EP05 [การพบกัน]
วันเวลาผ่านไป อิงฮวาตัวน้อยก็ไม่คิดที่จะยึดติดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาเหมือนฝันนั้นและใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนใจได้เสียที
นางเป็นเพียงเด็กหญิงตัวน้อย เช่นนั้นแล้วก็ควรที่จะใช้ชีวิตและมีความสุขเยี่ยงเด็กผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น การทำหน้าอมทุกข์ถึงเรื่องราวที่ผ่านมานั้นก็ดูจะไม่เหมาะกับใบหน้าที่แสนจะน่ารักนี้เสียเท่าไร อิงฮวาคิดอย่างปล่อยวาง ก่อนที่จะหันมาวางแผนการในการหนีเที่ยวต่อไป
“ซือซือ เจ้าจงจับบันไดไว้ให้แน่นๆ ไว้ข้าหนีออกไปได้แล้ว จะกลับมารับเจ้าออกไปเที่ยวด้วยนะ” เด็กหญิงตัวน้อย กล่าวในขณะที่ตนกำลังตั้งหน้าตั้งตาปีนบันไดอย่างดูจริงจัง ประหนึ่งว่า ยามนี้มีเพียงบันไดและกำแพงสูงที่อยู่ตรงหน้าเพียงเท่านั้นที่ควรค่าให้นางใช้สายตาจับจ้องและให้ความสนใจ เพราะถ้าหากพลาดตกลงไป ร่างกายของนางนี้คงบอบช้ำมากไม่น้อย
“โธ่คุณหนู หนีเที่ยวเช่นนี้ หากนายท่านทราบ บ่าวต้องถูกลงโทษแน่ๆ เลยนะเจ้าคะ” ซือซือที่มีอายุมากกว่าผู้เป็นคุณหนูสองหนาวเห็นจะได้ ด้วยเหตุนี้ ความสามารถในการทัดทานคุณหนูอย่างอิงฮวาที่ชอบหนีเที่ยวของบ่าวตัวน้อยนั้นจึงยังไม่เคยประสบความสำเร็จได้เลยสักครั้ง
“ซือซือ เจ้าจะเห็นแก่ของกินเพียงไม่กี่มื้อไม่ได้ สำหรับท่านพ่ออย่างมากก็ลงโทษเจ้าเพียงแค่ให้งดมื้อเย็นสักมื้อสองมื้อเพียงเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็มีขนมที่แอบซุกซ่อนไว้ให้เจ้าอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นแล้วเจ้าอย่าได้เป็นกังวลใจไปเสียให้มาก” เด็กน้อยปลอบประโลมจิตใจของผู้ที่ถูกบังคับให้ต้องสมรู้ร่วมคิดในการหนีออกนอกจวนในครั้งนี้ด้วยถ้อยคำที่ไม่ได้ทำให้สาวใช้ที่มีนามว่า ซือซือ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย
นายท่านจิตใจดีมากก็จริง หากแต่ความเข้มงวดก็มีมากไม่ต่างกัน หากถูกจับได้ว่าหนีเที่ยวอีกครั้ง ครั้งนี้ก็จะนับได้ว่าเป็นครั้งที่สามในรอบห้าวันแล้ว เรียกได้ว่า คุณหนูของนางนับตั้งแต่ฟื้นจากอาการไข้ก็ชอบหนีเที่ยววันเว้นวันกันเลยทีเดียว
เมื่อกล่าวร่ำลากับซือซือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะเดียวกัน เจ้าตัวน้อยก็ได้ปีนมาถึงด้านบนของกำแพงเสียที
อิงฮวาในวัยห้าหนาว หันมองซ้ายขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้คนอยู่ในละแวกนี้ เจ้าตัวก็รีบปีนป่ายลงจากกำแพง โดยอาศัยเชือกที่ผูกเป็นบันไดพาดลงมาอีกฝั่งให้นางได้ไต่ลงมาอย่างง่ายดาย โดยที่อีกฟากฝั่งหนึ่งนั้นอิงฮวาได้แอบผูกปลายเชือกไว้กับต้นเหมยเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งในการกระทำครั้งนี้ หาใช่การกระทำเพียงครั้งแรกของคู่หูนายบ่าว หากแต่เป็นการกระทำจนคุ้นชินและช่ำชองเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะเกิดขึ้นเพียงระยะเวลาไม่นานก็ตามที และในความคุ้นชินนั้นก็นำมาสู่ความไม่ระมัดระวังในการที่จะสำรวจว่าเชือกที่ผู้ไว้กับต้นไม้นั้นมีความมั่นคงเพียงพอหรือไม่
เช่นนั้นแล้ว เมื่อร่างเล็กๆ ทิ้งตัวลงตามบันไดเชือกได้ถึงเพียงครึ่งกำแพง อีกฟากฝั่งของปลายเชือกก็พลันได้หลุดออกมาก่อนที่ร่างเล็กของอิงฮวาจะร่วงลงมาจากบนกำแพงเช่นกัน
เมื่อคิดว่าตนนั้นต้องพบกับเรื่องเจ็บตัวเข้าให้แล้ว อิงฮวาก็หลับตาแน่น พลางเตรียมใจที่จะรับความเจ็บปวดนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น ความสูงเพียงเท่านี้ หากร่างกายได้รับบาดเจ็บยังนับได้ว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย
แต่ถ้าหากผู้เป็นบิดาจับได้นั้น อิสระในชีวิตของนางต่อจากนี้ก็นับได้ว่าหมดสิ้นกันแล้ว
ในเสี้ยววินาทีนั้น เมื่อเตรียมใจไปได้ครึ่งทางแล้ว อิงฮวาก็คิดว่าตัวนางคงได้หล่นกระแทกพื้นแน่แล้วต่อจากนี้
“โอ๊ย!” เสียงร้องอย่างฟังดูตกใจของใครสักคนดังขึ้น ซึ่งน้ำเสียงนั้นไม่ได้ฟังดูคุ้นเคยสำหรับอิงฮวาสักเท่าไร หลังจากที่หลับตาอยู่สักพัก และพบว่าร่างตนนั้นไม่ได้หล่นลงพื้นแต่อย่างใด ด้วยมีสิ่งหนึ่งรองรับอยู่เบื้องล่างนั่นเอง ก่อนที่อิงฮวาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาและมองดูสิ่งที่อยู่ใต้ร่างของตน
“ทะท่านคือใคร เหตุใดถึงได้มานอนเล่นที่ตรงนี้ได้เล่า” เด็กหญิงตัวน้อยถามออกไปพร้อมด้วยแววตาที่ดูใสซื่อ
“ข้ามานอนเล่นเสียที่ไหนกัน ดูก็รู้ว่าเป็นเจ้าที่กระโดดลงมาใส่ข้าทั้งที่กำลังจะเดินผ่านไปเพียงเท่านั้น” ชายหนุ่มที่มีอายุมากกว่าอิงฮวากล่าวพร้อมทั้งส่ายหน้าในความคิดของเด็กหญิงตัวน้อยยามที่นางได้เอ่ยวาจาออกมา
นอกจากชะตาจะมีเคราะห์ โดนเด็กตกจากกำแพงลงมาทับร่างตน อีกฝ่ายยังดูพูดจาเลอะเลือนหาว่าเขามานอนเล่น ณ ที่แห่งนี้อีก ช่างเป็นเด็กที่ตั้งข้อสังเกตได้น่าปวดหัวมากเสียจริงเชียว
หยวนหลิงแอบคิดอย่างดูแคลนในตัวเด็กสาว แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผลอยิ้มตามไปกับความกล้าหาญและความเจื้อยแจ้วของนางอยู่ไม่น้อย ช่างนับได้ว่าเป็นเด็กที่สดใสเสียจริง
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนั้น” อิงฮวาคิดตามในถ้อยคำที่อีกฝ่ายได้กล่าวออกมา ก่อนที่จะทำการพยักหน้าอย่างดูเข้าอกเข้าใจในความเป็นไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้
“เจ้าคือบุตรสาวของจวนนี้ใช่หรือไม่ แล้วเหตุใดได้หนีออกมาเที่ยวเล่นเพียงลำพังเช่นนี้” หยวนหลิงถามกลับไปด้วยความสงสัย เหตุใดจวนที่ใหญ่โตเพียงนี้ ถึงปล่อยบุตรสาวให้ออกมาเที่ยวเล่นซนเช่นนี้ได้
“ชู่ววว ท่านอย่าได้ส่งเสียงดังไป เดี๋ยวท่านพ่อข้าจับได้” มือน้อยๆ แสดงท่าทางว่าให้อีกฝ่ายเบาเสียงลงหน่อย ด้วยเกรงว่าบิดาคงจะจับได้ที่นางหนีเที่ยวในครั้งนี้
“คุณหนู ท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ บาดเจ็บหรือไม่ บ่าวจับเชือกฝั่งนี้ไว้ไม่ทัน” เป็นน้ำเสียงที่ฟังดูร้อนรนและกังวลใจของซือซือที่ดังลอยมาจากอีกฟากฝั่งของกำแพง
“ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับไปที่เรือนได้แล้ว อีกไม่นานข้าจะรีบกลับเข้าไป” เด็กหญิงตัวน้อยร้องตะโกนบอกกลับไป โดยไม่สนใจท่าทีของผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่ดูตกใจที่ได้เห็นกิริยาเช่นนี้ของนางเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่อีกฝ่ายนั้น เมื่อได้เห็นเด็กหญิงร้องบอกผู้ที่อยู่อีกฟากของกำแพงอย่างดูเจื้อยแจ้วโดยไร้ซึ่งอาการเขินอายแต่อย่างใดแม้จะอยู่ตรงหน้าเขาก็ตามที หยวนหลิงเฝ้าแอบกังวลถึงคู่ครองของเด็กน้อยในอนาคตไม่ไหวเสียจริงๆ
‘นางยังเป็นเพียงเด็กเท่านั้น ย่อมไม่รู้ธรรมเนียมมารยาทของสตรี เมื่อเทียบกับตัวเขาที่เติบโตมาในวังหลวงที่เห็นแต่เหล่าองค์หญิงและคุณหนูจากจวนต่างๆ เวลาที่ได้มีโอกาสติดตามบิดาเข้าร่วมงานเลี้ยง พวกนางเหล่านั้นล้วนแล้วแต่สำรวมและดูมีกิริยาเรียบร้อยเป็นที่สุด หากแต่แม่นางน้อยผู้นี้ที่ส่วนสูงยังไม่เลยหน้าอกของเขาเลยนี้ กลับมีความซุกซนจนดูน่าปวดหัว เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วในอนาคตเติบโตขึ้นแล้วนางจะยังแต่งเข้าจวนของใครได้อีก’ เมื่อปลงตกถึงอนาคตการแต่งงานของเด็กหญิงตัวน้อยนี้ได้แล้ว หยวนหลิงก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปล่อยวาง
“เจ้าชื่นชอบที่จะเป็นสตรีแก่นซนเช่นนี้รึ” หยวนหลิงถามอย่างนึกสงสัย ด้วยว่าไม่เคยเจอเด็กหญิงที่ไหนซุกซนเช่นนี้มาก่อน
“เช่นนี้? ท่านหมายความว่าอย่างไร” เมื่อได้ยินประโยคคำถามของอีกฝ่าย อิงฮวาก็รู้สึกไม่ค่อยจะกระจ่างในคำถามนั้นสักเท่าไร
“ก็เช่นนี้ที่เที่ยวปีนกำแพงแอบหนีเที่ยวนี้อย่างไรเล่า” หยวนหลิงอธิบายเพิ่มเติมอย่างไม่รีบร้อน พลางใช้นิ้วเรียวชี้ไปที่กำแพงเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น การปีนกำแพงหนีเที่ยวเช่นนี้ หาได้มีคุณหนูบ้านไหนเขาทำกัน
“นอกกำแพงแห่งนี้มีเรื่องสนุกต่างๆ มากมาย เหตุใดข้าต้องไม่ชอบด้วยเล่า” เด็กสาวคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย หากแต่ครุ่นคิดเท่าไร คำตอบในใจก็ยังคงชื่นชอบการออกหนีเที่ยวเช่นนี้อยู่ร่ำไป
“เอาเถิดเจ้ายังเด็ก พูดไปก็คงไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรได้มากมายนัก แต่ถึงจะอย่างไรก็จงดูแลความปลอดภัยของตนเองให้ดี อย่าได้ประมาทเช่นนี้อีกเป็นอันขาด” เมื่อกล่าวจบแล้วหยวนหลิงก็เดินจากไป เนื่องจากจวนจะได้เวลาที่ตัวเขาจะต้องเข้าเฝ้าผู้เป็นบิดาแล้ว
หากเสียเวลาต่อล้อต่อเถียงกับเด็กน้อยที่อยู่ตรงหน้า เสด็จพ่อคงได้ลงโทษเขาที่ไม่รักษาเวลาเป็นแน่
หยวนหลิงเดินจากไปแล้ว หากแต่อีกคนที่เมื่อครู่นี้ได้ยืนมองอยู่ไม่ไกลที่ได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มาตั้งแต่ต้น ก็ได้เดินเข้ามาหาเด็กน้อยที่กำลังปัดเช็ดตามร่างกายที่เปื้อนดินอย่างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับอาการบาดเจ็บ แม้จะเป็นเพียงความบาดเจ็บแค่เล็กน้อยที่ตนนั้นเพิ่งได้รับมาก็ตามที
