก แต่พอไปคิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตลก เพราะนิลยาเคยแช่งร้านอาหารจนร้านเจ๊งไปแล้วจริงๆ และไม่ใช่แค่ร้านเดียว การันตีถึงความเจ้งถึงห้าร้านมาแล้ว
