ตอนที่ 13 ขอเป็นศิษย์
ตอนที่ 13 ขอเป็นศิษย์
วันต่อมา เยี่ยเฟยหลิงตื่นแต่เช้า นางแต่งตัวอย่างเรียบง่ายในชุดสีชมพูอ่อน ผมรวบเป็นมวยเรียบๆ ไม่มีเครื่องประดับใดๆ
“คุณหนูจะไปไหนแต่เช้าเจ้าคะ?” ชิงชิงถามขณะช่วยนางแต่งตัว
“ข้าอยากออกไปสำรวจเมืองหยางโจว”
หลังจากกินอาหารเช้ากับฮุ่ยฮูหยิน เยี่ยเฟยหลิงก็ขออนุญาตออกไปเที่ยวชมเมือง
“ระวังตัวด้วยนะ” ฮุ่ยฮูหยินกำชับ “หยางโจวเป็นเมืองใหญ่ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี”
“ข้าจะระวังตัวเจ้าค่ะ” เยี่ยเฟยหลิงรับคำ
เยี่ยเฟยหลิงและชิงชิงเดินออกจากจวนพร้อมกับผู้คุ้มกันหนึ่งคนที่ฮุ่ยฮูหยินจัดให้ พวกนางเดินไปตามถนนใหญ่ของเมืองหยางโจว ชมร้านค้าและตลาดที่คึกคัก
“คุณหนู ดูนั่นสิเจ้าคะ!” ชิงชิงชี้ไปที่ร้านขายเครื่องประดับริมถนน
เยี่ยเฟยหลิงยิ้มบางๆ “เจ้าอยากได้หรือ?”
“ข้า... ข้าแค่คิดว่ามันสวยเท่านั้นเจ้าค่ะ” ชิงชิงตอบอย่างเขินอาย
“งั้นเราไปดูกันเถอะ” เยี่ยเฟยหลิงพาชิงชิงเดินไปที่แผงขายเครื่อประดับ
เครื่องประดับวางเรียงรายอย่างสวยงาม มีทั้งปิ่นปักผม กำไล และต่างหู ส่วนใหญ่ทำจากหินสีและเงิน ไม่ได้หรูหราเหมือนเครื่องประดับแบบในเมืองหลวง แต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของมันเอง
ชิงชิงมองดูเครื่องประดับด้วยความตื่นเต้น นางไม่เคยมีเครื่องประดับเป็นของตัวเองมาก่อน เพราะเป็นเพียงสาวใช้ธรรมดา
เยี่ยเฟยหลิงสังเกตเห็นว่าชิงชิงมองกำไลหยกสีเขียวอ่อนเส้นหนึ่งอย่างสนใจ และปิ่นปักผมรูปดอกไม้เล็กๆ ที่ประดับด้วยหินสีฟ้า
“ข้าจะเอากำไลเส้นนั้นกับปิ่นปักผมอันนี้” เยี่ยเฟยหลิงชี้ไปที่เครื่องประดับที่ชิงชิงสนใจ
“คุณหนู...” ชิงชิงตกใจ
“ราคาเท่าไหร่?” เยี่ยเฟยหลิงถามคนขาย
“สองชิ้นนี้รวมกันสองตำลึงเจ้าค่ะ” คนขายของตอบ
เยี่ยเฟยหลิงหยิบเงินจากถุงผ้าที่พกติดตัวมาจ่ายให้ แล้วรับเครื่องประดับมา
“นี่ ของขวัญสำหรับเจ้า” นางยื่นกำไลและปิ่นให้ชิงชิง
ชิงชิงตกใจจนพูดไม่ออก น้ำตาเอ่อคลอ “คุณหนู... ข้า...ข้าไม่กล้ารับไว้เจ้าค่ะ”
“รับไว้เถอะ เจ้าดูแลข้ามาตลอด นี่เป็นเพียงสิ่งเล็กน้อยเท่านั้น” เยี่ยเฟยหลิงยิ้มให้
ชิงชิงสวมกำไลและให้เยี่ยเฟยหลิงช่วยปักปิ่นบนมวยผม น้ำตาแห่งความดีใจไหลออกมาจนได้ เพราะนางไม่เคยได้รับของขวัญจากใครมาก่อน
“สวยมาก เหมาะกับเจ้า” เยี่ยเฟยหลิงชม
“ขอบคุณคุณหนูมากเจ้าค่ะ ข้าจะทะนุถนอมใช้มัน” ชิงชิงเช็ดน้ำตา พลางยิ้มอย่างมีความสุข
หลังจากเดินชมตลาดและซื้อขนมอีกสักพัก เยี่ยเฟยหลิงก็รู้สึกอยากออกไปดูนอกเมืองบ้าง
“ห่านตงพาพวกเราออกไปนอกเมืองหน่อยได้ไหม? ข้าอยากเห็นทิวทัศน์รอบๆ หยางโจว”
ห่านตงลังเล “คุณหนู นั่นอาจจะไม่ปลอดภัย...”
“ไม่ต้องไปไกลมาก แค่พอให้เห็นทุ่งนาและภูเขาก็พอ”
ในที่สุดห่านตงก็ยอมพาพวกนางออกไปนอกเมืองไม่ไกลนัก ที่นั่นมีทุ่งนาเขียวขจีและภูเขาลูกเล็กๆ อยู่ไม่ไกล อากาศสดชื่นกว่าในเมืองมาก
เยี่ยเฟยหลิงสูดลมหายใจลึกๆ รู้สึกถึงความแตกต่างของอากาศที่บริสุทธิ์กว่า ไม่มีกลิ่นคาวปลาและกลิ่นอาหารจากตลาดปะปนอยู่ แต่เป็นกลิ่นหอมของหญ้าและดอกไม้ป่าที่โชยมาตามสายลม
“คุณหนู ดูสิเจ้าคะ มีหมู่บ้านอยู่ตรงนั้น” ชิงชิงชี้ไปยังกลุ่มบ้านเรือนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากทุ่งนา
เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า “ไปดูกันเถอะ”
ห่านตงทำหน้าลำบากใจ “คุณหนู ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นความคิดที่ดีหรือไม่...”
เยี่ยเฟยหลิงหันไปเอ่ยกับเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เราแค่เดินดูรอบๆ หมู่บ้านเท่านั้น”
พวกเขาเดินไปตามทางเล็กๆ ที่ทอดยาวผ่านทุ่งนา ชาวบ้านกำลังทำงานในไร่นา บางคนก้มหน้าก้มตาดำนา เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ริมทาง เมื่อเห็นคนแปลกหน้าแต่งตัวดีเดินมา พวกเขาก็หยุดมองด้วยความสงสัย
เยี่ยเฟยหลิงยิ้มให้พวกเด็กๆ และหยิบขนมที่ซื้อมาจากตลาดออกมาแจก เด็กๆ ดีใจมาก พวกเขารับขนมไปอย่างเขินอาย แล้ววิ่งกลับไปหาพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ในทุ่งนา
ขณะที่พวกนางเดินเข้าใกล้หมู่บ้านมากขึ้น เสียงโหวกเหวกดังขึ้นจากบ้านหลังหนึ่ง
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” เสียงผู้หญิงร้องไห้โหยหวน
เยี่ยเฟยหลิงและชิงชิงมองหน้ากัน ก่อนที่จะรีบวิ่งไปตามเสียงร้อง ห่านตงก็รีบวิ่งตามไปติดๆ
พวกนางพบชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังยืนล้อมรอบชายหนุ่มคนหนึ่งที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ข้างๆ มีผู้หญิงวัยกลางคนกำลังร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้น?” เยี่ยเฟยหลิงถามชาวบ้านที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
“ลูกชายของนางถูกงูกัด” ชายชราคนหนึ่งตอบ “เขาไปหาฟืนในป่าแล้วถูกงูกัดที่ขา ตอนนี้พิษคงกำลังแล่นไปทั่วร่างแล้ว”
เยี่ยเฟยหลิงมองดูชายหนุ่มที่นอนดิ้นอยู่บนพื้น เขามีอาการหนาวสั่น เหงื่อออกมาก และที่ขาข้างขวามีรอยแผลสองรูเล็กๆ ซึ่งบวมแดงและมีสีม่วงคล้ำกระจายออกไปรอบๆ
“มีหมอในหมู่บ้านหรือไม่?” เยี่ยเฟยหลิงถาม
“มีหมอหญิงอยู่ที่เชิงเขา แต่นางไม่อยู่ตอนนี้” ชาวบ้านอีกคนตอบ
ทันใดนั้น ก็มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินฝ่าฝูงชนเข้ามา นางสวมชุดสีน้ำเงินเรียบง่าย ผมสีดำแซมเส้นสีเงินรวบเป็นมวยอย่างเรียบร้อย ในมือถือตะกร้าใส่สมุนไพร
“หลีกทางให้ข้า” นางพูดเสียงเข้ม ชาวบ้านรีบหลีกทางให้
หญิงผู้นั้นคุกเข่าลงข้างชายหนุ่ม ตรวจดูแผลที่ขาอย่างรวดเร็ว “งูเขียวหางแดง” นางพึมพำ แล้วหยิบห่อผ้าเล็กๆ ออกมาจากตะกร้า
นางเปิดห่อผ้าออก เผยให้เห็นผงสีเขียวอมเหลือง นางหยิบผงนั้นมาโรยบนแผล แล้วใช้ผ้าพันไว้ จากนั้นก็หยิบขวดเล็กๆ ออกมา เปิดฝาและป้อนน้ำยาสีดำให้ชายหนุ่มดื่ม
“กลืนลงไป” นางสั่ง ขณะที่ประคองศีรษะของชายหนุ่มไว้
ชายหนุ่มดื่มน้ำยานั้นลงไปอย่างยากลำบาก แล้วเริ่มไอแรงๆ แต่หลังจากนั้นไม่นาน อาการดิ้นทุรนทุรายของเขาก็เริ่มสงบลง
“ลูกข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง หมอฟางจิน?” มารดาของชายหนุ่มถามด้วยความกังวล
“ไม่เป็นไร พิษยังไม่แพร่กระจายมาก ยาที่ให้กินจะช่วยสลายพิษที่เหลือ แต่เขาต้องพักผ่อนอย่างน้อยสักสองสามวัน”
เยี่ยเฟยหลิงมองดูการรักษาด้วยความสนใจอย่างยิ่ง นางไม่เคยเห็นการรักษาพิษงูมาก่อน ในชาติก่อน นางเคยเรียนรู้เรื่องยาพิษบ้าง แต่ไม่เคยเรียนเรื่องการถอนพิษ
เมื่อฟางจินรักษาชายหนุ่มผู้นั้นเสร็จก็เก็บของใส่ตะกร้า และเตรียมจะจากไป
เยี่ยเฟยหลิงรีบเดินเข้าไปหา “ท่านหมอ”
ฟางจินหันมามอง นางมองสำรวจเยี่ยเฟยหลิงตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “เจ้าเป็นใคร? ไม่ใช่คนในหมู่บ้านนี้”
“ข้าชื่อเยี่ยเฟยหลิง มาจากในเมือง” เยี่ยเฟยหลิงตอบอย่างสุภาพ “ข้าประทับใจในวิธีการรักษาของท่านมาก ท่านใช้อะไรรักษาพิษงู?”
ฟางจินยิ้มบางๆ “เป็นตำรับยาที่สืบทอดมาในตระกูลของข้า ผงที่โรยบนแผลทำจากรากหญ้าหางม้าผสมกับรากโสมป่าและสมุนไพรอีกหลายชนิด ส่วนยาที่ให้เขากินทำมาจากพิษงูเจ็ดชนิด”
“วิธีพิษแก้พิษ น่าสนใจมาก” เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า “ข้าสนใจเรื่องยาสมุนไพรและการรักษาโรคมานานแล้ว ท่านรับศิษย์หรือไม่?”
ฟางจินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “เจ้าต้องการเป็นศิษย์ข้า? ดูจากลักษณะท่าทางของเจ้า เจ้าน่าจะเป็นคุณหนูจากตระกูลมั่งมี ทำไมถึงสนใจเรื่องยาสมุนไพรและการรักษาโรค?”
“ข้าเป็นเพียงบุตรสาวขุนนางธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวยอย่างที่ท่านคิด” เยี่ยเฟยหลิงตอบอย่างจริงใจ “ข้าอยากเรียนรู้วิชาแพทย์ที่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น เหมือนที่ท่านทำ”
ฟางจินมองลึกเข้าไปในดวงตาของเยี่ยเฟยหลิง ราวกับกำลังพยายามอ่านความคิดของนาง แล้วส่ายหน้า “ข้าไม่รับศิษย์ พวกคุณหนู พวกเจ้ามักจะเบื่อเร็วและไม่มีความอดทนพอ”
“ข้าไม่เป็นเช่นนั้น ข้าพร้อมจะเรียนรู้อย่างจริงจัง”
ฟางจินมองนางอีกครั้ง คราวนี้นางมองลึกลงไปในดวงตาของเยี่ยเฟยหลิงนานกว่าเดิม แล้วสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
“ไม่ได้” นางปฏิเสธเสียงเข้ม “ข้าเห็นบางอย่างในดวงตาของเจ้า... ความแค้น ความเกลียดชัง เจ้ามีความอาฆาตแค้นซ่อนอยู่ในใจ ข้าไม่สอนวิชาของข้าให้คนที่อาจนำไปใช้ทำร้ายผู้อื่น”
เยี่ยเฟยหลิงตกใจ นางไม่คิดว่าหญิงวัยกลางคนผู้นี้จะมองออก “ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้...”
“ไม่ต้องโกหก ข้าเจอผู้คนและรักษาคนมานานพอที่จะอ่านคนออก ในดวงตาของเจ้ามีความมุ่งมั่นเกินเหตุ ข้าไม่รู้ว่าใครทำอะไรกับเจ้า แต่วิชาของข้ามีไว้เพื่อช่วยชีวิตคน ไม่ใช่เพื่อทำลาย”
พูดจบ ฟางจินก็หันหลังเดินจากไป ทิ้งให้เยี่ยเฟยหลิงยืนอึ้งอยู่กับที่
ชิงชิงเดินเข้ามาหา “คุณหนู...”
“ไม่เป็นไร” เยี่ยเฟยหลิงตอบเสียงเรียบ แต่ในใจกลับคิดว่า ‘นางเป็นใครกัน? ทำไมถึงมองออกได้ง่ายดายเช่นนี้?’
“เราควรกลับเข้าเมืองแล้วขอรับ” ห่านตงเอ่ยขึ้น
“ยัง ข้าอยากรู้ว่าหมอหญิงคนนั้นอาศัยอยู่ที่ไหน”
“คุณหนู ท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ?” ชิงชิงถามอย่างกังวล
“ข้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก ข้าต้องการเรียนรู้วิชาของนาง”
เยี่ยเฟยหลิงเดินเข้าไปถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้ๆ “ท่านรู้หรือไม่ว่าหมอฟางจินอาศัยอยู่ที่ไหน?”
“นางอยู่ในกระท่อมเล็กๆ ที่เชิงเขาทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน” ชาวบ้านตอบ “แต่นางไม่ค่อยชอบให้คนไปรบกวนถ้าไม่ได้ป่วย”
“ขอบคุณมาก” เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า แล้วหันไปบอกชิงชิงกับผู้คุมกัน “พวกเรากลับกันเถอะ”
