บท
ตั้งค่า

EP04 [เด็กน้อยผู้มีดวงตาเศร้าหมอง]

กลางดึกในค่ำคืนหนึ่งที่หิมะโปรยปรายลงมาจากทั่วทั้งท้องฟ้า เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งกำลังนอนหลับใหลพร้อมด้วยลมหายใจที่แผ่วเบาจนยากที่หมอหลวงจะจับสัมผัสได้ถึงจังหวะของชีพจร

“ท่านหมอหลวง บุตรสาวของข้าเป็นเช่นไรบ้าง ท่านพอจะมีหนทางช่วยเหลือนางหรือไม่” เสนาบดีไป๋ถามอย่างร้อนใจ ในขณะที่ผู้เป็นภรรยาก็อยู่ข้างกายไม่ห่าง เฝ้ารอดูอาการของบุตรสาวด้วยความหวัง แม้จะเป็นเพียงความหวังที่แสนจะริบหรี่สักเพียงใด

“เรียนท่านเสนาบดีตามตรง ข้าเองก็จนใจ หากแต่สิ่งใดที่พอจะทำได้ ข้าก็ได้พยายามทุ่มจนสุดกำลังแล้ว ที่เหลือคงแล้วแต่วาสนาของบุตรสาวท่านแล้ว” หมอหลวงที่เฝ้ารักษาอาการของเด็กหญิงตัวน้อยนี้กล่าวอย่างหมดหนทาง การรักษานับได้ว่าทำครบทุกขั้นตอนแล้ว

หากแต่สิ่งที่ทำได้ต่อจากนี้ ก็คือการที่นางจะต้องก้าวผ่านมันให้ได้ด้วยตัวของนางเอง

“ท่านหมายความว่าอย่างไร” ไป๋ลี่หมิงถามด้วยไม่อยากจะเข้าใจในความหมายด้านลบที่อีกฝ่ายจะสื่อ ลูกสาวเขาน่ารักถึงเพียงนี้ จะมาด่วนจากไปเร็วถึงเพียงนี้ได้อย่างไร สวรรค์จะใจร้ายต่อครอบครัวของเขามากเกินไปหรือไม่

ไป๋ลี่หมิงได้แต่คิดตัดพ้อด้วยความสงสารบุตรสาวจับใจ แล้วไหนจะภรรยาที่บัดนี้จิตใจจวนแตกสลายลงไปจนสิ้นแล้ว

“คืนนี้นับว่าเป็นเส้นตายของไข้พิษชนิดนี้ หากข้ามพ้นคืนนี้ไปได้ ก็นับได้ว่ามีปาฏิหาริย์และอาการก็จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ” หมอหลวงอธิบายเพิ่มเติม แม้ความหวังในค่ำคืนนี้จะริบหรี่สักเพียงใด แต่ก็ยังไม่อาจนับได้ว่าสิ้นหวังไปเสียทั้งหมด

“เช่นนั้นก็นับได้ว่ายังพอมีหวัง บุตรสาวของข้าเป็นเด็กดี นางจะต้องไม่ด่วนจากพวกข้าไปอย่างแน่นอน” ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยความหวัง โดยหมอหลวงนั้นก็ได้แต่เฝ้ามองภาพเบื้องหน้านี้ด้วยความสงสารอย่างสุดหัวใจ

ในขณะที่เด็กหญิงตัวน้อยกำลังนอนด้วยลมหายใจรวยริน อีกห้วงเวลาหนึ่งนั้น ดวงจิตของอิงฮวาก็กำลังล่องลอยอยู่ในดินแดนที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่างคอยนำทาง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร ไม่รู้ว่าทุกสิ่งอย่างนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร ภาพจำสุดท้ายในชีวิตก่อนหน้านี้ก็คือตัวนางได้หมดสติไปเมื่อกลุ่มควันได้ลอยคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ พร้อมกันกับความร้อนของเปลวเพลิงที่เริ่มลุกลามใกล้เข้ามาในทุกขณะ

ก่อนที่ดวงจิตจะละทิ้งร่างกายนี้แล้วก้าวเข้าสู่ความมืดมน ในจังหวะนั้น อิงฮวาก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่กำลังวิ่งมาด้วยความร้อนรน หากแต่เมื่อผู้เป็นเจ้าของเสียงฝีเท้านั้นมาถึง ตัวนางก็ไม่อาจรับรู้สิ่งใดได้อีกต่อไปแล้ว

‘อิงฮวาเด็กดี จงตื่นขึ้นมาและหวนคืนสู่อ้อมกอดของข้าเถิด’ เสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นเคย หากแต่ดวงจิตที่ว่างเปล่ามาเนิ่นนานจนเกินไปจึงทำให้อิงฮวาไม่สามารถที่จะจดจำผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงนั้นได้

หลังจากดวงจิตของอิงฮวานั้นได้ล่องลอยไปมาเนิ่นนาน ในที่สุดก็มีแสงสว่างสาดส่องมาอยู่ไม่ไกล และเมื่อแสงสว่างนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ดวงจิตที่อ่อนล้า บัดนี้ก็ได้หลับใหลลงไปอีกครั้ง พร้อมกับเด็กหญิงที่นอนจับไข้และหายใจรวยระรินอยู่นั้นก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ

ดวงจิตที่ตื่นฟื้น บัดนี้ก็ได้เวลาหวนคืนสู่ร่างเดิมแล้ว หากแต่ร่างเดิมนี้ กลับเป็นร่างในอดีตเมื่อครั้งที่นางยังมีอายุเพียงห้าหนาวเท่านั้น

“ไปเชิญตัวท่านหมอหลวงกลับมา บุตรสาวของข้าฟื้นแล้ว” เสียงดังระคนดีใจของผู้เป็นพ่อรีบออกคำสั่งเมื่อบุตรสาวที่เมื่อครู่นี้ได้หยุดหายใจไปชั่วขณะ หากแต่บัดนี้กลับได้ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว

ดวงตาที่เคยสดใสของบุตรสาว บัดนี้กลับมีเพียงความเศร้าสร้อยเหมือนผ่านเรื่องราวที่แสนโหดร้ายมาเนิ่นนาน น้ำตาใสๆ หลั่งไหลออกมาจากหางตาโดยไร้ซึ่งเสียงร้องไห้ใดๆ ดวงตาแดงก่ำที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นทุกข์ใจมากเพียงไหน หากแต่ไม่สามารถที่จะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเสียใจที่มีอยู่ภายในเหล่านั้นออกมาได้

อิงฮวาเฝ้ามองภาพที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ยากจะเชื่อได้ บิดาของนางในยามนี้ เหตุใดถึงดูยังหนุ่มแน่นถึงเพียงนี้ การตกแต่งห้องนอนเช่นนี้ นางจำได้ดีว่าเป็นห้องนอนของตนเมื่อนานมาแล้ว

ภายหลังจากที่กวาดตามองห้องที่ตนนอนอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจ้าตัวก็ได้เริ่มที่จะทำการสำรวจร่างกายของตนเองเพียงไม่นาน อิงฮวาก็พลันรู้แล้วว่า ตัวนางในตอนนี้ก็คืออิงฮวา เด็กหญิงตัวน้อยที่มีอายุเพียงห้าหนาวเท่านั้น

เมื่อแน่ใจแล้วว่าตนนั้นได้ย้อนกลับคืนสู่ช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นในอดีตอีกครั้ง เจ้าตัวก็รู้สึกปีติอยู่ในใจไม่น้อย ก่อนที่จะเผลอแสดงสีหน้าเศร้าสร้อยออกมากอีกครั้ง เมื่อหวนนึกถึงเรื่องราวที่แสนโหดร้ายที่ตนนั้นเพิ่งจะผ่านพ้นมา

หยวนหลิง แม้เหล่านั้นอาจจะเป็นเพียงฝันตื่นหนึ่ง หากแต่ความฝันนั้น เมื่อลองพิจารณาดูอย่างถ้วนถี่แล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าทั้งท่านและข้านั้นไร้ซึ่งวาสนามาตั้งแต่ต้นมากเพียงใด

เด็กหญิงที่ผู้หนึ่งที่เติบโตมาภายใต้การอบรมเลี้ยงดูเป็นอย่างดีเพื่อที่อนาคตจะได้เป็นพระชายาของท่าน บัดนี้ไม่มีแล้ว

หญิงสาวที่ทั้งชีวิตนี้มีเพียงท่านที่เป็นดั่งเป้าหมายในชีวิต บัดนี้ก็ไม่มีแล้วอีกเช่นกัน

เรื่องราวระหว่างเราที่ผ่านมานี้ ข้าจะนับเป็นเพียงห้วงฝันตื่นหนึ่ง แม้จะปวดร้าวสักปานใด ข้าก็จำต้องตื่นจากฝันร้ายนี้เสียที

อิงฮวากล่าวลาความฝันในอดีตทิ้งไป และตัดสินใจแล้วว่าตัวนางนับต่อจากนี้จะไม่ขอข้องเกี่ยวกับเส้นทางการก้าวขึ้นไปสู่การเป็นองค์รัชทายาทของหยวนหลิงอีกต่อไป

ท่านปรารถนาจะเป็นองค์รัชทายาทให้จงได้ เช่นนั้นก็จงหาพระชายาที่เหมาะสมต่อฐานะอันสูงส่งของท่านไกลๆ เถิด นับต่อแต่นี้ ข้าจะเป็นเพียงสตรีที่โง่งมที่มีชีวิตเรียบง่ายและมีความสุขอยู่กับครอบครัวของข้าเพียงเท่านั้น

จากแววตาที่เศร้าหมองของเด็กหญิงที่นอนไร้เรี่ยวแรง เพียงไม่นานก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความฮึกเหิมที่หมายจะมีชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุขเพื่อชดเชยกับภาพฝันที่แสนโหดร้ายที่นางเพิ่งจะเผชิญมา

แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเคยเกิดขึ้นจริง หรือแท้จริงแล้วเป็นเพียงห้วงฝันตื่นหนึ่ง อิงฮวาผู้นี้ก็ไม่หมายที่จะข้องเกี่ยวกับหยวนหลิงอีกต่อไปแล้ว

หนึ่งเดือนต่อมา…

ภายหลังจากที่อิงฮวาฟื้นไข้ในครั้งก่อนจวบจนอาการต่างๆ หายดีแล้ว ความทรงจำต่างๆ ที่เคยมีก็เริ่มเลือนรางเหลือไว้เพียงภาพจำสุดท้ายในชีวิตนาง ซึ่งสิ่งนั้นก็ได้ทำให้อิงฮวามุ่งมั่นในใจแล้วว่า ชีวิตนี้นางจะไม่มีวันแต่งเข้าจวนอ๋องของหยวนหลิงอีกครั้งเป็นอันขาด

หากแต่เมื่ออิงฮวาพยายามนึกย้อนในความทรงจำว่าหยวนหลิงนั้นมีหน้าตาเป็นเช่นไร บัดนี้อิงฮวากลับไม่อาจจดจำได้อีกต่อไปแล้ว มีเพียงความทรงจำที่เหมือนมีกลุ่มหมองควันจางๆ ลอยคละคลุ้งไปทั่ว จนไม่อาจมองเห็นใบหน้าของบุคคลที่ปรากฏอยู่ในห้วงของความทรงจำหรือความฝันนั้นได้เลย

แต่ถึงจะอย่างไร สำหรับอิงฮวาที่มีเป้าหมายในชีวิตใหม่เป็นที่เรียบร้อย เพียงเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel