บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 สตรีอำมหิต

หลังจากที่อาการตกใจจากการตกจากที่สูงของฉู่ไจ๋ไจ๋นั้นหายไป นางก็กลับมาสดใสเฉกเช่นเดิม ทั้งฉู่เติ้งหาวและจวีลู่ม่านเห็นบุตรสาวอาการดีขึ้นก็รู้สึกโล่งใจไม่น้อย วันนี้หลังจากที่ฉู่ไจ๋ไจ๋ตื่นนอนในยามเช้าจึงเรียกหาสื่อเสียงองครักษ์ประจำตัว

“ท่านหญิงไจ๋ไจ๋” ชายหนุ่มเดินเข้ามาพลางก้มศีรษะทำความเคารพให้กับเจ้านายสาว ฉู่ไจ๋ไจ๋จึงพยักหน้ารับเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยสั่งคนตรงหน้าทันที

“สื่อเสียง เรื่องโจรป่าเมื่อวานนี้เจ้าห้ามรายงานให้ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้าทราบ เข้าใจหรือไม่”

“เพราะเหตุใดหรือขอรับ” สื่อเสียงย่นคิ้วเข่าหากันด้วยความไม่เข้าใจ อันที่จริงเขาตั้งใจจะรายงานเรื่องโจรป่าให้ฉู่อ๋องทราบตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หากแต่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับอาการของท่านหญิงฉู่ไจ๋ไจ๋ เขาจึงยังหาโอกาสบอกไม่ได้

ทางด้านมู่ตานที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสงสัยไม่ต่างจากสื่อเสียง เมื่อวานนางลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทจึงลืมรายงานให้พระชายาจวีลู่ม่านทราบเช่นกัน

“ข้าคิดว่าบุรุษผู้นั้นหาใช่โจรป่าอย่างที่คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรก” หลังจากนอนครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาทั้งคืน ทำให้นางสรุปได้ว่าหากเขาเป็นคนไม่ดี คงไม่ช่วยนางไว้ตั้งแต่แรกหรอก

“แต่รายงานให้ท่านอ๋องหรือพระชายาทรงทราบเอาไว้จะไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ” มู่ตานเสนอความคิด ทว่าฉู่ไจ๋ไจ๋กลับส่ายศีรษะไปมา

“ข้าไม่อยากให้ท่านพ่อกับท่านแม่เป็นกังวล” ยามนี้ท่านพ่อฉู่เติ้งหาวกำลังวุ่นวายกับการคัดเลือกทหารใหม่ ส่วนท่านแม่จวีลู่ม่านก็กำลังวุ่นวายกับการช่วยเปาฮองเฮาจัดเตรียมงานฉลองวันพระราชสมภพของฉู่ฮ่องเต้ หลังจากที่เปาฮองเฮาทรงเรียกนางไปเข้าเฝ้าเมื่อวานนี้ ทำให้ท่านแม่ต้องเดินทางเข้าวังหลวงเกือบทุกวัน

“แต่อย่างไรก็ตาม สื่อเสียงเจ้าจงไปสืบมาให้ข้ารู้ทีว่าบุรุษผู้นั้นเป็นใครกันแน่”

“ขอรับท่านหญิง” สื่อเสียงตอบรับคำสั่งด้วยวาจาหนักแน่นสมดั่งชายชาติทหาร จากนั้นจึงเดินออกไปจัดการเรื่องที่เจ้านายสั่ง

ฉู่ไจ๋ไจ๋มองตามร่างสูงขององครักษ์ที่เดินหายไปยังหน้าประตูจวนด้วยแววตาหมายมาด คอยดูเถิด นางจะต้องรู้ให้ได้ว่าภายใต้ผืนผ้าสีดำสนิทของคนผู้นั้น เขาเป็นใครกันแน่

โป๊ก!

ขณะที่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเพลินๆ ผลผูเถาลูกหนึ่งก็ถูกโยนเข้ากลางศีรษะของฉู่ไจ๋ไจ๋จนนางสะดุ้งโหยงขึ้นด้วยความตกใจ

“ใครกันนะ บังอาจทำร้ายข้า มิรู้หรือว่าท่านพ่อของข้าเป็นใคร!” หญิงสาวยกมือขึ้นเท้าสะเอว หันมองซ้ายทีขวาทีด้วยความโมโห

“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะดังขึ้นอยู่บนต้นไม้ใหญ่ เผยให้เห็นใครบางคนกำลังนั่งกินลูกผูเถาอย่างสบายอารมณ์ อีกทั้งยังส่งสายตามองมายังนางด้วยแววตาเย้ยหยัน

“องค์ชายฉู่ฮ่าวตง!” ฉู่ไจ๋ไจ๋กำมือแน่นมองคนที่นั่งอยู่บนต้นไม้ด้วยความโมโห ฉู่ฮ่าวตงเป็นถึงโอรสของฉู่หาวถงไท่จื่อซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของนาง ฉู่ไจ๋ไจ๋ยังจำได้ดีในตอนที่นางยังเป็นเด็ก นางพบองค์ชายฉู่ฮ่าวตงตกน้ำโดยบังเอิญ ยามนั้นความสัมพันธ์ของท่านแม่จวีลู่ม่านกับเสด็จย่าหรือซิ่วไท่เฮาไม่ค่อยดีเท่าใดนัก เสด็จย่าโทษว่าท่านแม่เป็นคนทำให้องค์ชายฉู่ฮ่าวตงตกน้ำจึงลงโทษด้วยการใช้แส้ไม้ไผ่ฟาดท่านแม่ทำให้ท่านพ่อโกรธมาก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นทำให้นางรู้ว่าท่านพ่อเริ่มมีใจให้กับท่านแม่บ้างแล้ว

ทว่าหลังจากเรื่องราววุ่นวายในอดีตจบลง เสด็จย่ากับท่านแม่ปรับความเข้าใจกันแล้ว นางและท่านแม่มีโอกาสเดินทางเข้าวังหลวงไปเข้าเฝ้าเสด็จย่าบ่อยขึ้น และทำให้นางกับองค์ชายฉู่ฮ่าวตงได้พบกันบ่อยๆ จนกลายเป็นความสนิทสนมกันไปในที่สุด

“องค์ชายฮ่าวตงลงมาขอโทษข้าเดี๋ยวนี้นะ!” ฉู่ไจ๋ไจ๋ตะโกนเสียงดัง หากแต่คนที่นั่งอยู่บนต้นไม้กลับทำหน้าและทำเสียงล้อเลียนนางแทน

“ไม่ลงไปหรอก” ลงไปเจ้าก็ตีข้าน่ะสิ ชายหนุ่มคิดในใจก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นคนข้างล่างโกรธจนหน้าแดง

“มู่ตานไปเอาเกาทัณฑ์มาให้ข้า”

“ท่านหญิงเจ้าขา…”

“มู่ตานรีบไปเอามา ข้าจะสั่งสอนคนชั่ว” หากฉู่หาวถงไท่จื่อไม่ยอมสั่งสอนองค์ชายฉู่ฮ่าวตง นางนี่แหละที่จะเป็นคนสอนเขาเองว่าไม่ควรกลั่นแกล้งผู้อื่นเช่นนี้

ฉู่ฮ่าวตงได้ยินที่ฉู่ไจ๋ไจ๋สั่งมู่ตาน เขานึกหวั่นใจขึ้นมาไม่น้อย หากแต่กระนั้นก็ยังรู้สึกวางใจอยู่บ้าง สตรีใดจะเก่งกาจเรื่องอาวุธไปกว่าบุรุษเล่า

รอเพียงไม่นานมู่ตานก็กลับมาพร้อมเกาทัณฑ์ ฉู่ไจ๋ไจ๋ยื่นมือไปรับมันพลางยกขึ้นเล็งไปยังฉู่ฮ่าวตงอย่างคล่องแคล่ว ทางด้านคนที่นั่งอยู่บนต้นไม้ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก แต่ไม่วายปากดียังคงพูดจาท้าทายนาง

“เจ้ายิงไม่โดนข้าหรอก”

ฟิ้ว! ฉั่บ!

“อ๊ากกกก!” เสียงของชายหนุ่มร้องดังลั่นขึ้นด้วยความตกใจอย่างมหันต์เมื่อเห็นลูกเกาทัณฑ์แล่นฉิวมากลางหน้าผากของเขา ชายหนุ่มรีบใช้วิชาตัวเบาหมุนกายหลบจนเสียหลักพลัดตกจากต้นไม้ หากยังดีที่ต้นไม้ต้นนี้ไม่สูงมากนักจึงไม่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บอะไรมาก

“ฉู่ไจ๋ไจ๋ สตรีอำมหิต!” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาด้วยความโมโห ฉู่ไจ๋ไจ๋ได้ทีจึงยิ้มเยาะใส่คนที่นอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น

“สมน้ำหน้า” แม้จะเอ่ยเช่นนั้นแต่นางยังคงมีน้ำใจ ยื่นมือเข้าไปให้เขาจับพลางช่วยพยุงร่างหนาให้ลุกขึ้น

“ข้าเป็นถึงองค์ชายฉู่ฮ่าวตงเชียวนะ ไยเจ้าไม่ให้เกียรติข้าบ้างเลย” ชายหนุ่มบ่นอุบ ตั้งแต่เล็กจนโตเขามักจะแกล้งนางเช่นนี้เสมอ แต่ใครจะไปนึกว่าฝีมือการยิงลูกเกาทัณฑ์ของนางจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกือบจะปลิดชีพเขาได้เช่นนี้เล่า

“ท่านแม่เป็นคนสอนข้า” ราวกับว่านางจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ วาจาของนางทำให้คนฟังประหลาดใจไม่น้อย ไม่คิดว่าพระชายาจวีลู่ม่านจะใช้เกาทัณฑ์เป็น

ฉู่ไจ๋ไจ๋เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของฉู่ฮ่าวตงจึงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาในลำคอเบาๆ ก็แหงล่ะ… วิญญาณที่อยู่ในร่างท่านแม่ของนางเป็นถึงอดีตแม่ทัพหญิงผู้เกรียงไกรเชียวนะ นางย่อมมีฝีมือที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว

“หากรู้ว่าเจ้าจะทำร้ายข้าเช่นนี้ ข้าคงไม่มาที่นี่หรอก”

ฉู่ไจ๋ไจ๋เบะปากใส่คนตัวโตด้วยความหมั่นไส้ พูดยังกับว่าตัวเองเป็นเหยื่อ นางต่างหากที่โดนเขากลั่นแกล้งก่อน

“เช่นนั้นก็กลับไป”

ฉู่ฮ่าวตงทำตาโต มองคนที่กล้าเอ่ยปากไล่ตนด้วยความหงุดหงิด

“เมื่อวานที่เจ้าเกิดอุบัติเหตุรถม้าชนกัน เจ้าไม่อยากรู้หรือว่ารถม้าคันนั้นเป็นของผู้ใด”

คนที่กำลังสาวเท้าเดินไปยังบันไดทางขึ้นจวนถึงกับหยุดฝีเท้าลงด้วยความรวดเร็ว ร่างบางหมุนกายหันกลับมาอีกหนพร้อมกับเร่งฝีเท้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของฉู่ฮ่าวตง

“องค์ชายรู้หรือ”

“รู้สิ ข้าส่งคนไปสืบมาเรียบร้อยแล้ว” ท่าทางอยากรู้ของฉู่ไจ๋ไจ๋ทำให้ฉู่ฮ่าวตงแย้มริมฝีปากออกจากกันทันที หลังจากที่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน อันที่จริงรู้สึกโมโหไม่น้อยที่ได้ยินว่าฉู่ไจ๋ไจ๋ผู้ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง อีกทั้งยังเป็นสหายเพียงคนเดียวของเขานั้นเจ็บตัว เขาจึงสั่งให้คนออกไปสืบทันทีว่ารถม้าคันนั้นเป็นของจวนสกุลใด

“ของจวนไหนกัน” ฉู่ไจ๋ไจ๋จ้องคนตรงหน้าเขม็ง ฉู่ฮ่าวตงจึงขยับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ กระซิบที่ข้างใบหูของนางเสียงเบา

“จวนสกุลจูอย่างไรเล่า”

ฉู่ไจ๋ไจ๋หันขวับกลับมาสบตาของฉู่ฮ่าวตงทันที นึกว่าตนเองหูเพี้ยนไป

“ว่าอย่างไรนะ!”

“เจ้าฟังไม่ผิดหรอก รถม้าคันนั้นเป็นของจวนสกุลจู เมื่อวานคุณหนูจูจูลี่นั่งรถม้าคันนั้นไปยังร้านเทียนหมี่”

ฉู่ไจ๋ไจ๋ครุ่นคิดตามวาจาของเขา ถ้าหากว่าเป็นดั่งที่ฉู่ฮ่าวตงกล่าวมาจริงๆ นั่นหมายความว่าตอนกลับจูจูลี่ไม่ได้นั่งรถม้าคันนั้นกลับจวนสกุลจูอย่างนั้นหรือ เหตุเพราะตอนที่นางวัดตัวตัดชุดเสร็จ เมื่อเดินออกมาก็ไม่เห็นจูจูลี่กับเมิ่งเกาอยู่ที่ร้านแล้ว

“แล้วตอนนี้รถม้าคันนั้นอยู่ที่ใด” ฉู่ไจ๋ไจ๋กัดฟันถาม หากรถม้าคันนั้นเป็นของจวนสกุลจูจริงๆ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จูจูลี่อาจมีส่วนรู้เห็นก็เป็นได้ และหากนางมีส่วนรู้เห็นจริง ฉู่ไจ๋ไจ๋นั้นไม่ยอมหรอก ทำร้ายกันถึงเพียงนี้กะจะเอาให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลยหรืออย่างไร

“เมื่อวานหลังจากที่หวงจื่อเฉาพาเจ้ากลับมาที่จวน ในตอนที่ทหารสกุลฉู่ไปนำม้าของสกุลฉู่กลับไปรักษาก็ไม่มีใครเห็นรถม้าของสกุลจูแล้ว ข้าจึงสั่งให้คนไปสืบที่จวนสกุลจูพบว่าที่จวนไม่มีรถม้าคันนั้น สืบไปสืบมาจึงพบว่ายามนี้รถม้าของสกุลจูอยู่ที่จวนสกุลเซี่ย”

“สกุลเซี่ยงั้นหรือ!” หญิงสาวถามเสียงสูง เริ่มคิดว่าเซี่ยตงหยางกับจูจูลี่อาจร่วมมือกันวางแผนทำร้ายนาง

ฉู่ฮ่าวตงผงกศีรษะรับ “เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องแปลกใช่หรือไม่” เขาเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานอาจมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าอุบัติเหตุธรรมดาเสียแล้วสิ

มือหนาคว้ามือบางของฉู่ไจ๋ไจ๋ขึ้นมา หญิงสาวมองการกระทำของเขาด้วยความสงสัย

“ไปกันเถอะ”

“องค์ชายจะพาข้าไปไหน”

“ไปจวนสกุลเซี่ยอย่างไรเล่า”

ฉู่ไจ๋ไจ๋ยังไม่ทันได้อ้าปากปฏิเสธ ฉู่ฮ่าวตงพลันจับนางขึ้นพาดบ่าและใช้วิชาตัวเบาพานางกระโดดออกไปจากรั้วจวนสกุลฉู่เสียแล้ว ท่ามกลางความตกใจของมู่ตาน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel