ตอนที่ 3
เขาส่งตะเกียงให้เด็กชายถือก่อนเป็นการชั่วคราว จากนั้นก็เดินลงน้ำไปอย่างไม่กริ่งเกรง
ดีว่าระดับน้ำบริเวณนี้ลึกเพียงเอวเขาจึงเดินลุยไปได้ หากไม่มีโขดหินร่างนี้ก็คงลอยไปจนสุดสายธาร ไป่ซีเฟิงจับข้อมือเพื่อตรวจสัญญาณชีพก่อนอื่นใด และก็ได้คำตอบว่าสตรีนางนี้ยังมีลมหายใจแม้หัวใจเต้นอ่อนก็ตาม
เขาพาสตรีผู้นี้ขึ้นมาริมตลิ่งอย่างระมัดระวัง เมื่อแสงไฟจากตะเกียงสะท้อนมาถึงค่อยเห็นว่าที่ท้องของนางมีมีดปักคาอยู่
“เอ่อ ท่านพ่อขอรับ นางยังไม่ตายหรือขอรับ” มองมีดแล้วเด็กชายรู้สึกเสียวไส้
“ดีที่มีดคาไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงตายไปนานแล้ว” เขาออกความเห็น หากดึงอาวุธออกเลือดย่อมไหลทะลักออกมา อาจทำให้เสียเลือดมากจนถึงแก่ชีวิตได้
“รีบพานางกลับไปรักษาที่บ้านกันเถิด หากช้าเกินจะไม่ทันการ” ว่าจบไป่ซีเฟิงก็อุ้มร่างสตรีผู้นี้ขึ้นแล้วออกเดิน ไม่ทราบว่านางโดนทำร้ายและแช่อยู่ในน้ำมานานเพียงใดแล้ว ในฐานะหมอไม่อาจเพิกเฉยต่อคนบาดเจ็บได้ เช่นนั้นจึงต้องรีบรักษาให้ไวที่สุด
เด็กชายรีบหยิบตะกร้าขึ้นสะพายหลังอย่างรู้งานแล้ววิ่งตามไป
“อย่าวิ่ง เดี๋ยวล้ม” ไม่วายห้ามปรามตามประสาคนเป็นพ่อ
“ขอรับ ขอรับ” ไป่หมิงลดความเร็วลงอย่างเชื่อฟัง
วันนี้สองพ่อลูกตั้งใจมาเก็บสมุนไพรแต่กลับได้คนกลับบ้านไปเสียอย่างนั้น
“ท่านพ่อขอรับ” เด็กชายวัยห้าขวบปีชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในห้อง บนเตียงไม้มีสตรีที่เจอมาจากธารน้ำนอนสงบนิ่งอยู่
“นางนอนหลายวันแล้ว ข้าไปปลุกให้นางตื่นมากินข้าวได้ไหมขอรับ” เด็กน้อยถามด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าอีกคนสลบไสลไม่ได้สติมาหลายวันแล้ว ขนาดเขาอดข้าวแค่ครึ่งวันยังหิวไส้แทบขาด
“นางบาดเจ็บหนัก ร่างกายต้องใช้เวลาฟื้นฟู เจ้าอย่าไปกวนคนเจ็บเลยอาหมิง” ไป่ซีเฟิงเหลือบไปมองคนบนเตียงแวบหนึ่งก่อนจะบดยาต่อ
บาดแผลจากมีดที่เสียบท้องนางลึกพอสมควร ไม่แน่ว่าหากได้รับการรักษาช้าเกินกว่านั้นนางอาจได้ไปเยือนปรโลกแล้ว ถือว่าสตรีนางนี้ดวงแข็งไม่เบา
เสียงพ่อลูกสนทนากันดังพอให้คนที่จมอยู่ในห้วงนิทราอันว่างเปล่าได้ยิน เปลือกตาสีมุกไหวขยับแล้วเปิดขึ้นอย่างแช่มช้า อิงวรานอนมองเพดานนิ่งอยู่แบบนั้นคล้ายกำลังประมวลผลในสมอง
ใบหน้าพลันบิดเบี้ยวพร้อมนัยน์ตาที่หยีลง สมองปวดแปลบจากข้อมูลความทรงจำชุดใหญ่ถูกยัดใส่ในหัว ตอนนี้เธอทราบถึงสถานภาพและความเป็นไปทั้งหมดของตัวเองแล้ว
แม้ไม่ทราบสาเหตุและขั้นตอนของการมาอยู่ที่นี่ แต่มั่นใจได้สามอย่างคืออิงวราเสียชีวิตแล้ว ที่นี่คือโลกใบเดียวกับหนังสือนิยายเล่มโปรดที่ได้อ่านก่อนตาย และเธออยู่ในร่างของนางเอกที่ชื่อจ้าวอิงฮวา
จ้าวอิงฮวาเป็นบุตรีของตระกูลจ้าว อันเป็นตระกูลคหบดีครอบครัวหนึ่ง แต่ตระกูลล่มไปเมื่อเจ็ดปีก่อนเพราะเรื่องการค้า คนในตระกูลซ่านเซ็นไปคนละทิศ บิดากับมารดาของนางเองก็ด้วยต้องไปตั้งหลักที่เมืองอื่น
บิดามีหัวการค้าอยู่แล้ว จึงเปิดร้านค้าเล็ก ๆ ในตลาด แต่คนดีกลับมีอายุขัยสั้น บิดานางมาจากไปในวันที่นางอายุได้สิบสี่ จากนั้นจึงอยู่กับมารดาเพียงสองคนตามอัตภาพ เมื่ออายุถึงวัยออกเรือน มารดาก็จัดแจงหาคู่หมั้นเตรียมไว้ให้ ด้วยคิดว่าให้ลูกเป็นฝั่งเป็นฝามีคนดูแลน่าจะดีกว่าอยู่กับตน
ทว่านั่นเป็นเพียงความคิด ยามอยู่ต่อหน้า คู่หมั้นดูแลนางอย่างดีและเขาก็ทำแบบนี้กับสตรีนอกบ้านด้วยเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะมารดาเขามีนิสัยดุดัน เกรงว่าบุรุษผู้นี้คงแต่งอนุเข้าจวนปีละสองคน
มรสุมในชีวิตมีมากมายนัก สองเดือนก่อนแต่งงาน มารดานางป่วยหนักในปลายฤดูหนาวและลาลับไป คล้ายสวรรค์อยากทดสอบความแข็งแกร่งของอิงฮวาต้นนี้หรืออย่างไรไม่ทราบ เหลือตัวคนเดียวไร้บิดามารดาแล้ว เคราะห์กรรมยังซ้ำเติมอีก
วันหนึ่งระหว่างทางกลับบ้านโดนลักพาตัวไปยังกลางป่าและถูกทำร้ายจนสาหัส ไม่ทันจะได้แต่งงานกลับสิ้นชีพด้วยน้ำมือหนึ่งในชู้รักของคู่หมั้นเสียก่อน
และนิยายเรื่องนี้ก็จบลงที่จ้าวอิงฮวาพ่ายแพ้ให้แก่วิบากกรรมทั้งปวง ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนอิงฮวาดอกนี้พลันร่วงโรยคืนสู่ผืนดิน
อิงฮวา คือ ดอกซากุระ นะคะ ?? ไรท์ฝากกดติดตาม กดหัวใจ ❤️ และเพิ่มเข้าชั้นกันด้วยน๊า
