
หลิวอิงฮวาทะลุมิติเปลี่ยนชะตา
บทย่อ
เมื่ออดีตครูคหกรรมวัยเกษียณทะลุมิติไปเกิดใหม่ในนิยายที่เคยอ่านอีกทั้งยังต้องมาปลูกผักทำอาหาร ...เธอจะเอาตัวรอดในยุคสมัยที่แตกต่างในดินแดนที่เธอไม่รู้จักแห่งนี้ได้อย่างไร!
ตอนที่ 1
“ปัณฑะรังคะปัพพะชิตัสสะ อัฏฐะสิกขาปะทานิ ปัจจักขามิ อัชชะตัคเคทานิ คิหีติ มัง ธาเรถะ”
กลุ่มผู้ถือศีลกล่าวคำลาสิกขาบทต่อหน้าองค์พระประธานอย่างพร้อมเพรียง เมื่ออาราธนาศีลห้าแล้วก็ก้มลงกราบเบญจางคประดิษฐ์ ทุกคนในที่นี้กลับไปเป็นคฤหัสถ์ตามวิถีตน
หนึ่งในนั้นยังไม่ลุกออกจากที่เดิมหากแต่ขยับไปข้างหน้าแทน เพราะอยากฟังคนอื่นสนทนาธรรมกับหลวงพ่อก่อน
หลังจากเกษียณอายุราชการ อิงวรา ในวัย 62 ปีก็มีเวลาว่างในแต่ละวันมากมาย ถึงอย่างนั้นเหตุผลหลักของการมาอยู่วัดถือศีลแปดหาใช่แค่การฆ่าเวลา แต่มาเพราะต้องการหาที่พึ่งทางใจ
อิงวราเคยเป็นครูสอนวิชาคหกรรมของมหาวิทยาลัยรัฐบาลชื่อดัง เพื่อนร่วมงานนับหน้าถือตา เป็นที่รักของลูกศิษย์ลูกหา ทว่ากับสามีตัวเองกลับเป็นได้แค่น้ำพริกถ้วยเก่า
ไม่รู้ว่ากี่สิบปีแล้วที่ใช้ชีวิตเหมือนตัวคนเดียวแบบนี้ สามีของเธอเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีหน้ามีตาในสังคมไม่ใช่น้อย แต่วัยวุฒิที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ช่วยให้คนมีหัวคิดตาม
เมื่อก่อนเจ้าชู้ประตูดินอย่างไร ตอนนี้แก่ตัวมาก็ยังประพฤติแบบเดิม ตั้งแต่แต่งงานกันช่วงแรกจนถึงวัยไม้ใกล้ฝั่ง เขาก็ยังมีบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุด
“หลวงพ่อเจ้าคะ ไม่รู้ว่าสามีอิชั้นโดนของหรือเปล่า ขอน้ำมนต์กลับไปให้มันกินสักขวดได้ไหมเจ้าคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งช่วงวัยไล่เลี่ยกันกับอิงวราเอ่ยกับเจ้าอาวาสด้วยสีหน้าทุกข์ใจ
วัดคือสถานที่ปลีกวิเวกและเพื่อสร้างกุศล แต่หลายคนก็มาวัดด้วยเหตุผลนี้ เด็กวัดเลยนำน้ำมนต์ใส่ขวดและส่งให้หญิงชราคนนั้น
“ชีวิตนี้ ร่างกายนี้ ไม่มีอะไรเป็นของเราหรอกโยม ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง มีแต่บุญและกรรมเท่านั้นแหละที่จะติดตัวไป” เจ้าอาวาสกล่าวประโยคบอกเล่าทั่วไป แต่หากฉุกคิดสักหน่อยจะทราบว่าท่านกำลังสอนธรรม
อิงวราสำรวมท่าทีและไม่เอ่ยวาจาใด ผู้หญิงคนนั้นนุ่งขาวห่มขาวแต่จิตใจร้อนรุ่มทั้งที่ตัวยังอยู่ในศาสนสถาน มองไปแล้วก็สะท้อนถึงตัวเองอยู่เหมือนกัน
ชีวิตคู่ของอิงวราไม่เคยพบกับความสุขสักครา ตอนแรกที่ทราบว่าสามีมีคนอื่นหัวใจแทบแตกสลาย ใช่จะไม่เคยร้องไห้อ้อนวอนขอความรักความเมตตาแต่เขากลับไม่นำพาสิ่งใด ทุกวันนี้ก็ยังมีอีหนูมากหน้าหลายตา
พอเข้าช่วงกลางคนเธอเลยเลือกที่จะอ่านหนังสือธรรมมะเพื่อปล่อยวาง บางครั้งก็มาปฏิบัติธรรมที่วัดเช่นตอนนี้ หรือหากอยู่บ้านเธอจะเอาตัวเองออกจากความทุกข์ด้วยการทำอาหาร ปลูกต้นไม้ และอ่านหนังสือนิยาย
“ขอตัวกลับก่อนนะคะหลวงพ่อ” เมื่อเห็นว่าสายมากแล้วอิงวราก็ยกมือไหว้ลาเจ้าอาวาส
“ทำจิตให้เบา ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอะไรให้หนักหัว นึกถึงบุญที่เคยทำเข้าไว้นะโยม” เจ้าอาวาสกล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้มเมตตา จากนั้นท่านก็ลุกออกไปที่อื่นโดยมีเด็กวัดตามติดไป
ออกจากวัดมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้วแต่ประโยคของเจ้าอาวาสยังติดอยู่ในหัว ไม่รู้ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้น คิดเอาเองว่าท่านคงชี้นำให้เธอเห็นหนทางพ้นทุกข์ล่ะมั้ง
“หนูจ๊ะ” อิงวราเปิดกระจกรถแล้วร้องเรียกเด็กตัวน้อยที่ดูแล้วคงอยู่เรียนชั้นประถมตอนต้นให้เข้ามา
รถยนต์จอดติดไฟแดงอยู่ตรงสี่แยก การใช้แรงงานเด็กแบบนี้ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแรงงาน แต่เธอช่วยอุดหนุนเพราะอยากให้เด็กคนนี้ได้กลับบ้านไวขึ้น
“เอาพวงมาลัยมาสามพวงจ้ะ”
หญิงชรายิ้มอย่างใจดี ก่อนจะส่งเงินค่าพวงมาลัยให้โดยไม่รับเงินทอน หนึ่งพวงคล้องในรถ ที่เหลือเธอตั้งใจจะนำไปขึ้นหิ้งพระที่บ้าน
คิ้วที่แซมด้วยสีขาวเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ เมื่อขับมาถึงหน้าบ้านก็พบว่ารถยนต์ของสามีจอดอยู่ด้านใน ลูกเต้าของเธอแต่งงานมีครอบครัวไปหมดแล้ว ส่วนสามีเดือนหนึ่งจะกลับมาสักหน เธอจึงใช้ชีวิตในวัยเกษียณตามลำพังมาโดยตลอด อิงวราไม่ได้สงสัยอะไรมาก อย่างไรสิทธิ์ของบ้านครึ่งหนึ่งของเขา
