บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 11 ฉาวโฉ่

ตอนที่ 11 ฉาวโฉ่

ณ ตำหนักขององค์ชายสิบสาม หลี่เฉิงเหวินกำลังดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียง เหงื่อท่วมใบหน้าหล่อเหลาของเขา ในความฝัน เขาเห็นภาพของหญิงสาวที่กำลังนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ของเหลวสีแดงเข้มกระเซ็นไปทั่วพื้น

หลี่เฉิงเหวินสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียง หายใจหอบ เหงื่อไหลโซมกาย

"ฝันร้ายอีกแล้ว..." เขาพึมพำกับตัวเอง พลางเอามือลูบใบหน้า

ตั้งแต่เขาได้พบกับเยี่ยเฟยหลิง เขาก็เริ่มฝันเห็นภาพประหลาดเหล่านี้ ภาพของเขาและนางในสถานการณ์ที่เขาไม่เคยประสบมาก่อน ภาพของเขาที่กอดจูบนาง และภาพของนางที่กำลังตายด้วยยาพิษที่เขามอบให้

ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างรุนแรงโดยไม่ได้ขออนุญาต องครักษ์คนสนิทของเขาวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

"องค์ชาย! บ่อนถูกไฟไหม้!" องครักษ์รายงานด้วยเสียงสั่น

"อะไรนะ!?" หลี่เฉิงเหวินลุกพรวดขึ้นจากเตียง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ "เจ้าว่าอะไรนะ!?"

"บ่อนถูกไฟไหม้ไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เหลือแต่ซากปรักหักพัง"

หลี่เฉิงเหวินกระชากคอเสื้อขององครักษ์ด้วยความโกรธ "พวกเจ้าเฝ้ากันอย่างไร!? ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น!?"

"พวกเราไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ" องครักษ์ตอบเสียงสั่น "มีคนเห็นชายแปลกหน้าสองคนออกมาจากบ่อนก่อนที่ไฟจะลุก"

หลี่เฉิงเหวินผลักองครักษ์ออกไปอย่างแรง ทำให้อีกฝ่ายล้มลงบนพื้น "ไร้ประโยชน์! ออกไป!"

องครักษ์รีบลุกขึ้นและคุกเข่าขอโทษ ก่อนจะรีบออกไปจากห้อง

หลี่เฉิงเหวินเดินไปมาในห้องด้วยความโกรธ บ่อนนั้นเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเขา และยังเป็นที่รวมตัวของพวกขุนนางที่สนับสนุนเขา การสูญเสียบ่อนนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง แต่ยังเป็นการสูญเสียอำนาจและอิทธิพลของเขาด้วย

"ใครกัน..." เขาพึมพำด้วยความโกรธ "ใครกล้ามาท้าทายข้า"

เขาหยุดเดินและมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้ายามราตรียังคงมืดมิด แต่ในใจของเขากลับมีไฟแห่งความโกรธลุกโชน

"ข้าจะต้องหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ให้ได้" เขาพึมพำกับตัวเอง

เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวเรื่องไฟไหม้บ่อนพนันแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ผู้คนต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าว บ้างก็ว่าเป็นอุบัติเหตุ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของบ่อนคู่แข่ง

ณ จวนตระกูลเยี่ย เยี่ยเฟยหลิงนั่งอยู่หน้ากระจก ให้ชิงชิงช่วยแต่งหน้าทำผมอย่างสบายใจ นางมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก ดวงตาของนางเย็นชาและมีประกายแห่งความพึงพอใจ

“คุณหนู” ชิงชิงเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่กำลังหวีผมให้นาย “ตอนนี้ข่าวเรื่องบ่อนถูกไฟไหม้กำลังเป็นที่ฮือฮาไปทั่วเมืองเลยเจ้าค่ะ”

เยี่ยเฟยหลิงยิ้มบางๆ “อย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ” ชิงชิงพยักหน้า “แต่นั่นไม่ใช่เรื่องเดียวที่ผู้คนกำลังพูดถึง...”

รอยยิ้มของเยี่ยเฟยหลิงหายไป นางหันไปมองสาวใช้ “มีอะไรอีกหรือ?”

ชิงชิงลังเลที่จะพูดต่อ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา “มีข่าวลือเกี่ยวกับคุณหนูแพร่สะพัดไปทั่วเมืองเจ้าค่ะ”

“ข่าวลืออะไร?” เยี่ยเฟยหลิงถามเสียงเย็น

“ผู้คนกำลังนินทาว่าที่คุณหนูถูกไล่ออกจากวังเพราะ...” ชิงชิงหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนจะกระซิบต่อ “...เพราะคุณหนูลอบได้เสียกับขันทีในวัง”

เยี่ยเฟยหลิงกำหมัดแน่น ดวงตาของนางวาวโรจน์ด้วยความโกรธ นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังสวนดอกไม้ของจวน “คงเป็นฝีมือของฮองเฮา นางคงไม่พอใจที่ข้าถูกไล่ออกจากวังเพียงอย่างเดียว”

“คุณหนูจะทำอย่างไรต่อไปเจ้าคะ?” ชิงชิงถามด้วยความกังวล

เยี่ยเฟยหลิงหันกลับมา ใบหน้าของนางเรียบเฉย แต่ในดวงตากลับมีไฟแห่งความแค้นลุกโชน “ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้”

ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยเสียงของสาวใช้อีกคน “คุณหนู ฮูหยินให้บ่าวมาเชิญคุณหนูไปพบที่ห้องโถงใหญ่เจ้าค่ะ”

เยี่ยเฟยหลิงถอนหายใจเบาๆ “บอกท่านแม่ว่าข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

นางหันมาที่ชิงชิง “เจ้าช่วยจัดการเรื่องที่เราคุยกันไว้ด้วย”

ชิงชิงพยักหน้ารับ “บ่าวจะจัดการให้เรียบร้อยเจ้าค่ะ”

เยี่ยเฟยหลิงเดินไปยังห้องโถงใหญ่ของจวน เมื่อนางมาถึง นางพบว่ามารดาของนางกำลังนั่งอยู่ที่นั่น พร้อมกับสตรีวัยกลางคนอีกสองคนที่นางไม่คุ้นหน้า

“เฟยหลิง มานี่ลูก” เยี่ยเฟยเยว่เรียกลูกสาว สีหน้าของนางดูกังวลและเครียดมาก

เยี่ยเฟยหลิงเดินเข้าไปคำนับมารดาและแขกทั้งสอง “ท่านแม่ เรียกหาลูกมีอะไรหรือเจ้าคะ?”

เยี่ยเฟยเยว่พยักหน้าให้ลูกสาวก่อนจะแนะนำหญิงทั้งสองให้นางรู้จัก “นี่คือฮูหยินสกุลจาง และฮูหยินสกุลหลิว”

เยี่ยเฟยหลิงคำนับฮูหยินทั้งสอง “ขอคารวะฮูหยินทั้งสอง”

ฮูหยินสกุลจางมองเยี่ยเฟยหลิงด้วยสายตาประเมิน “นี่คือบุตรสาวของท่านที่เพิ่งกลับมาจากวังใช่หรือไม่?”

“ใช่” เยี่ยเฟยเยว่ตอบ น้ำเสียงของนางฟังดูไม่สบายใจ

“ข้าได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับนาง” ฮูหยินสกุลหลิวเอ่ยขึ้น สายตาของนางจับจ้องที่เยี่ยเฟยหลิงราวกับกำลังมองสิ่งสกปรก “เป็นข่าวลือที่ไม่น่าฟังเอาเสียเลย”

เยี่ยเฟยเยว่ถอนหายใจ “ข่าวลือเหล่านั้นไม่เป็นความจริง ลูกสาวข้าถูกใส่ร้าย”

“แต่ทำไมนางถึงถูกไล่ออกจากวังล่ะ?” ฮูหยินสกุลจางถาม “ข้าได้ยินมาว่านางลอบได้เสียกับขันทีในวัง”

เยี่ยเฟยหลิงกำหมัดแน่น แต่ยังคงรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย “ข้าถูกใส่ร้ายเจ้าค่ะ”

“แล้วเรื่องที่เจ้ามีความสัมพันธ์กับองค์ชายสิบสามล่ะ?” ฮูหยินสกุลหลิวถามต่อ “ข้าได้ยินว่าเจ้าและองค์ชายสิบสามมีความสัมพันธ์ลับๆ เหมือนกัน”

“นั่นเป็นเรื่องเท็จเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่พบกับองค์ชายสิบสามโดยบังเอิญเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ ทั้งสิ้น”

ฮูหยินทั้งสองมองหน้ากันด้วยสายตาไม่เชื่อ

“เยี่ยฮูหยิน” ฮูหยินสกุลจางหันไปพูดกับมารดาของเยี่ยเฟยหลิง “ข้าเสียใจที่ต้องบอกท่านว่า ข้าคงไม่สามารถให้บุตรชายของข้าแต่งงานกับบุตรสาวของท่านได้ ชื่อเสียงของนางเสียหายเกินกว่าที่จะเป็นสะใภ้ของตระกูลข้า”

เยี่ยเฟยเยว่หน้าซีด นางพยายามพูด “แต่ข่าวลือเหล่านั้นไม่เป็นความจริงนะเจ้าคะ”

“ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง ข่าวลือก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองแล้ว” ฮูหยินสกุลจางตัดบท “ข้าเสียใจ แต่ข้าต้องปกป้องชื่อเสียงของตระกูลข้า”

ทั้งสองลุกขึ้นและคำนับลา ก่อนจะเดินออกไปจากห้องโถง ทิ้งให้เยี่ยเฟยเยว่และเยี่ยเฟยหลิงอยู่ตามลำพัง

เมื่อแขกทั้งสองจากไป เยี่ยเฟยเยว่ก็ร้องไห้ออกมา “เฟยหลิง! ชื่อเสียงของเจ้าเสียหายหมดแล้ว! ไม่มีตระกูลดีๆ ที่ไหนจะยอมรับเจ้าเป็นสะใภ้อีกแล้ว!”

เยี่ยเฟยหลิงเดินเข้าไปปลอบมารดา “ท่านแม่ อย่าร้องไห้ไปเลย ลูกไม่ได้ทำผิดอะไร”

เยี่ยเฟยเยว่สะอื้น “แต่ตอนนี้ทั้งเมืองกำลังนินทาว่าเจ้าเป็นหญิงไม่ดี!”

เยี่ยเฟยหลิงกัดริมฝีปาก ดวงตาของนางวาวโรจน์ด้วยความโกรธ “ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลยข้าเพิ่งจะอายุ 15 ปีเอง ข้าสัญญาว่าจะหาลูกเขยที่มีฐานะมาให้ท่าน”

เยี่ยเฟยเยว่มองลูกสาวด้วยความกังวล แต่ก็พยักหน้า “พ่อของเจ้าคงจะโกรธมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้”

“ท่านพ่ออยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ?”

“เขาถูกเรียกตัวไปที่วัง” เยี่ยเฟยเยว่ตอบ สีหน้าของนางยิ่งกังวลขึ้น “ข้าไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่”

เยี่ยเฟยหลิงนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านพ่อต้องเข้าใจว่าข้าถูกกลั่นแกล้ง”

หนึ่งชั่วยามต่อมา เยี่ยเฟิงหลงกลับมาถึงจวนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ใบหน้าที่เคยสง่างามบัดนี้เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความกังวลและความเหนื่อยล้า

เยี่ยเฟยเยว่รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกไปต้อนรับสามีด้วยสีหน้ากังวลไม่แพ้กัน “ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

เยี่ยเฟิงหลงไม่ตอบคำถามของภรรยาในทันที เขาเพียงถอนหายใจยาวและเดินเข้าไปในห้องโถง “เฟยหลิงอยู่ที่ไหน?”

“อยู่ที่เรือนของนางเจ้าค่ะ”

“เรียกนางมาพบข้า”

ไม่นานนัก เยี่ยเฟยหลิงก็ปรากฏตัวที่ประตูห้องโถง

“ท่านพ่อ” นางคำนับอย่างนอบน้อม

เยี่ยเฟิงหลงพยักหน้า “นั่งลงเถิด ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า”

เยี่ยเฟยหลิงนั่งลงข้างมารดา ดวงตาของนางจับจ้องที่บิดาด้วยความกังวล

“วันนี้ข้าถูกเรียกตัวไปพบฮ่องเต้ เรื่องของเจ้าได้ถูกรายงานถึงพระองค์แล้ว”

เยี่ยเฟยหลิงกำมือแน่น นางกลัวว่าท่านพ่อจะเดือดร้อนเพราะนาง

“ฮ่องเต้ทรงกริ้วมาก แต่เนื่องจากข้ารับใช้ราชสำนักมานานพระองค์จึงไม่ได้ลงโทษตระกูลเรา”

เยี่ยเฟยหลิงก้มหน้าลง “ลูกขอโทษที่ทำให้ท่านพ่อต้องลำบากใจ”

“ไม่ใช่ความผิดของลูก” เยี่ยเฟิงหลงเดินมาวางมือบนไหล่ของลูกสาว “แต่พ่อคิดว่าลูกควรจะออกไปจากเมืองหลวงสักระยะ”

“ท่านพ่อจะส่งลูกไปที่ไหนหรือเจ้าคะ?” เยี่ยเฟยหลิงถาม

“บ้านของน้าสาวพ่อที่เมืองหยางโจว เมืองหยางโจวห่างไกลจากเมืองหลวง ข่าวลือที่นี่จะไม่ตามไปถึงที่นั่น”

“แต่...” เยี่ยเฟยเยว่พยายามคัดค้าน

“นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว” เยี่ยเฟิงหลงตัดบท

เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า “ลูกเข้าใจเจ้าค่ะ ลูกจะไปเมืองหยางโจว”

“ดี” เยี่ยเฟิงหลงพยักหน้า “พ่อจะจัดเตรียมทุกอย่างให้ลูกออกเดินทางในอีกสามวัน”

เยี่ยเฟยหลิงคำนับบิดามารดาก่อนจะขอตัวกลับเรือน เมื่อนางเดินกลับไปถึงห้องของตัวเอง นางก็ปิดประตูและทรุดตัวลงบนเตียงด้วยความเหนื่อยล้า แม้นางจะจนตรอกในตอนนี้ แต่นางจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เด็ดขาด หลี่เเฉิงเหวินต้องชดใช้ให้นางด้วยเลือด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel