ตอนที่ 10 วางเพลิง
ตอนที่ 10 วางเพลิง
สามวันผ่านไปอย่างช้าๆ สำหรับเยี่ยเฟยหลิง นางใช้เวลาทั้งหมดในห้องบรรพชน คุกเข่าและวางแผนการแก้แค้นของนาง ชิงเอ๋อร์คอยดูแลนางอย่างดี นำอาหารและน้ำมาให้ และช่วยนวดให้นางยืดเส้นยืดสาย
ในที่สุด เมื่อครบสามวัน เยี่ยเฟิงหลงก็มารับลูกสาวออกจากห้องบรรพชน
“เจ้าได้เรียนรู้บทเรียนแล้วใช่ไหม?” เขาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม แต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” เยี่ยเฟยหลิงตอบพร้อมก้มศีรษะ “ลูกจะระมัดระวังตัวมากขึ้น”
“ดี” เยี่ยเฟิงหลงพยักหน้า “ไปพักผ่อนเถอะ”
เยี่ยเฟยหลิงคำนับบิดาและเดินกลับไปยังห้องของนาง ที่นั่นชิงชิงกำลังรออยู่พร้อมกับน้ำอุ่นสำหรับอาบและชุดสะอาด
“คุณหนู ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วเจ้าค่ะ” ชิงชิงรายงาน
เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า “ดี คืนนี้เราจะออกไปข้างนอกกัน”
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเฟยหลิงนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง ชิงชิงช่วยนางแต่งหน้าและจัดทรงผม แต่แทนที่จะแต่งให้นางดูสวยงามเหมือนหญิงสาวทั่วไป ชิงชิงกลับแต่งให้นางดูเหมือนชายหนุ่ม
“เจ้าเก่งมากชิงชิง” เยี่ยเฟยหลิงชมขณะที่มองตัวเองในกระจก นางแทบจำตัวเองไม่ได้ ใบหน้าที่เคยงดงามบัดนี้ดูคมเข้มและมีเสน่ห์แบบบุรุษวัยละอ่อน
“ข้าเคยช่วยพี่ชายแต่งตัวเป็นหญิงเพื่อเล่นงิ้วเจ้าค่ะ” ชิงชิงตอบพร้อมรอยยิ้ม “การแต่งให้หญิงเป็นชายง่ายกว่ามาก”
เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า “เจ้าก็ต้องปลอมตัวด้วย เราไม่อาจเสี่ยงให้ใครจำเราได้”
ชิงเอ๋อร์พยักหน้าและเริ่มแต่งตัวตัวเองให้ดูเหมือนเด็กหนุ่ม ไม่นานนัก ทั้งสองก็พร้อมออกเดินทาง
“เราจะออกไปทางประตูหลัง” เยี่ยเฟยหลิงบอก
ทั้งสองแอบออกจากจวนตระกูลเยี่ยอย่างเงียบๆ และมุ่งหน้าไปยังตัวเมือง ท้องฟ้ายามค่ำคืนมืดสนิท มีเพียงแสงจันทร์และแสงโคมไฟตามถนนที่ส่องนำทางให้พวกนาง
เมื่อมาถึงบ่อนการพนันที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เยี่ยเฟยหลิงหยุดและหันไปมองชิงชิง
“จำไว้นะ เราเป็นเพียงลูกพ่อค้าจากเมืองอื่นที่มาเที่ยวเล่น” นางเตือน “อย่าทำตัวผิดปกติ”
ชิงชิงพยักหน้า “ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
ทั้งสองเดินเข้าไปในบ่อนการพนัน ภายในเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งขุนนาง พ่อค้า และชาวบ้านธรรมดา ทุกคนต่างหมกมุ่นอยู่กับการพนัน เสียงเหรียญและลูกเต๋าดังก้องไปทั่วห้อง
เยี่ยเฟยหลิงมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง นางรู้ดีว่าบ่อนแห่งนี้เป็นของหลี่เฉิงเหวิน แต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของที่แท้จริง
“เราจะแยกกัน” เยี่ยเฟยหลิงกระซิบ “เจ้าไปดูที่ชั้นบน ข้าจะอยู่ที่นี่”
ชิงเอ๋อร์พยักหน้าและแยกไปทางบันได ขณะที่เยี่ยเฟยหลิงเดินไปยังโต๊ะพนันที่มีคนแน่นที่สุด
“ขอร่วมวงด้วยคนได้ไหม?” นางถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะมองนางด้วยสายตาประเมิน “แน่นอน น้องชาย มีเงินหรือเปล่า?”
เยี่ยเฟยหลิงยิ้มและวางถุงเงินลงบนโต๊ะ “มากพอสมควร”
เสียงเหรียญกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง ทำให้ทุกคนที่โต๊ะหันมามองด้วยความสนใจ เยี่ยเฟยหลิงนั่งลงและเริ่มเล่นการพนัน แต่ความจริงแล้ว นางกำลังสำรวจสถานที่อย่างละเอียด
ขณะเดียวกัน ชิงชิงก็กำลังสำรวจชั้นบนอย่างไม่เป็นที่สงสัย นางแกล้งทำเป็นเมาและเดินโซเซไปตามทางเดิน สอดส่ายสายตาไปทั่ว จนกระทั่งพบห้องที่มีคนเฝ้าอยู่หน้าประตู
“นั่นต้องเป็นห้องสำคัญแน่ๆ” ชิงชิงคิดในใจ
หลังจากเล่นการพนันไปได้สักพัก เยี่ยเฟยหลิงก็ลุกขึ้นและเดินไปยังมุมมืดของบ่อน ที่นั่นมีประตูเล็กๆ ซึ่งนางสังเกตเห็นว่ามีคนเดินเข้าออกบ่อยครั้ง นางแอบมองและเห็นว่าเป็นทางไปยังห้องครัวและห้องเก็บของ
“เหมาะแล้ว” นางพึมพำกับตัวเอง
เยี่ยเฟยหลิงรอจนกระทั่งไม่มีใครอยู่แถวนั้น แล้วจึงแอบเข้าไปในห้องเก็บของ ภายในห้องมีถังน้ำมันพืชสำหรับทำอาหารอยู่หลายถังวางอยู่ นางยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหยิบห่อผ้าเล็กๆ ออกมาจากอกเสื้อ ในห่อผ้ามีหินเหล็กไฟและเศษผ้าแห้ง
นางวางเศษผ้าไว้ใกล้ๆ ถังน้ำมันพืช แล้วจุดไฟด้วยหินเหล็กไฟ เปลวไฟเล็กๆ ค่อยๆ ลุกลามไปยังเศษผ้า นางรีบออกจากห้องและกลับไปที่โต๊ะพนั
ชิงชิงกลับมาพบนาง “คุณหนู ข้าพบห้องเก็บเงินแล้ว อยู่ชั้นบนสุด มีคนเฝ้าสองคน” ชิงชิงกระซิบ
เยี่ยเฟยหลิงพยักหน้า “ดีเราควรรีบออกไปตอนนี้”
ทั้งสองเดินออกจากบ่อนอย่างไม่รีบร้อน ไม่ให้ใครสงสัย พอออกมาถึงถนนด้านนอก พวกนางก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แต่ยังไม่ทันจะเดินไปไกล เสียงตะโกนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
“ไฟไหม้! ไฟไหม้!”
เปลวไฟสีแดงส้มลุกโชนขึ้นจากด้านหลังของบ่อน ควันดำพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน ผู้คนวิ่งกรูกันออกมาจากบ่อนด้วยความตกใจ เสียงกรีดร้องและเสียงตะโกนดังไปทั่ว
เยี่ยเฟยหลิงดูอยู่ห่างๆ ด้วยความพึงพอใจ นางเหยียดยิ้มที่มุมปาก
ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว กลืนกินบ่อนการพนันทั้งหลัง น้ำมันพืชเมื่อติดไฟแล้วยิ่งทำให้ไฟยิ่งลุกโชนมากขึ้น
“คุณหนู เราควรไปจากที่นี่ก่อนที่ใครจะสงสัย” ชิงชิงเอ่ยเตือน
เมื่อพวกนางกำลังจะเลี้ยวออกจากตรอก เสียงฝีเท้าม้าก็ดังมาจากถนนใหญ่ เยี่ยเฟยหลิงรีบดึงชิงชิงให้หลบเข้ามุมมืด
ม้าสีดำตัวใหญ่หยุดอยู่ตรงปากตรอก บนหลังม้าคือชายร่างสูงในชุดเกราะสีดำ แสงจากไฟที่กำลังลุกไหม้สะท้อนบนเกราะของเขา ทำให้เยี่ยเฟยหลิงจำได้ทันที
“ซ่งหนานจื่อ...” นางกระซิบเบาๆ ด้วยความตกใจ
ชายผู้นั้นคือผู้ที่นางเคยใช้ร่างกายแลกกับการสนับสนุนหลี่เฉิงเหวินในชาติก่อน เขาเป็นแม่ทัพหนุ่มที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพนับถือของชาวบ้าน ก่อนที่นางจะทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาพังทลาย
ซ่งหนานจื่อมองไปยังบ่อนที่กำลังถูกไฟเผา สีหน้าของเขาเคร่งขรึม เขาสั่งทหารที่ตามมาให้ช่วยดับไฟและช่วยเหลือผู้คน
“ช่วยคนออกมาให้หมด!” เขาตะโกนสั่ง “ดูแลคนเจ็บก่อน!”
เยี่ยเฟยหลิงมองดูเขาด้วยความรู้สึกผิดที่ผุดขึ้นมาในใจ นางจำได้ว่าในชาติก่อน ซ่งหนานจื่อเป็นคนดีที่รักภรรยาของเขามาก แต่นางได้ใช้เสน่ห์และกลอุบายทำให้เขาหลงใหลจนลืมครอบครัว สามีเปลี่ยนไปภรรยาของเขาก็ทนไม่ไหวจนแท้งลูกและฆ่าตัวตาย
“คุณหนู เราต้องไปแล้ว” ชิงชิงกระซิบเตือน
แต่ก่อนที่พวกนางจะเคลื่อนไหว ซ่งหนานจื่อก็หันมามองตรงมาที่ตรอกพอดี สายตาของเขาจับจ้องมาที่พวกนาง แม้จะอยู่ในความมืดเขาก็มองเห็นได้ชัด
“ใครอยู่ตรงนั้น?” เขาตะโกนถาม พร้อมกับขยับม้าเข้ามาใกล้ตรอก
เยี่ยเฟยหลิงรู้ว่าไม่มีทางหลบหนีได้ นางจึงก้าวออกมาจากเงามืด พยายามทำเสียงให้ทุ้มต่ำเหมือนชายหนุ่ม
“ข้าและน้องชายกำลังจะกลับบ้าน ท่านแม่ทัพ” นางตอบ
ซ่งหนานจื่อมองพวกนางอย่างสงสัย “พวกเจ้ามาจากบ่อนหรือ?”
“ใช่ขอรับ” เยี่ยเฟยหลิงตอบ “พวกเราออกมาก่อนที่ไฟจะไหม้”
ซ่งหนานจื่อมองสำรวจพวกนางอย่างละเอียด สายตาของเขาคมกริบราวกับสามารถมองทะลุการปลอมตัวของพวกนาง
เมื่อเห็นเขามองด้วยความสงสัยเยี่ยเฟยหลิงจึงเอ่ยอีกครั้ง “พวกเรามาจากเมืองหยางโจวขอรับ”
ซ่งหนานจื่อยังคงมองพวกนางด้วยสายตาสงสัย แต่เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือจากบ่อนทำให้เขาต้องหันความสนใจกลับไป
“รีบกลับบ้านเถอะ ไม่ปลอดภัยที่จะอยู่แถวนี้” เขาสั่งก่อนจะควบม้ากลับไปที่บ่อน
เยี่ยเฟยหลิงและชิงชิงรีบฉวยโอกาสนี้หลบหนีไป พวกนางวิ่งตามตรอกเล็กๆ เพื่อกลับไปยังจวนตระกูลเยี่ย
“นั่นเป็นแม่ทัพซ่งใช่ไหมเจ้าคะ?” ชิงชิงถามขณะวิ่ง
“ใช่” เยี่ยเฟยหลิงตอบสั้นๆ ความทรงจำเก่าๆ หวนกลับมาในหัวของนาง
“เขาดูน่ากลัวจัง” ชิงชิงพูด
เยี่ยเฟยหลิงไม่ตอบ นางรู้สึกผิดทุกครั้งที่นึกถึงสิ่งที่นางทำกับซ่งหนานจื่อในชาติก่อน
