ตอนที่ 4
อิงวราระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คาดเดาว่าคงเป็นเนื้อเรื่องหลังจากตอนจบ ตัวเธอเพิ่งตายมาจากเหตุการณ์ที่มีมือที่สามมาเกี่ยวพัน มีโอกาสได้รับชีวิตใหม่ก็ยังต้องพัวพันกับเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ อีก
อิงวราเป็นคนคิดอะไรมีขั้นมีตอนและมักวางแผนระยะยาว เช่นนั้นจึงได้ข้อสรุปให้ตัวเองว่า หากต้องอยู่กับคนมากรัก อยู่ตัวคนเดียวไม่ดีกว่าหรืออย่างไร ไม่คิดแก้แค้นแต่ขอตัดขาดกับอดีตคู่หมั้นและชู้รักเพียงเท่านี้ เพราะอย่างไรก็ไม่ได้รู้จักคนพวกนั้นเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
“เฮ้อ” นึกแล้วก็สงสารเจ้าของร่างจนถอนหายใจออกมา
เสียงถอนหายใจของคนเจ็บดังไปถึงข้างนอก เป็นเหตุให้เด็กน้อยวิ่งเข้ามา นัยน์ตาใสแจ๋วจับจ้องจากริมเตียง
“พี่สาว ท่านตื่นแล้ว!” เด็กชายร้องทักพร้อมรอยยิ้มกว้างก่อนจะวิ่งออกไปด้านนอก
“ท่านพ่อขอรับ พี่สาวไม่ตายแล้วขอรับ!” ไป่หมิงรีบวิ่งไปหาบิดาแล้วจูงมือให้เข้ามาด้านใน
อิงวราทั้งปวดศีรษะและเจ็บแผลบริเวณท้อง ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูดีเลยได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่นานก็มีคนเข้ามาในห้องที่เธอพัก
หนึ่งคือเด็กชายตัวน้อย และอีกคนเป็นบุรุษรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลาเรียบนิ่งให้บรรยากาศเหมือนขุนเขาอันเงียบสงบ แม้อาภรณ์ที่สวมใส่จะสีมอซอไม่หรูหรา แต่ก็ไม่อาจปิดความสง่าผ่าเผยของเขาไปได้
หญิงสาวพยายามจะหยัดกายลุกขึ้นมาคุย ทว่าชายหนุ่มเข้ามากดบ่าไว้เบา ๆ
“นอนต่อเถิด ร่างกายแม่นางยังไม่หายดี ไม่จำเป็นต้องฝืนลุกขึ้นมา”
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยข้าไว้”
อิงวราทราบต้นสายปลายเหตุทั้งหมดแล้วจึงตอบกลับด้วยคำสรรพนามให้สมกับยุคสมัย อาจเพราะมีความทรงจำของจ้าวอิงฮวาอยู่ เลยทำให้เข้าใจในภาษาอื่นทั้งที่ไม่เคยร่ำเรียนมา
“เห็นคนเจ็บย่อมต้องช่วย อย่าได้เกรงใจเลยแม่นาง” เขาตอบก่อนเสียงใสจะแทรกมา
“ข้าก็ช่วยด้วยนะขอรับ” เด็กชายตัวน้อยเกาะขอบเตียงแล้วรีบโอ้อวดคุณงามความดีตน “เห็นพี่สาวอยู่ในน้ำ ท่านพ่อเลยลงไปช่วยมาขอรับ”
“ขอบใจมากหนูน้อย” ใบหน้าซีดเซียวยิ้มน้อย ๆ
ร่างสูงหลุบมองบุตรชายก่อนจะลูบศีรษะเบา ๆ เพราะไป่หมิงตาไวถึงได้เห็นว่านางลอยน้ำมา
“ข้าชื่อไป่หมิงขอรับ ส่วนนี่ท่านพ่อข้า ท่านพ่อข้าเป็นหมอเก่งมากเลยนะขอรับ” นอกจากจะโอ้อวดตัวเองแล้วยังช่วยนำเสนอกิตติศัพท์ของผู้เป็นบิดาด้วย
“อาหมิง” เสียงนุ่มเอ่ยปรามความช่างเจรจาของบุตรชาย
เห็นเด็กน้อยร่าเริงทำให้อิงวรานึกถึงหลานตัวเองขึ้นมา
“แล้วพี่สาวชื่ออะไรหรือขอรับ” เด็กน้อยเอ่ยถาม
“จะ…” กำลังจะกล่าวคำก็ชะงักไปเพราะนึกได้ว่าต้องการตัดขาดจากอดีตของนางเอกนิยายเรื่องนี้ จ้าวอิงฮวาตายตามท้องเรื่องไปแล้ว ส่วนเธอก็คือคนใหม่ เช่นนั้นแล้วจึงตัดสินใจละทิ้งสกุลเดิม
“ข้าชื่อหลิวอิงฮวา” เพราะลอยมาตามกระแสน้ำจึงหยิบมาใช้เป็นสกุลใหม่ให้ตัวเองเสียเลย
“แม่นางหลิวนอนพักก่อน อีกเดี๋ยวข้าจะนำยามาให้ อาหมิงเอาน้ำชามาให้นางดื่มก่อน”
ชายหนุ่มสั่งบุตรชายก่อนจะเดินไปด้านนอกเพื่อเตรียมยา ไป่หมิงกุลีกุจอนำจอกชาพร้อมถ้วยมาวางไว้ข้างเตียง
มือเล็กป้อมรินชาลงถ้วยช้า ๆ จนได้ปริมาณเหมาะสม อิงวราในร่างของนางเอกนิยายลุกขึ้นนั่ง การเปลี่ยนอากัปกิริยาทำให้ตึงแผลอยู่บ้าง
“ขอบใจมากไป่หมิง” นางรับถ้วยชามาดื่มแล้ววางลงข้างเตียง
“ท่านเรียกข้าว่าอาหมิงแบบท่านพ่อก็ได้ขอรับ” บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้านเพราะไป่ซีเฟิงชอบความสงบ เด็กชายจึงค่อนข้างกระตือรือร้นผูกมิตรไปทั่วยามได้พบผู้คน
“เข้าใจแล้วอาหมิง” นางส่งยิ้มบางให้เด็กชาย เอนหลังพิงหัวเตียงแล้วนึกทบทวนสถานการณ์ปัจจุบันอีกครา นับจากนี้ไปจะต้องใช้ชีวิตใหม่ในฐานะของหลิวอิงฮวาอย่างนั้นสินะ…
ไป่ซีเฟิงแยกออกมาที่ด้านนอก ในห้องขนาดเล็กรายล้อมไปด้วยตู้ไม้สูงระนาบเดียวกับสายตา ทุกตู้ล้วนเป็นลิ้นชักไว้สำหรับเก็บสมุนไพรต่าง ๆ มุมใกล้หน้าต่างเป็นเตาปรุงยา กลางห้องมีโต๊ะวางไว้ใช้งานเอนกประสงค์
ตัวยาถูกแบ่งเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งต้มในหม้อปรุงเป็นยาเพื่อบรรเทาอาการอักเสบจากข้างใน อีกส่วนผสมในชามบดเป็นยาทาเพื่อให้ฆ่าเชื้อและสมานแผล
