บทที่ 3. ตอน ในคืนฝนพรำ/1
ซุนเซิงพยายามฝืนความปรารถนาในกาย เขาปล่อยหลิวชิงหลิน แล้ววิ่งออกไปข้างนอก สายฝนยังคงเทกระหน่ำลงมา ความเย็นของน้ำฝนทำให้เขามีสติขึ้นมา ซุนเซิงพาตัวเองไปยังคอกม้า นำม้ามาเทียมรถลากแล้วขึ้นขี่ แต่เขาไม่ทันได้ขยับไปไหน หลิวชิงหลินก็วิ่งฝ่าฝนออกมา
“พี่ซุน ท่านจะไปไหน”
“อย่ามายุ่งกับข้า เจ้าสองแม่ลูกวางอุบายคิดให้ข้าตกหลุมพราง ข้าไม่มีวันให้พวกเจ้าสมหวัง”
ซุนเซิงตะโกนลั่น น้ำฝนเปียกชุ่มร่างแต่ภายในยังร้อนรน เขามองเรือนร่างของหลิวชิงหลิน ยามนี้เสื้อผ้าเปียกปอนจนแนบไปกับร่างกาย มองเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของความเป็นหญิงยั่วยวนสายตา ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมา
“พี่ซุน ข้าขอโทษ ข้า... ฮือ ข้าทรมานเหลือเกิน”
หลิวชิงหลินเองก็ถูกพิษของยาปลุกกำหนัดเช่นกัน นางร้อนไปทั้งตัวทรมานจนแทบหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ร่างกายหายจากอาการคันยุบยิบทั้งตัวนี้
“เจ้าไปให้พ้นหน้าข้า อย่าขึ้นมาบนรถ ลงไป โธ่เว้ย!”
หลิวชิงหลินปีนขึ้นมาบนรถม้า ตอนนี้นางหลุดความควบคุมแล้ว สติเลือนหายไปพร้อมกับการออกฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัด นางต้องการเพียงได้สัมผัสร่างของฝ่ายตรงข้าม ในสมองไร้สติไม่อาจแยกแยะผิดชั่ว
“พี่ซุน ช่วยข้าด้วย พี่ซุน”
ใบหน้างามเกลือกกลิ้งบนไหล่ของเขา ซุกจมูกและปากจูบลำคอของเขา กอดรัดจากด้านหลัง สอดมือใต้วงแขนลูบแผงอกเขาไปมา สร้างความปั่นป่วนให้คนที่ถูกยั่วยวน
“ชิงหลิน เจ้าทำแบบนี้แล้วจะเสียใจทีหลัง”
“ข้าไม่เสียใจ ข้าชอบท่าน ข้าชอบพี่ซุน”
นางหลุดปากพูดความในใจออกมา ซุนเซิงไหววูบในใจ เขาเองก็ชอบนางไม่น้อย ยามนี้ร่างสองร่างกอดรัดนัวเนียกันจนแทบกลืนเป็นร่างเดียว
“เราทำกันที่นี่ไม่ได้ และข้าก็เกลียดแม่ของเจ้า”
ซุนเซิงไม่อาจสลัดสตรีที่เกาะหลังเขาออก จึงฟาดแส้พารถม้าเคลื่อนออกไปท่ามกลางสายฝน วิ่งไปตามทางจนไปถึงศาลเจ้าร้างแห่งหนึ่ง จึงพารถไปหลบด้านใน
“ชิงหลิน เจ้าตั้งสติก่อน”
ซุนเซิงแกะแขนหลิวชิงหลินออก นางตัวเปียกไปหมด หน้าตาแดงจัด หอบหายใจแรง ดวงตาหรี่ปรือครึ่งหลับครึ่งตื่น นางพยายามลืมตามองหน้าเขา ส่งเสียงออกมาแผ่วๆ ว่า
“พี่ซุน ช่วยข้าด้วย ข้าต้องการท่าน...”
“เจ้ายั่วยวนข้าเองนะ อย่าโทษข้าก็แล้วกัน”
ซุนเซิงไม่อาจต้านทานความปรารถนาในกายของตนได้อีกต่อไป เมื่อร่างกายร้อนจนแทบจะระเบิด และยังถูกร่างนุ่มนิ่มบดเบียดมาตลอดทาง ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดนั้น หากไม่ได้รับการปลดปล่อยก็จะทำให้คนต้องพิษ คลุ้มคลั่งจนมิอาจควบคุมตัวเองได้ ตอนนี้ซุนเซิงใกล้ถึงจุดที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว
เขาจับแขนพาหลิวชิงหลินเข้าไปในรถม้า แล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าของนางออกจากร่าง ตัวเขาเองสลัดเสื้อผ้าเปียกชื้นของตัวเองออกจนเปลือยเปล่า จากนั้นผลักนางให้นอนลงบนพื้น ร่างหนากว่าขึ้นทาบทับ กอดรัดร่างนุ่มเนียนของนาง
“ชิงหลิน เจ้างามเกินไปแล้ว ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
ซุนเซิงหยัดกายขึ้นมองเรือนร่างงดงามขาวผ่อง ราวกับก้อนสำลีของหลิวชิงหลิน ดวงตาจับจ้องไปยังยอดทรวงสีหวาน สายตามองไปขึ้นไปยังใบหน้างดงาม แล้วจดจ้องที่ริมฝีปากก่อนจะสอดมือใต้ท้ายทอย บังคับให้นางเงยหน้ารับจุมพิตเร่าร้อนของเขา
“พี่ซุน...”
หลิวชิงหลินครางเสียงสะอื้น เผยอปากออกรับเรียวลิ้นร้อนที่สอดเข้ามา ขยับริมฝีปากตอบโต้เขาอย่างลืมตัว มือเรียวบางคล้องคอเขาไว้ หลับตาแน่นหอบหายใจแรงเมื่อถูกเขาจูบจนแทบหายใจไม่ทัน ลมหายใจร้อนผ่าวของเขาหอบกระเส่า ประสานกับเสียงลมหายใจของนางที่ดังไม่แพ้กัน เสียงดูดริมฝีปากดังขึ้นเมื่อเขาเม้มริมฝีปากล่างของนาง ดูดแรงจนเกิดเสียงจุ๊บ ก่อนจะปล่อยให้นางได้หายใจ แล้วไต่ริมฝีปากลงมาตามลำคอ ขบเม้มตรงซอกคอขาวผ่อง จนเกิดรอยแดงจ้ำเล็กๆ คล้ายต้องการประทับตราความเป็นเจ้าของ
“อ๊ะ พี่ซุน ท่าน...”
หลิวชิงหลินสะดุ้งส่งเสียงครางเบาหวิว เมื่อซุนเซิงเคลื่อนริมฝีปากมาครอบครองยอดทรวงของนาง เขาอ้าปากงับปลายยอดสีชมพูหวานนั้นเข้าปาก ดูดแรงจนนางสั่นสะท้านไปทั้งตัว รู้สึกเสียววูบจากปลายยอดแล่นปราดลงไปยังท้องน้อย จนเผลอยกตัวขึ้นแอ่นหน้าอกให้เขาดื่มกินอย่างลืมอาย
มือของนางลูบไล้ขูดข่วนแผ่นหลังของเขาจนเกิดรอยแดง ความร้อนในกายเหมือนยิ่งทวีร้อนเร่าขึ้นเรื่อยๆ นางส่ายหน้าไปมา ร้องครางครวญเสียงหวาน เสียงนั้นทำให้คนได้ยิน ยิ่งดูดดึงยอดทรวงนางหนักหน่วงขึ้น ราวกับทารกหิวนม มือของเขาคลึงเคล้นทรวงงามราวกับนวดแป้งซาลาเปา ริมฝีปากขบเม้มดูดแรงจนเกิดเสียงดัง จุ๊บ จ๊วบ น่าอายเหลือเกิน แต่เขากลับพึงพอใจที่จะทำเสียงน่าเกลียดนั้นให้ดังขึ้น คล้ายต้องการแกล้งให้นางอับอาย
“พี่ซุน ข้าไม่ไหวแล้ว ข้าร้อน”
หลิวชิงหลินร้องครางออกมา นางบิดตัวไปมาเหมือนปลาตัวน้อยที่กำลังดิ้นบนพื้นดิน อ้าปากหอบหายใจแรง มือขูดข่วนแผ่นหลังของเขาจนเป็นรอยแดง แสบๆ คันๆ
