ตอนที่ 5 ถูกเรียกตัว
ตอนที่ 5 ถูกเรียกตัว
วันรุ่งขึ้น ขณะที่เยี่ยเฟยหลิงกำลังทำความสะอาดระเบียงทางเดินในสวนหลังวัง ก็มีขันทีคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหานาง
"คุณหนูเยี่ย องค์รัชทายาทมีพระประสงค์จะพบท่าน"
เยี่ยเฟยหลิงแสดงหสีหน้าประหลาดใจ "ข้าน้อยยังมีงานต้องทำ..."
"รัชทายาทรับสั่งว่าท่านได้รับอนุญาตแล้ว" ขันทีกล่าวต่อ "โปรดตามข้ามาเถิด"
เยี่ยเฟยหลิงวางไม้กวาดลง และเดินตามขันทีไปอย่างเงียบๆ ในใจนางเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้ากับหลี่เกอหยางอีกครั้ง
ขันทีนำนางเดินผ่านทางเดินหินอ่อนที่ทอดยาว ผ่านสวนดอกไม้ที่เบ่งบานสะพรั่ง จนมาถึงตำหนักใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางสวน
“เชิญเข้าไปข้างใน องค์รัชทายาทรออยู่” ขันทีกล่าวก่อนจะถอยหลังออกไป
เยี่ยเฟยหลิงสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะผลักประตูเข้าไป ภายในห้องโถงกว้าง นางก้าวเข้าไปอย่างระมัดระวัง สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้อง
“ทูลรัชทายาท หม่อมฉันเยี่ยเฟยหลิงมาเข้าเฝ้าตามรับสั่งแล้วเพคะ” นางคุกเข่าลงและก้มศีรษะ
ไม่มีเสียงตอบรับ ความเงียบงันปกคลุมทั่วห้อง เยี่ยเฟยหลิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างระแวดระวัง แต่ยังคงไม่เห็นใคร
“รัชทายาท?” นางเรียกอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
ทันใดนั้น ประตูด้านหลังนางก็ปิดลงอย่างแรง เสียงดังสนั่นทำให้นางสะดุ้งโหยง ก่อนที่นางจะทันได้หันไปมอง ร่างสูงใหญ่ก็พุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว มือแข็งแรงคว้าคอเสื้อนางและผลักร่างบอบบางเข้ากับเสาตำหนักอย่างแรง
“อึก!” เยี่ยเฟยหลิงร้องด้วยความเจ็บปวด หลังของนางกระแทกเข้ากับเสาไม้เย็นเฉียบ
ใบหน้าของหลี่เกอหยางปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตาคมกริบฉายแววอาฆาต ริมฝีปากบางเม้มแน่นด้วยความโกรธ มือข้างหนึ่งของเขาเลื่อนขึ้นมาบีบลำคอนาง
“เจ้ายังกล้าใช้แผนสกปรกเข้าหาชายคนรักของเจ้าแบบเดิมอีกหรือ? ” เสียงทุ้มต่ำของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
เยี่ยเฟยหลิงหายใจอย่างยากลำบาก นางพยายามดิ้นรนหลุดจากการเกาะกุมของเขา แต่ไร้ผล
“หม่อมฉัน...ไม่ได้ทำ...” นางพยายามพูดให้เป็นประโยค เพราะแรงบีบที่คอทำให้เสียงของนางขาดหาย
หลี่เกอหยางหัวเราะเยาะ ดวงตาวาววับด้วยความโกรธ “ไม่ได้ทำงั้นรึ? เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้าวางแผนอะไร? ข้ารู้ทุกอย่าง เยี่ยเฟยหลิง ทุกอย่าง!”
เขาผลักนางเข้ากับเสาอีกครั้ง ทำให้นางร้องครางด้วยความเจ็บปวด
“ข้าควรฆ่าเจ้าเสียตอนนี้” หลี่เกอหยางกระซิบ มือบีบคอนางแน่นขึ้น “แต่นั่นคงง่ายเกินไปสำหรับเจ้า”
เขาคลายมือออกเล็กน้อย ทำให้นางสูดอากาศเข้าปอดได้
“ข้าจะรอ...” เขาพูดต่อ รอยยิ้มเย็นชาปรากฏบนใบหน้าคมคาย “รอให้มันทำตามแผน แล้วฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ พร้อมกันกับมัน!”
เยี่ยเฟยหลิงรู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านนอก ตามด้วยเสียงเคาะประตู
“องค์รัชทายาท ฝ่าบาทรับสั่งให้ท่านไปเข้าเฝ้าโดยด่วนพะย่ะค่ะ” เสียงของขันทีดังมาจากด้านนอก
หลี่เกอหยางชะงัก เขาจ้องมองเยี่ยเฟยหลิงอีกครั้งก่อนจะปล่อยมือออกจากลำคอของนาง
“วันนี้เจ้าโชคดี” เขากระซิบ “แต่อย่าคิดว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ ข้าจะจับตาดูเจ้า และถ้าเจ้ากล้าทำอะไรที่เกินกว่าฐานะของตน ข้าจะไม่ปรานีเจ้าอีก”
กล่าวจบเขาก็ผลักนางออกห่างอย่างแรง ทำให้เยี่ยเฟยหลิงล้มลงบนพื้น ก่อนที่เขาจะสาวเท้าเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยเฟยหลิงนั่งอยู่บนพื้นเย็น มือลูบลำคอที่ยังคงเจ็บปวด ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ลำคอยังคงมีรอยแดงจากการถูกบีบ นางต้องหาวิธีปกปิดรอยเหล่านี้ก่อนที่ใครจะสังเกตเห็น
เมื่อเดินมาถึงเรือนนางกำนัล หลิวอี้ที่ยืนอยู่ในกลุ่มพวกนางกำนัลก็รีบวิ่งมาหานางทันที
“เฟยหลิง! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าถูกเรียกตัวไปพบรัชทายาท จริงหรือไม่?”
เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้าเบาๆ “ใช่”
“เกิดอะไรขึ้นหรือ?” หลิวอี้ซักถามอย่างกระตือรือร้น “ไม่มีใครเคยได้รับเกียรติให้เข้าพบรัชทายาทเป็นการส่วนตัวมาก่อน โดยเฉพาะนางกำนัลธรรมดาอย่างพวกเรา”
เยี่ยเฟยหลิงหลบสายตาเพื่อน “ไม่มีอะไรมาก เขาเพียงแค่...เรียกข้าไปตักเตือน”
“ตักเตือน? หมายความว่าอย่างไร?” หลิวอี้ขมวดคิ้ว
“เขาคิดว่าข้าพยายามล่อลวงองค์ชายสิบสาม” นางเอ่ยเสียงเบา
หลิวอี้อ้าปากค้าง “นั่นไม่ยุติธรรมเลย! เจ้าไม่ได้ทำเช่นนั้น เป็นองค์ชายสิบสามต่างหากที่เข้าหาเจ้า”
“แต่เขาไม่เชื่อ” เยี่ยเฟยหลิงถอนหายใจ
หลิวอี้สังเกตเห็นผ้าพันคอของเพื่อน “ทำไมเจ้าต้องพันผ้าด้วย? อากาศไม่ได้หนาวเลย”
เยี่ยเฟยหลิงแข็งตัวไปชั่วขณะ “ข้า...ข้าแค่รู้สึกไม่สบาย เจ็บคอนิดหน่อย”
หลิวอี้จ้องมองเพื่อนอย่างสงสัย ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน กลุ่มนางกำนัลอีกสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักก็จับจ้องมาที่พวกนางด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“ดูสิ นางได้รับเกียรติให้เข้าพบรัชทายาทเป็นการส่วนตัว” หวังเหมยพูดเสียงเย็น “ทั้งที่เพิ่งเข้ามาในวังได้ไม่กี่เดือน”
“นางจะล่อลวงทั้งองค์ชายสิบสามและรัชทายาทเลยหรือ?”
“น่าขยะแขยง” เฉินหรูเย่ว์พูดพลางส่ายหน้า “ข้าว่านางต้องวางแผนมาแน่ๆ ไม่มีทางที่นางกำนัลธรรมดาจะได้รับความสนใจจากเชื้อพระวงศ์ถึงสองพระองค์”
หวังเหมยพยักหน้าเห็นด้วย “พวกเจ้าเห็นผ้าพันคอของนางไหม? ข้าเดาว่านางคงไปทำอะไรที่น่าละอายกับใครสักคนมาแน่ๆ”
ทั้งสามหัวเราะคิกคัก ก่อนที่หลินเจียวจะเอ่ยขึ้น “พวกเราควรสอนบทเรียนให้นางรู้ว่าตัวเองมีฐานะแค่ไหน”
“ข้าเห็นด้วย” เฉินหรูเย่ว์พยักหน้าเห็นด้วย
หวังเหมยยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินตรงไปหาเยี่ยเฟยหลิงและหลิวอี้ที่กำลังพูดคุยกันอยู่
"เยี่ยเฟยหลิง" หวังเหมยเรียกด้วยน้ำเสียงหวานเกินจริง "ข้าได้ยินว่าเจ้าได้รับเกียรติให้เข้าพบรัชทายาทเป็นการส่วนตัว น่าอิจฉาจริงๆ"
เยี่ยเฟยหลิงหันไปมองด้วยความระแวง "ข้าเพียงถูกเรียกตัวไปตำหนิเท่านั้น ไม่มีอะไรน่าอิจฉา"
"แต่อย่างน้อยเจ้าก็ได้พบพระองค์เป็นการส่วนตัวอย่างใกล้ชิด" หลินเจียวเดินตามมาพูดขึ้น "พวกเราอยู่ในวังมานานกว่าเจ้า แต่ไม่เคยมีโอกาสเช่นนั้น"
เฉินหรูเย่ว์เดินวนรอบเยี่ยเฟยหลิง สายตาจับจ้องที่ผ้าพันคอ “ข้าสงสัยจริงๆ ว่าใต้ผ้าพันคอของเจ้ามีอะไรซ่อนอยู่ ทำไมถึงต้องปิดบังไว้ด้วย?”
เยี่ยเฟยหลิงถอยหลังหนึ่งก้าว มือกุมผ้าพันคอไว้แน่น “นั่นไม่ใช่เรื่องของพวกเจ้า”
หวังเหมยยิ้มเยาะ “หากหัวหน้านางกำนัลรู้ว่าเจ้าแอบไปมีสัมพันธ์ลับๆ กับใครบางคนจะเป็นเช่นไรนะ”
หลิวอี้ก้าวออกมายืนข้างหน้าเยี่ยเฟยหลิง “พอได้แล้ว! พวกเจ้าไม่มีงานต้องทำหรืออย่างไร?”
ทันใดนั้น เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงตะโกนของหัวหน้านางกำนัล
“ทุกคน! มารวมตัวกันเดี๋ยวนี้! ข้ามีงานจะมอบหมาย!”
นางกำนัลทั้งหมดรีบวิ่งไปรวมตัวกันที่ลานกว้างกลางเรือน หัวหน้านางกำนัลยืนอยู่ตรงกลาง ใบหน้าเคร่งขรึม มือถือม้วนกระดาษ
“เย็นนี้มีงานเลี้ยงของฮองเฮา ข้าจะแบ่งงานให้แต่ละคน หวังเหมย หลินเจียว และเฉินหรูเย่ว์ พวกเจ้ารับผิดชอบการจัดดอกไม้และตกแต่งโต๊ะในห้องโถงใหญ่ที่ตำหนักคุณหนิง”
ทั้งสามยิ้มอย่างพอใจ งานนี้ถือว่าสบายและมีโอกาสได้พบฮองเฮา
“ส่วนหลิวอี้ เจ้าไปช่วยงานในครัว” ทำให้หลิวอี้ทำหน้าเศร้า งานครัวเป็นงานหนักและร้อน
“เยี่ยเฟยหลิง” หัวหน้านางกำนัลหยุดชั่วครู่ มองสำรวจนางตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าไปทำความสะอาดศาลาริมสระบัว”
เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้ารับคำสั่ง งานนี้ไม่หนักนัก แต่ศาลาริมสระบัวอยู่ค่อนข้างไกลและเงียบสงบ นางจะต้องทำงานคนเดียว
“ทุกคนรับทราบงานของตนแล้วใช่หรือไม่?” หัวหน้านางกำนัลถาม
“รับทราบเจ้าค่ะ!” นางกำนัลทั้งหมดตอบพร้อมกัน
“ดี ตอนนี้ไปรับอุปกรณ์ทำความสะอาดและเริ่มงานได้ งานเลี้ยงจะเริ่มในอีกสี่ชั่วยาม ทุกอย่างต้องพร้อม!”
นางกำนัลทั้งหมดแยกย้ายกันไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย เยี่ยเฟยหลิงเดินไปรับไม้กวาด ผ้าเช็ดทำความสะอาด ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังศาลาริมสระบัว
นิยายเรื่อง หวนกลับมาครานี้ ข้าจะร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม มีE-Book แล้วนะคะ กดซื้อซื้อได้ที่ลิงก์ด้านนี้ได้เลย https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiOTA0NzU3NSI7czo3OiJib29rX2lkIjtpOjM4NDY2MDt9
