ตอนที่ 6 ราชครู
ตอนที่ 6 ราชครู
ศาลาตั้งอยู่ในมุมสงบของสวนหลวง ล้อมรอบด้วยต้นหลิวที่กิ่งก้านโน้มลงสู่ผิวน้ำ ดอกบัวสีชมพูอ่อนและสีขาวบานสะพรั่งในสระ ภาพที่เห็นช่างงดงามและสงบเงียบ
เยี่ยเฟยหลิงวางอุปกรณ์ทำความสะอาดลงและเริ่มกวาดพื้นศาลา นางทำงานอย่างขะมักเขม้น จะได้รีบเสร็จไวๆ
ขณะที่นางกำลังเช็ดราวระเบียงศาลา เสียงฝีเท้าเบาๆ ก็ดังขึ้นจากด้านหลัง นางหันไปมองและพบกับร่างสูงของชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงินเข้ม
“องค์ชายสิบสาม!” นางแกล้งอุทานด้วยความตกใจ รีบคุกเข่าลงคำนับ
หลี่เฉิงเหวินยิ้มอย่างอ่อนโยน “ไม่ต้องมีพิธีรีตองมากนัก ที่นี่มีแค่เราสองคน”
เยี่ยเฟยหลิงลุกขึ้นยืนอย่างระมัดระวัง ใบหน้าหวานก้มลงต่ำ สายตาจับจ้องที่พื้น แววตาของนางเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นและชิงชัง นางเกลียดเขาจนอยากถลกหนังเลาะกระดูก
“ข้าดีใจที่ได้พบเจ้าอีก” เขาเอ่ยพลางก้าวเข้ามาใกล้ “ข้าเป็นห่วงเจ้ามากหลังจากเหตุการณ์วันนั้น”
เยี่ยเฟยหลิงเงยหน้าขึ้น แววตาของนางเปลี่ยนเป็นสดใสไร้เดียงสา
“หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ” เยี่ยเฟยหลิงตอบเสียงเบา “องค์ชายไม่ควรมาที่นี่ หากมีคนมาเห็น...”
“ข้าไม่กลัว ข้าได้ยินว่ารัชทายาทเรียกเจ้าไปพบ เขาทำอะไรเจ้าหรือไม่?”
เยี่ยเฟยหลิงแข็งตัวไปชั่วขณะ มือสั่นเล็กน้อย “ไม่มีอะไรเพคะ"
หลี่เฉิงเหวินขมวดคิ้ว “เจ้าไม่ต้องกลัวบอกข้ามาตามตรง เขาทำอะไรเจ้า?”
เยี่ยเฟยหลิงส่ายหน้า “ไม่มีอะไรจริง ๆ เพคะ”
หลี่เฉิงเหวินก้าวเข้ามาใกล้อีก มือของเขายื่นออกมาแตะที่ผ้าพันคอของนาง “ทำไมเจ้าต้องพันผ้าในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้?”
เยี่ยเฟยหลิงถอยหลังทันที มือกุมผ้าพันคอไว้แน่น
แต่หลี่เฉิงเหวินเร็วกว่า เขาดึงผ้าพันคอออกอย่างเบามือ เผยให้เห็นรอยช้ำสีบนลำคอขาวผ่องของนาง
ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ก่อนจะหรี่ลงด้วยความโกรธ “เกอหยางทำเช่นนี้กับเจ้าหรือ?”
เยี่ยเฟยหลิงชะงักไปชั่วขณะ ดวงตาคู่งามฉายแววหวาดระแวง ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาบัดนี้กลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งในใจ ชายตรงหน้าช่างเสแสร้งได้เก่งเหลือเกิน ทั้งที่ในชาติก่อนเขายืนถ้วยยาพิษให้นางด้วยสายตาเย็นชา แต่บัดนี้กลับมายืนทำหน้าเป็นห่วงราวกับเป็นเทพบุตรผู้แสนดี
“ไม่เป็นไรเพคะ” เยี่ยเฟยหลิงตอบเสียงเบา พยายามควบคุมความรู้สึกเกลียดชังที่พลุ่งพล่านในอก “เป็นแค่อุบัติเหตุเล็กน้อย หม่อมฉันทำของหล่น องค์รัชทายาทเพียงแค่โมโหเล็กน้อย”
หลี่เฉิงเหวินสีหน้าเคร่งเครียด เขาจ้องมองรอยช้ำบนลำคอของนางอย่างโกรธเกรี้ยว “นี่เรียกว่าเล็กน้อยหรือ? เขาไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนี้กับเจ้า!”
เขาดึงร่างบอบบางเข้ามากอด โอบกระชับแน่นราวกับต้องการปกป้องนางจากอันตรายทั้งปวง “ข้าจะปกป้องเจ้าเอง” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู “ข้าสัญญา ต่อไปนี้จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้อีก”
เยี่ยเฟยหลิงแข็งค้างไปชั่วขณะ นางรู้สึกขยะแขยง แต่นางยังต้องแสดงบทบาทให้สมจริง นางจึงค่อยๆ ยกมือขึ้นตอบรับอ้อมกอดของเขาอย่างลังเล แสร้งทำเป็นสั่นเทาเล็กน้อยเพื่อให้เขาเชื่อว่านางกำลังหวาดกลัวจริงๆ
“องค์ชาย...” นางเอ่ยเสียงสั่น “หม่อมฉันไม่อยากให้ท่านมีเรื่องกับรัชทายาทเพราะหม่อมฉัน”
หลี่เฉิงเหวินคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อย มือหนาประคองใบหน้าเรียวเล็กของนางขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “อย่ากลัวเลย ข้าจะหาทางจัดการ ข้าจะไม่ยอมให้ใครทำร้ายเจ้าอีก”
เยี่ยเฟยหลิงจ้องมองดวงตาคู่นั้น เขาจะปกป้องนางอย่างงั้นหรือ? ...ทั้งที่ในชาติก่อนเขาเป็นคนทำลายชีวิตของนาง
“องค์ชายใจดีเหลือเกิน” นางตอบพร้อมรอยยิ้มที่แสนจะไร้เดียงสา “แต่หม่อมฉันเป็นเพียงนางกำนัลต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับความเมตตาของท่าน”
หลี่เฉิงเหวินส่ายหน้า “อย่าพูดเช่นนั้น ในสายตาข้า เจ้ามีค่ามากกว่าที่เจ้าคิด”
เยี่ยเฟยหลิงแสร้งทำตาโต “องค์ชาย! ท่านไม่ควรพูดเช่นนั้น หากมีคนได้ยิน...”
“ข้าไม่กลัว ข้าจะดูแลเจ้า ข้าสัญญา”
เมื่อเห็นนางกำนัลสองคนกำลังเดินผ่านมา ทำให้ทั้งสองต้องผละออกจากกันอย่างรวดเร็ว
“ข้าต้องไปแล้ว” เขากระซิบ “แต่ข้าจะกลับมาหาเจ้าอีก”
เขาหยิบผ้าพันคอที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมาพันให้นางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยเฟยหลิงมองตามแผ่นหลังของเขา รอยยิ้มไร้เดียงสาบนใบหน้าค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเย็นชา ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดและเดินออกจากศาลา
เมื่อเดินออกมาจากศาลาได้ไม่ไกล เยี่ยเฟยหลิงก็ต้องชะงักเมื่อเห็นร่างสูงสง่าในชุดขาวยืนอยู่ใต้ต้นหลิวไม่ห่างจากตรงนั้น ชายผู้นั้นมีใบหน้าคมคายราวกับถูกสลักจากหยก ดวงตาดำขลับดุจน้ำหมึกจ้องมองมาที่นางอย่างเย็นชา
“คุณหนูตระกูลเยี่ยช่างเก่งเรื่องยั่วยวนบุรุษ สมคำล่ำลือจริงๆ” เสียงทุ้มลึกดังขึ้น เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง
เยี่ยเฟยหลิงรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน หัวใจเต้นรัวด้วยความตกใจ เฉินเจ๋อหยวน ราชครูหนุ่มผู้เป็นทั้งอาจารย์และคนสนิทของหลี่เกอหยาง
และเป็นชายที่นางเคยมอบกายให้ในชาติก่อน ภายนอกเขาดูสง่าและหยิ่งยโสราวกับก้อนหินเย็นชาที่เดินได้ ไม่มีใครเคยเห็นเขาแสดงอารมณ์ใดๆ นอกจากความเย็นชาและความเฉยเมย แต่เยี่ยเฟยหลิงรู้ดี... ในชาติก่อน เมื่อได้ครอบครองนางแล้ว เขากลับกลายเป็นคนละคน เหมือนสุนัขที่ยอมสยบอยู่ใต้กระโปรงของนาง
นั่นทำให้หลี่เฉิงเหวินหาทางฆ่าเขาอยู่ตลอด แต่ราชครูผู้นี้ฉลาดเกินกว่าจะมีช่องโหว่ให้หลี่เฉิงเหวินเล่นงานได้
ในชาติก่อน เฉินเจ๋อหยวนเป็นชายที่ไม่เคยแต่งงาน เขาทุ่มเทชีวิตให้กับการรับใช้ราชสำนักและองค์รัชทายาท จนกระทั่งนางใช้เสน่ห์ยั่วยวนเขา ทำให้เขาตกหลุมรักนางจนถอนตัวไม่ขึ้น เขายอมหักหลังหลี่เกอหยางทรยศราชสำนักก็เพราะนาง
และชายผู้นี้แหละที่จะเป็นเกราะกำบังให้กับนาง ชาติที่แล้วนางทำให้เขาหลงใหลได้ ชาตินี้ก็ต้องทำได้เหมือนกัน
“ท่านราชครู” นางคำนับอย่างนอบน้อม พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
เฉินเจ๋อหยวนก้าวเข้ามาใกล้ ร่างสูงทำให้เงาของเขาทาบทับร่างเล็กของนาง “เจ้าเพิ่งเข้าวังได้ไม่นาน แต่กลับสามารถดึงดูดความสนใจจากองค์ชายสิบสามได้อย่างรวดเร็ว น่าทึ่งจริงๆ”
“ข้าน้อยไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น” เยี่ยเฟยหลิงตอบ ก้มหน้าลงต่ำ แสร้งทำเป็นหวาดกลัว
เฉินเจ๋อหยวนยกมือขึ้นจับคางของนาง บังคับให้เงยหน้าขึ้นมาสบตา
เยี่ยเฟยหลิงรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของนาง ราวกับพยายามอ่านความคิดของนาง
“เจ้าไม่เคยพบข้ามาก่อน แล้วเจ้ารู้จักข้าได้ยังไง? ...”
“ข้าเคยติดตามท่านพ่อไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนราชครูครั้งหนึ่งเจ้าค่ะ แต่นานมากแล้วและตอนนั้นข้ายังเด็กมากท่านอาจจะจำไม่ได้” นางตอบเสียงสั่น
เฉินเจ๋อหยวนปล่อยมือออก แต่สายตายังคงจับจ้องที่นาง “ข้าเตือนเจ้าไว้ก่อน อย่าคิดใฝ่สูงเกินตัวในวังหลวง ไม่อย่างนั้นคนที่เสียใจจะเป็นเจ้า”
เยี่ยเฟยหลิงก้มหน้าลงเล็กน้อย “ข้าน้อยไม่กล้า”
“ดี” เฉินเจ๋อหยวนพยักหน้า “ข้าหวังว่าเจ้าจะจดจำคำเตือนของข้าไว้”
เขาเดินผ่านนางไป แต่ก่อนจะเดินพ้น เขาหยุดและพูดโดยไม่หันกลับมามอง “ระวังคอของเจ้าด้วย รอยช้ำนั่นอาจทำให้คนอื่นเข้าใจผิดได้”
เยี่ยเฟยหลิงแข็งค้าง มือสั่นเทาขยับขึ้นไปแตะที่ผ้าพันคอ นางไม่คิดว่าเขาจะสังเกตเห็น
เมื่อเฉินเจ๋อเหยวนเดินลับตาไปแล้ว เยี่ยเฟยหลิงถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนพื้น ขาอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่ หัวใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นปนหวาดกลัว
“ไม่คิดว่าจะได้พบเขาเร็วขนาดนี้” นางพึมพำกับตัวเอง
เยี่ยเฟยหลิงยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รอให้หัวใจเต้นกลับสู่จังหวะปกติ นางไม่คาดคิดว่าจะได้พบเฉินเจ๋อหยวนเร็วเช่นนี้ และการพบกันครั้งนี้ทำให้นางต้องระมัดระวังมากขึ้น ทั้งต้องระวังหลี่เกอหยาง
