ตอนที่ 7
อาจจะด้วยฝีมือการรักษาอันเก่งกาจ ยาทำออกมาดี หรือเพราะร่างกายฟื้นฟูได้รวดเร็ว ผ่านไปได้สิบกว่าวันหลิวอิงฮวานั้นรู้สึกว่าอาการเจ็บแปลบบริเวณบาดแผลทุเลาลงไปกว่าครึ่ง
ชีวิตก่อนเป็นสตรีไทย จึงถือคติว่าอย่าได้นิ่งดูดายยามอยู่บ้านผู้อื่น ไป่ซีเฟิงออกไปเก็บสมุนไพรโดยมีบุตรชายติดตามไปช่วยด้วย มาเป็นภาระให้ผู้อื่นเช่นนี้จะเอาแต่กิน ๆ นอน ๆ ก็อย่างไรอยู่ หลิวอิงฮวาเลยหยัดกายขึ้นนั่งพาดขาลงจากเตียง มือคลำบริเวณแผลเบา ๆ เพื่อตรวจดูว่าตึงเจ็บหรือไม่ เมื่อเห็นว่าอยู่ในระดับที่ทนได้ก็ลุกเดินทันที
นางหาผ้ามาสองผืน ผืนหนึ่งนำไปชุบน้ำส่วนอีกผืนเอาไว้เช็ดแห้ง เริ่มจากปัดกวาดเช็ดถูในห้องที่ตัวเองพักก่อนเป็นอันดับแรก เวลาผ่านไปราวจิบชาหนึ่งถ้วย เตียง โต๊ะ และเครื่องเรือนในห้องก็สะอาดเอี่ยมอ่อง
เดิมทีในห้องหาได้มีฝุ่นหรือรกรุงรังอันใดมาก แต่ด้วยนิสัยเจ้าระเบียบและรักความสะอาดของอดีตครูวัยเกษียณ ทำให้นางพอใจเมื่อได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้มีพระคุณ
“แม่นางหลิว” น้ำเสียงเรียบนิ่งดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อย
“มิใช่ว่าข้าบอกให้เจ้านอนพักหรอกหรือ” ใบหน้าหล่อเหลามิได้ปรากฏระลอกอารมณ์ ทว่าน้ำเสียงกลับฟังดุดัน
“พี่สาวอย่าดื้อสิขอรับ” ไป่หมิงชะโงกมามอง เห็นบิดาดูเป็นคนใจเย็นแบบนั้น แต่ยามโกรธค่อนข้างจะน่ากลัวมากทีเดียว เขาเคยโดนดุตอนทำผิดไปหนึ่งหน จากนั้นก็ไม่กล้าดื้อดึงอีกเลย
“ก็…ข้าอยากตอบแทนท่านหมอบ้าง” หลิวอิงฮวาตอบเสียงอ่อย ลอยมากับน้ำให้ผู้อื่นช่วยเหลือ ทั้งยังให้ที่อยู่และอาหารไม่ขาด เงินทองก็ไม่มีติดตัว ทางเดียวที่จะตอบแทนได้ย่อมไม่พ้นช่วยเหลืองานเรือน
“หาได้จำเป็นต้องตอบแทน แค่คนเจ็บหายดี คนรักษาอย่างข้าก็ยินดียิ่งแล้ว” น้ำเสียงชายหนุ่มคล้ายจะผ่อนคลายลง
บางคนมีทุนทรัพย์ก็ให้ค่าตอบแทนตามน้ำใจ หรือหากใครยากจนเขาก็ไม่เคยรีดไถเอาเงินทอง การใช้วิชาแพทย์ของเขาจึงอยู่บนพื้นฐานการช่วยเหลือโดยไม่หวังผลมากกว่าสร้างผลกำไร
ดีที่พื้นฐานครอบครัวมีฐานะร่ำรวย ทรัพย์สินที่หยิบติดมือมาตอนออกจากบ้าน ประกอบกับบางครั้งไปรักษาคนใหญ่คนโตแล้วได้สินน้ำใจเป็นห่อทองกลับมา หากใช้ชีวิตสมถะเสียหน่อยก็สามารถอยู่ได้สบาย ๆ ตลอดทั้งชีวิต
“แม่นางหลิวไม่จำเป็นต้องหักโหม รักษาตัวให้หายดีก่อนค่อยทำก็ไม่สาย” ร่างสูงหย่อนตัวนั่งที่เก้าอี้แล้ววางตะกร้าไม้ไผ่สานลงบนโต๊ะ
ไป่หมิงไปหยิบกระจาดใบน้อยมาอย่างรู้งาน ขั้นตอนต่อไปคือคัดแยกสมุนไพรก่อนนำไปทำความสะอาด
“เช่นนั้นแม่นางหลิวมาช่วยข้าแยกสมุนไพรดีหรือไม่” เห็นอีกคนมีใจอยากช่วยจึงหางานเบา ๆ ให้ทำ อย่างน้อยก็ไม่ต้องออกแรงจนเสี่ยงแผลปริ
หลิวอิงฮวาแย้มยิ้มดีใจ วางผ้าขี้ริ้วแล้วรีบนั่งตามคำชวน แม้จะเล็กน้อยแต่ก็ได้โอกาสตอบแทนอะไรกลับไปบ้างเสียที “ฮั่วเซียงวางในนี้” มือใหญ่หยิบใบไม้สีเขียวรูปไข่ ขอบใบเรียบ ทั่วใบมีขนอ่อนปกคลุมอยู่บาง ๆ วางในกระจาดใบหนึ่ง
“ส่วนมู่เซียงวางในนี้”
หนึ่งในงานอดิเรกของชีวิตก่อนคือการปลูกต้นไม้ก็จริง แต่ใช่ว่านางจะรู้จักทุกพืชพันธุ์บนโลกใบนี้เสียเมื่อไร นัยน์ตากลมมองตามมือใหญ่เพื่อจดจำลักษณะของสมุนไพรอีกชนิด
“เข้าใจแล้ว” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะแยกใบสีเขียวอ่อนอมเหลืองลงในกระจาดของมู่เซียง สมุนไพรสองชนิดนี้ลักษณะต่างกันค่อนข้างชัดเจน คนไม่รู้เรื่องยาอย่างนางก็สามารถแยกได้โดยไม่ยากเย็นนัก
หลิวอิงฮวานั่งคัดแยกสมุนไพร ส่วนหมอหนุ่มก็นำตะกร้าอีกใบที่ใส่สมุนไพรอื่นมาจำแนกเช่นกัน
“ท่านพ่อ พี่สาว ข้าเตรียมชามาให้ขอรับ” ถึงจะพูดว่าเตรียมชา แต่ที่จริงเป็นไป่ซีเฟิงที่ต้มน้ำร้อนและเตรียมชาไว้ตั้งแต่ก่อนออกไปเก็บสมุนไพร
“ชาจวี๋ฮวาขอรับ”
