4
หนึ่งวันผ่านไปหลังจากที่หลินเยว่หายป่วยราวกับปาฏิหาริย์ แม้ว่าวิกฤตสุขภาพจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เงาของความอดอยากยังคงปกคลุมบ้านหลังเล็กที่ทำจากดินหลังนี้อยู่อย่างหนาแน่น
มื้ออาหารของครอบครัวหลินยังคงเหมือนเดิมโจ๊กใสๆ ที่แทบจะมองเห็นเงาของตัวเองในชามได้ มีเพียงผักดองเค็มๆ สองสามชิ้นเป็นเครื่องเคียง มันเป็นอาหารที่ช่วยให้ประทังชีวิตไปได้วันๆ แต่ไม่อาจเรียกว่าอาหารได้เต็มปาก
หลิวซูเฟินตักส่วนที่ข้นที่สุดในหม้อซึ่งมีเม็ดข้าวอยู่ไม่กี่เม็ดใส่ลงในชามของหลินเยว่ ส่วนตัวเธอและสามีได้กินเพียงน้ำข้าวใสๆ ที่เหลืออยู่ก้นหม้อ
นี่คือความรักของพ่อแม่ในยุคที่แร้นแค้น พวกเขายอมอดเพื่อให้ลูกได้อิ่มท้อง
หลินเยว่มองภาพนั้นแล้วหัวใจก็บีบรัด เธอรู้ว่าแค่สุขภาพดีอย่างเดียวไม่พอ พ่อกับแม่ของเธอต้องการสารอาหารเพื่อบำรุงร่างกายที่อ่อนล้าจากการทำงานหนักมาหลายปี
‘ไม่ได้การแล้ว ต้องทำอะไรสักอย่าง’ เธอคิดในใจ
ในมิติส่วนตัวของเธอ นอกจากบ่อน้ำพุและแปลงดินวิเศษแล้ว ยังมีโกดังไม้หลังนั้นตั้งอยู่ เมื่อเธอเพ่งจิตเข้าไปสำรวจเป็นครั้งแรกหลังจากฟื้นไข้ เธอก็พบว่าชั้นวางของด้านในมีวัตถุดิบตั้งต้นวางอยู่จำนวนหนึ่ง ราวกับเป็น ชุดเริ่มต้นสำหรับผู้มาใหม่ มันมีข้าวสารเม็ดอวบอ้วนขาวสะอาดบรรจุในถุงเล็กๆ และที่สำคัญที่สุดมีไข่ไก่สดใหม่ฟองโตวางอยู่บนชั้นวางด้วย
นี่คือของล้ำค่าในยุคนี้
แต่ปัญหาคือ จะเอาของพวกนี้ออกมาได้อย่างไรโดยไม่ให้พ่อกับแม่สงสัย? เธอเป็นแค่เด็กห้าขวบ จะเสกของออกมาจากอากาศธาตุไม่ได้
หลินเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่แผนการอันแยบยลจะผุดขึ้นมาในหัว เธอรอจังหวะที่แม่กำลังซักผ้าอยู่หลังบ้าน และพ่อก็ออกไปหาฟืนในป่า
เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งต็อกๆ ไปที่เล้าไก่เก่าๆ หลังบ้าน ที่มีแม่ไก่ผอมโซอยู่เพียงตัวเดียว ซึ่งมันไม่เคยออกไข่มานานหลายสัปดาห์แล้ว เธอแอบเข้าไปในเล้า จากนั้นก็เพ่งจิตเข้ามิติ นำไข่ไก่สดใหม่ฟองโตออกมาสี่ฟอง
และข้าวสารชั้นดีอีกหนึ่งถุงเล็กๆ วางซ่อนไว้ในรังฟางที่ว่างเปล่ามุมหนึ่งอย่างแนบเนียน
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เธอก็วิ่งหน้าตาตื่นกลับไปหาแม่ที่กำลังตากผ้าอยู่
"แม่จ๋า แม่จ๋า มาดูนี่เร็วเข้า" เธอตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นของเด็กน้อย
"หนูเจอของดีในเล้าไก่ด้วย"
หลิวซูเฟินมองลูกสาวด้วยความเอ็นดู
"เจออะไรหรือลูก แม่ไก่มันออกไข่แล้วเหรอ" เธอถามอย่างไม่คาดหวังนัก
"ไม่ใช่แค่ไข่มีอย่างอื่นด้วย" หลินเยว่จูงมือแม่ของเธอไปยังเล้าไก่
เมื่อหลิวซูเฟินชะโงกหน้าเข้าไปดูในรังฟางตามที่ลูกสาวชี้ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง ในนั้นมีไข่ไก่ฟองโตสวยงามวางอยู่ถึงสี่ฟอง ข้างๆ กันยังมีถุงผ้าเล็กๆ ที่เมื่อเปิดดูก็พบว่าเป็นข้าวสารสีขาวเม็ดอวบอิ่มอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน
" นี่มันอะไรกัน" เธอพึมพำอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
"ไข่พวกนี้มาจากไหน แล้วข้าวสารนี่อีก"
"หนูเจอในนี้จริงๆ นะแม่" หลินเยว่ยืนยันพร้อมกับทำตาใสแป๋ว
ไม่นานนักหลินเจี้ยนกั๋วก็กลับมาจากป่า พอได้เห็น "ของขวัญจากสวรรค์" เขาก็ตกใจไม่แพ้ภรรยา
"หรือว่าหรือว่าบรรพบุรุษท่านเมตตาเรา" หลิวซูเฟินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
"ท่านเห็นว่าเยว่เยว่หายป่วยแล้ว เลยประทานพรมาให้เรา"
หลินเจี้ยนกั๋ว ชายหนุ่มผู้ซื่อสัตย์พยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ในยุคสมัยที่ผู้คนยังเชื่อเรื่องโชคลาง นี่คือคำอธิบายที่ดีที่สุดแล้ว
เย็นวันนั้นเอง กลิ่นหอมของข้าวสวยร้อนๆ และไข่ตุ๋นเนื้อเนียนนุ่มก็ลอยอบอวลไปทั่วกระท่อมดินเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี มันคือกลิ่นของความสุขและความหวัง
บนโต๊ะอาหารเล็กๆ หลินเจี้ยนกั๋วและหลิวซูเฟินตักไข่ตุ๋นส่วนใหญ่ใส่ในชามของลูกสาว
แต่หลินเยว่กลับส่ายหน้า เธอบรรจงตักไข่ตุ๋นชิ้นใหญ่กลับไปใส่ในชามของพ่อและแม่คนละชิ้น
"พ่อกับแม่กินด้วยกันนะ"
การกระทำเล็กๆน้อยๆ ของเธอทำให้พ่อกับแม่น้ำตาคลอ นี่คืออาหารมื้อแรกที่แท้จริงของพวกเขา มื้อที่เต็มไปด้วยรสชาติของความรักและความอบอุ่น
หลังจากกินอาหารมื้อที่อร่อยที่สุดในชีวิต หลินเจี้ยนกั๋วรู้สึกว่าเรี่ยวแรงที่เคยหดหายไปกลับคืนมา แววตาที่เคยสิ้นหวังของเขาฉายประกายแห่งความมุ่งมั่นขึ้นมาจางๆ
เขามองไข่ไก่อีกสองฟองที่เหลืออยู่
"ไข่พวกนี้ช่างงามจริงๆ ถ้าเรามีไข่แบบนี้เยอะๆ เอาไปขายในตลาดต้องได้ราคาดีแน่ ๆ"
หลินเยว่ที่ได้ยินเช่นนั้นก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
‘ติดกับแล้ว พ่อจ๋า...’
