หวนกลับมาครานี้ ข้าจะร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม

132.0K · จบแล้ว
ดอกไม้หนาม
57
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เยี่ยเฟยหลิงยอมทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อชายที่นางรัก แต่เมื่อเขาได้เป็นฮ่องเต้ สิ่งที่นางได้รับกลับเป็นเพียงถ้วยยาพิษและคำพูดที่ถิ่มแทงจิตใจ

นิยายจีนโบราณนิยายรักฮ่องเต้ดราม่าเกิดใหม่โรแมนติกนิยายย้อนยุค

ตอนที่ 1ดับสิ้น

ตอนที่ 1ดับสิ้น

ม่านไหมสีแดงสดปลิวไหวตามแรงลม กลิ่นกำยานหอมลอยอวลในห้องอันงดงามของตำหนักคุณหนิง

เยี่ยเฟิงหลิงนั่งนิ่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองขัดมัน ใบหน้างดงามของนางสะท้อนกลับมา ดวงตากลมโตดุจหงส์ ริมฝีปากแดงฉ่ำราวกับผลอิงเถา ผิวขาวผุดผ่องดั่งหิมะ ทุกสิ่งทุกอย่างบนใบหน้านางล้วนงดงามไร้ที่ติ

แต่ความงามนี้เอง ที่กลายเป็นเครื่องมือบาปของนาง

เยี่ยเฟิงหลิงลูบปิ่นทองคำที่ปักอยู่บนมวยผม ปิ่นที่ฮ่องเต้หลี่เฉิงเหวินหรืออดีตองค์ชายสิบสามมอบให้นางในวันอภิเษกสมรส วันที่นางคิดว่าความรักของพวกเขาจะยืนยาว

ช่างโง่เขลาเสียจริง

เยี่ยเฟิงหลิงยิ้มให้ตัวเองอย่างเย็นชาก่อนจะลุกขึ้นยืน นางสวมชุดคลุมฮองเฮาอันงดงามสีแดงปักลายหงส์ทอง สง่างามสมกับตำแหน่งราชินีแห่งแผ่นดิน

“ฮองเฮา” เสียงของนางกำนัลดังแว่วมาจากนอกประตู “ฝ่าบาทรอท่านอยู่ที่ตำหนักเซียนหลง”

เยี่ยเฟิงหลิงสูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

นางก้าวออกจากตำหนัก ขบวนนางกำนัลและองครักษ์เรียงแถวรออยู่ด้านนอก ทุกคนก้มหน้าคำนับอย่างนอบน้อม ไม่มีใครกล้าสบตากับนาง และไม่มีใครรู้ว่าฮองเฮาผู้สูงศักดิ์กำลังถูกนำตัวไปพบฮ่องเต้ด้วยเหตุผลใด

ตลอดทางเดินอันยาวนาน เยี่ยเฟิงหลิงครุ่นคิดถึงอดีต...

สามปีก่อน นางเป็นเพียงบุตรสาวตระกูลเยี่ย ตระกูลที่ไม่ได้มีอำนาจมากนัก แต่บิดาของนางเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ต่อราชวงศ์ นางถูกส่งเข้าวังมาเป็นนางกำนัลตั้งแต่อายุสิบห้าปี และได้พบกับหลี่เฉิงเหวิน องค์ชายสามผู้ที่ไม่เคยได้รับความสนใจจากฮ่องเต้

หลี่เฉิงเหวินเป็นบุรุษที่หล่อเหลาและฉลาดหลักแหลม แต่ถูกกีดกันจากอำนาจเพราะเป็นโอรสของปลายแถว การพบกันครั้งแรกของนางกับหลี่เฉิงเหวินเกิดขึ้นในสวนวังตะวันออก เมื่อนางไปเก็บดอกบัวตามคำสั่งของนางกำนัลอาวุโส นางพลัดตกลงไปในสระ และหลี่เฉิงเหวินเป็นผู้ช่วยนางขึ้นมา และนั่นคือจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ลับๆ

“เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่” วันหนึ่งเขาถามนาง ดวงตาคมกริบจ้องมองนางอย่างคาดหวัง “ข้าต้องการบัลลังก์”

เยี่ยเฟยหลิงรู้ดีว่าการช่วยเหลือเขาแย่งชิงบัลลังก์เป็นเรื่องอันตราย แต่นางก็ตกหลุมรักเขาเสียแล้ว “หม่อมฉันจะทำทุกอย่างเพื่อพระองค์”

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง...

เยี่ยเฟยหลิงใช้ความงามของตนเองเป็นอาวุธ นางเริ่มต้นด้วยการเข้าหารัชทายาท ใช้เสน่ห์และร่างกายแลกกับการได้รู้ทุกความเคลื่อนไหวของเขา ร่วมถึงคนใกล้ชิดของเขาด้วย ทุกครั้งที่นางต้องนอนกับชายอื่น นางจะบอกตัวเองเสมอว่าทำเพื่อความรัก เพื่ออนาคตที่มั่นคงของนางกับชายที่นางรัก

“ข้าจะไม่มีวันลืมสิ่งที่เจ้าทำเพื่อข้า” เขากระซิบข้างหูนางในคืนหนึ่ง หลังจากไปรับนางกลับจากจวนราชครู “เมื่อข้าได้เป็นฮ่องเต้ เจ้าจะได้เป็นฮองเฮาของข้า ข้าสัญญา”

ในที่สุด การปฏิวัติก็เกิดขึ้น หลี่เฉิงเหวินสามารถโค่นล้มองค์รัชทายาทและขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ เขารักษาสัญญา แต่งตั้งนางเป็นฮองเฮา ทำให้นางกลายเป็นสตรีที่ทรงอำนาจที่สุดในแผ่นดิน

แต่ความสุขที่นางคาดหวังกลับไม่เคยมาถึง

เขาไม่เคยแตะต้องนางเกินกว่าการกอดจูบ ไม่เคยร่วมหอกับนางอย่างที่สามีภรรยาควรจะเป็น ทุกครั้งที่นางพยายามเข้าใกล้ เขามักจะอ้างว่าเหนื่อยล้าจากการบริหารบ้านเมือง หรือไม่ก็ส่งนางกลับตำหนักด้วยข้ออ้างต่างๆ

เยี่ยเฟยหลิงเริ่มสงสัย แต่ก็ไม่กล้าถาม นางเป็นเพียงฮองเฮาที่ไร้อำนาจที่แท้จริง เป็นเพียงเครื่องประดับให้ฮ่องเต้ดูมีเกียรติ

จนกระทั่งวันนี้...

“ฮองเฮาเสด็จ!” เสียงขันทีประกาศดังก้องเมื่อนางมาถึงตำหนักเซียนหลง

ประตูไม้แกะสลักบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นห้องโถงกว้างที่ตกแต่งอย่างหรูหรา ฮ่องเต้หลี่เฉิงนั่งอยู่บนเก้าอี้ สวมชุดสีเหลืองทองปักลายมังกรเก้าเล็บ ใบหน้าคมเข้มไร้ความรู้สึก

“ถวายพระพรฝ่าบาท” นางคุกเข่าคำนับตามธรรมเนียม

“ลุกขึ้นเถิด” หลี่เฉิงเหวินเอ่ยเสียงเย็น “เรามีเรื่องจะพูดกับเจ้า”

เยี่ยเฟยหลิงลุกขึ้นยืน สังเกตเห็นว่าในห้องมีเพียงพวกเขาสองคน แม้แต่ขันทีและนางกำนัลก็ถูกสั่งให้ออกไปหมด

“ฝ่าบาทต้องการสิ่งใดจากหม่อมฉันหรือเพคะ?” นางถาม พยายามรักษาน้ำเสียงให้นิ่ง แม้ว่าหัวใจจะเต้นระรัวด้วยความกลัว

หลี่เฉิงเหวินไม่ตอบในทันที เขาหยิบกาสุรารินลงในจอกสองใบ แล้วหยิบขึ้นมาถือไว้

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าวันนี้เป็นวันอะไร?” เขาถาม

เยี่ยเฟิงหลิงนิ่งคิด “วันครบรอบการอภิเษกสมรสของเราเพคะ”

“ถูกต้อง” เขายิ้มบาง ยื่นจอกสุราให้นาง “ดื่มเพื่อสามปีที่ผ่านมาระหว่างเราสองคน”

เยี่ยเฟิงหลิงรับถ้วยสุรามาถือไว้ แต่ไม่ดื่มทันที นางรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง

“ทำไมไม่ดื่ม?” ฮ่องเต้เลิกคิ้วถาม “หรือเจ้ากลัวว่าข้าจะวางยาพิษ?”

“หม่อมฉันไม่กล้าคิดเช่นนั้นเพคะ” นางตอบ แต่มือที่ถือถ้วยสุรากลับสั่นเล็กน้อย

“ดื่มสิ” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เยี่ยเฟยหลิงมองดวงตาของชายที่นางรัก ดวงตาที่เคยมองนางด้วยความรัก แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและ...ความเกลียดชัง?

นางยกถ้วยขึ้น จรดริมฝีปาก แต่ไม่ได้ดื่ม

“ฝ่าบาท หม่อมฉันทำสิ่งใดให้พระองค์โกรธหรือเพคะ?” นางถามเสียงแผ่ว

หลี่เฉิงเหวินหัวเราะด้วยน้ำเสียงขมขื่น “เจ้ายังกล้าถามอีกหรือ?”

นางส่ายหน้า “หม่อมฉันไม่เข้าใจ...”

“ไม่ต้องแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา!” เสียงของเขาดังขึ้น ความโกรธปรากฏชัดบนใบหน้า “เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าวางแผนจะโค่นล้มข้าลงจากบัลลังก์? ”

เยี่ยเฟยหลิงตกใจ “ไม่! หม่อมฉันไม่เคยคิดทำเช่นนั้น! ฝ่าบาทเข้าใจผิดแล้ว!”

“ข้าจับตาดูเจ้ามาหลายเดือนแล้ว เจ้าพบเฉินเจ๋อหย่วนลับหลังข้า! เจ้าคิดว่าข้าโง่นักหรือ?”

“หม่อมฉันพบเขาจริงแต่ไม่ได้...”

“พอ!” เขาตวาด “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนเช่นไร เจ้าใช้ร่างกายของเจ้าช่วยให้ข้าได้บัลลังก์ และตอนนี้เจ้าก็ทำเช่นเดียวกันเพื่อโค่นล้มข้า”

น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเยี่ยเฟยหลิง “หม่อมฉันไม่เคยคิดหักหลังฝ่าบาท ที่ผ่านมาหม่อมฉันทำทุกอย่างเพื่อฝ่าบาท เพราะหม่อมฉันรักพระองค์!”

“รัก?” หลี่เฉิงเหวินหัวเราะเยาะ “เจ้ารู้จักความรักด้วยหรือ? หญิงที่ยอมนอนกับบุรุษอื่นเพื่อแลกกับอำนาจเนี่ยนะจะรู้จักคำว่ารัก?”

คำพูดนั้นเหมือนมีดแทงเข้ากลางอกเยี่ยเฟยหลิง นางสะอื้นร่ำไห้เสียงดัง “ฝ่าบาทก็รู้ว่าหม่อมฉันทำเช่นนั้นเพื่อฝ่าบาท เป็นฝ่าบาทเองที่ขอให้หม่อมฉันทำ...”

“และเจ้าก็ยินดีทำ เพราะเจ้าเห็นแก่อำนาจและตำแหน่ง”

“ไม่ใช่!” นางร้องไห้ “หม่อมฉันทำเพราะรักพระองค์!”

“พอได้แล้ว! ข้าไม่อยากฟังคำหลอกลวงของเจ้าอีก ดื่มสุรานั่นซะ!”

เยี่ยเฟยหลิงมองถ้วยสุราในมือ น้ำตาไหลพราก “ในนี่มียาพิษใช่ไหม?”

หลี่เฉิงเหวินไม่ตอบ เขาเพียงจ้องมองนางด้วยสายตาเย็นชา

“ทำไม?” นางถามเสียงสั่น “ทำไมท่านถึงทำกับข้าเช่นนี้?...ทั้งที่ข้ายอมทำตามทุกอย่างที่ท่านขอ...”

“นั่นแหละคือเหตุผล” เขาตอบเสียงเรียบ “เจ้าทำทุกอย่างที่ข้าขอ แม้กระทั่งสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด เจ้าคิดว่าข้าจะรักผู้หญิงอย่างเจ้าได้หรือ?”

คำพูดนั้นทำให้เยี่ยเฟยหลิงชะงัก นางมองชายที่นางรักอย่างหมดหัวใจด้วยแววตาเจ็บปวด “ที่ผ่านมาท่านไม่เคยรักข้าเลยใช่ไหม?"

“ใช่! ข้าหลอกใช้เจ้า เจ้าเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้ข้าได้บัลลังก์ ข้าสัญญาว่าจะทำให้เจ้าเป็นฮองเฮา และข้าก็ทำตามสัญญานั้นแล้ว เพราะฉะนั้นข้ากับเจ้าไม่มีอะไรให้ติดค้างกัน”

เยี่ยเฟยหลิงส่ายหน้าทั้งน้ำตา คล้ายกับว่านางยอมรับความจริงตรงหน้าไม่ได้ ทั้งที่นางเองก็เคยคิดเช่นนี้ ว่าเขาจะยอมรับนางได้ไหม “แต่ท่านเคยบอกว่ายอมรับได้ และไม่รังเกียจ…” นางสะอื้นไห้ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดต่อไปได้อีก

หลี่เฉิงเหวินหัวเราะเยาะ “เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ? ทุกครั้งที่ข้าเข้าใกล้เจ้า ข้ารู้สึกขยะแขยงเจ้าแค่ไหน!”

หเยี่ยเฟยหลิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย นางทรุดลงบนพื้น ถ้วยสุราในมือหล่นแตก ของเหลวสีแดงเข้มกระเซ็นไปทั่วพื้น

นางหัวเราะเสียงเศร้า “ข้าเข้าใจแล้ว...ข้าเป็นสะพานให้ท่าน และเมื่อใช้งานเสร็จก็ต้องรื้อทิ้งไป”

หลี่เฉิงเหวินหันไปทางประตู เรียกขันทีที่ยืนรออยู่ด้านนอก “นำยาถ้วยใหม่เข้ามา”

ขันทีชราเดินเข้ามาพร้อมถาดเงิน บนนั้นมีถ้วยกระเบื้องเคลือบสีขาวใบเล็ก บรรจุของเหลวใสไม่มีสีเหมือนตอนแรก

“นี่คือยาพิษที่ไม่ทรมาน เจ้าจะรู้สึกเพียงง่วงนอน แล้วก็จากไปอย่างสงบ ข้าให้เกียรติเจ้าด้วยการให้ตายอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่ถูกประหาร เจ้าควรซาบซึ้งในความเมตตาของข้า ดื่มเถิดอย่าให้ข้าต้องใช้วิธีรุนแรงกับเจ้าเลย”

เยี่ยเฟยหลิงมองถ้วยยาพิษด้วยดวงตาว่างเปล่า นางรู้ดีว่าไม่มีทางรอด หากไม่ดื่ม นางจะถูกบังคับ และอาจต้องตายอย่างทรมานกว่านี้

นางค่อยๆ ยื่นมือไปหยิบถ้วยยา มือของนางสั่นเทา แต่สายตากลับแน่วแน่

“ก่อนตาย ข้าขอถามอีกครั้ง” นางเงยหน้ามองชายที่นางรักด้วยแววตาคาดหวัง “ไม่มีสักครั้งเลยหรือที่ท่านเคยรักข้า?...”

หลี่เฉิงเหวินนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงเรียบ “ไม่เคย ทุกอย่างเป็นเพียงการเสแสร้ง”

เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า น้ำตายังคงไหลไม่หยุด นางยกถ้วยยาขึ้น “ข้าหวังว่าในชาติหน้า ข้าจะไม่โง่เขลาเช่นนี้อีก”

นางดื่มยาพิษรวดเดียวจนหมด รสชาติขมเล็กน้อย แต่ไม่น่ารังเกียจอย่างที่คิด

ทันใดนั้น ความรู้สึกแปลกประหลาดก็แล่นผ่านร่างของนาง ไม่ใช่ความง่วงนอนอย่างที่เขาบอก แต่เป็นความร้อนวูบวาบที่แผ่ซ่านจากท้องไปทั่วร่าง ดวงตาของนางเบิกกว้าง ก่อนจะดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน ภาพตรงหน้าค่อย ๆ พร่าเลือน

“ลาก่อน ฮองเฮาที่ข้ารัก”

เสียงสุดท้ายที่เยี่ยเฟยหลิงได้ยินคือน้ำเสียงสั่นเครือของหลี่เฉิงเหวิน ก่อนที่ความมืดมิดจะกลืนกินนางไปทั้งหมด ความเจ็บปวดแล่นริ้วไปทั่วร่าง ราวกับมีไฟร้อนแผดเผาจากภายใน นางรู้สึกถึงลมหายใจสุดท้ายที่ค่อยๆ จางหายไป...