หลินเยว่หนูน้อยดาวนำโชคยุค 80

56.0K · จบแล้ว
หยกขาว ปิ่นหยก
50
บท
13.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

หลินเยว่ทะลุมิติเข้าร่างเด็กน้อยอายุ ห้าขวบเธอจะต้องพาครอบครัวร่ำรวย และเอาชนะญาติหัวใสพวกนี้ชอบกดขี่ครอบครัวของเธอ "เรามาทำสมุดบัญชีครอบครัวกันดีไหมจ๊ะ" สมุดบัญชีทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเบาๆ "ท่านลุงท่านป้าทุกท่านช่วยเป็นพยานให้ครอบครัวเราด้วยนะจ๊ะ" หลินเยว่ยกมือขึ้นไหว้รอบทิศ "ต่อไปนี้ พ่อของหนูหาเงินมาได้เท่าไหร่ เราจะจดลงในสมุดบัญชีเล่มนี้ให้ย่าดู แล้วเวลาบ้านใหญ่จะใช้เงินซื้ออะไร หรือบ้านของหนูจะใช้เงินซื้อข้าวสาร เราก็จะมาเบิกเงินจากย่า แล้วก็จดลงบัญชีไว้ทุกครั้ง" เธอยิ้มหวานหยด ก่อนจะตอกย้ำด้วยประโยคเผด็จศึก "แบบนี้ ทุกคนในหมู่บ้านก็จะได้รับรู้ถึงความยุติธรรมและความเสียสละของย่า ที่ต้องเหนื่อยยากบริหารเงินดูแลค่าใช้จ่ายของทั้งสองบ้านยังไงล่ะจ๊ะจะได้ไม่มีใครกล้ามานินทาลับหลังว่าย่าลำเอียง เอาเงินทั้งหมดไปให้แต่บ้านใหญ่ใช้ฝ่ายเดียว" เปรี้ยง! ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงกลางใจของย่าจางและหวังลี่

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณตลกนางเอกเก่งดราม่าข้ามมิติโรแมนติกยุค80

1

“ประธานหลินคะ สัญญาฉบับนี้”

เสียงแหลมสูงของเลขาทำให้หลินซูเม่ยละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ที่สว่างวาบ หญิงสาวในวัยสามสิบต้นๆ ยกมือขึ้นนวดขมับที่เต้นตุบๆ ความเหนื่อยล้าสะสมมาหลายสัปดาห์จากการเทคโอเวอร์บริษัทคู่แข่ง เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำจนแทบไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน

“วางไว้ก่อน เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เธอบอกปัดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

ชีวิตของหลินซูเม่ย นักธุรกิจหญิงแกร่งแห่งศตวรรษที่ 21 ก็เป็นเช่นนี้ เธอปีนป่ายจากเด็กสาวบ้านนอกจนกลายเป็นซีอีโอของบริษัทมูลค่าหลายพันล้าน แลกมันมาด้วยหยาดเหงื่อ เวลา และชีวิตส่วนตัวที่ว่างเปล่า

เอี๊ยดดดดดดด โครม

เสียงกรีดร้องของยางรถยนต์ที่บดขยี้ไปกับพื้นถนนดังขึ้นพร้อมกับแรงกระแทกมหาศาล ร่างของเธอที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถยนต์ประจำตำแหน่งกระเด็นอัดเข้ากับเบาะหน้าอย่างรุนแรง เศษกระจกแตกกระจายเหมือนหิมะในพายุ ความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง ก่อนที่สติสัมปชัญญะสุดท้ายของเธอจะดับวูบลงพร้อมกับภาพสุดท้ายภาพของเอกสารสัญญาที่เปื้อนเลือด

ความมืด ความเงียบ และความว่างเปล่า

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่หลินซูเม่ยล่องลอยอยู่ในความมืดมิดนั้น จนกระทั่งแสงสว่างริบหรี่เริ่มปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงทะเลาะวิวาทที่ดังเข้ามาในโสตประสาท

“จะเอาเงินที่ไหนไปหาหมออีก แค่ยาต้มที่จ่ายไปก็แทบจะหมดตัวแล้วนะ”

เสียงแหลมสูงของผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

“เป็นแค่เด็กผู้หญิง ป่วยแค่นี้ก็ทำเป็นสำออย ถ้ามันจะตายก็ให้มันตายไปสิ ถือว่าเป็นเวรเป็นกรรมของมัน”

“ท่านแม่ ท่านพูดอย่างนั้นได้ยังไง นั่นเยว่เยว่ ลูกสาวของข้านะ” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งตอบกลับอย่างเจ็บปวด แต่กลับแฝงไว้ด้วยความลังเลและอ่อนแอ

“ลูกสาวแล้วจะทำไม สินค้าขาดทุน เลี้ยงไปก็ต้องแต่งออกไปเป็นคนของบ้านอื่นอยู่ดี สู้เก็บเงินไว้ซื้อปุ๋ยให้ไร่นา หรือเก็บไว้ให้หลานชายคนโตของข้าซื้อเสื้อผ้าใหม่ยังจะดีกว่า”

หลินซูเม่ยพยายามจะลืมตาขึ้น แต่เปลือกตาของเธอกลับหนักอึ้งราวกับมีหินถ่วง ร่างกายร้อนเหมือนไฟเผา หายใจติดขัด และเจ็บปวดไปทุกอณู นี่มันไม่ใช่โรงพยาบาลแน่ๆ กลิ่นที่เธอได้สัมผัสคือกลิ่นอับชื้นของดิน กลิ่นยาต้มสมุนไพรราคาถูก และกลิ่นสาบของเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ซัก

ในที่สุด เธอก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีปรือตาขึ้นมาได้ ภาพที่เห็นทำให้สมองที่เคยปราดเปรื่องของเธอว่างเปล่าไปชั่วขณะ

นี่ไม่ใช่ห้องพักวีไอพีในโรงพยาบาลหรู แต่เป็นห้องแคบๆ หลังคาทำจากคานไม้สีดำคล้ำ ผนังดินเหลืองถูกแปะทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์เก่าจนกลายเป็นสีชา บนหัวของเธอมีเพียงหลอดไฟไส้สีเหลืองสลัวดวงหนึ่งที่ให้แสงสว่างเพียงริบหรี่

ทันใดนั้นเอง ความทรงจำที่ไม่ใช่ของเธอก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวราวกับเขื่อนแตก

เด็กหญิงเจ้าของร่างนี้ชื่อ "หลินเยว่" อายุเพียงห้าขวบ เธอป่วยเป็นไข้หนักมาหลายวันแล้ว พ่อของเธอ "หลินเจี้ยนกั๋ว" และแม่ "หลิวซูเฟิน" พยายามหาเงินมารักษา แต่เงินที่ได้มาก็แทบไม่พอยาไส้ในยุคสมัยที่ทุกอย่างขาดแคลนเช่นนี้ ยุค 1980

ใช่แล้วจากบทสนทนาและสภาพแวดล้อมที่เห็น นี่คือประเทศจีนในยุค 80 ชัดๆ ยุคที่ข้าวยากหมากแพง ยุคที่ผู้คนยังต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด

เสียงแหลมสูงที่เกรี้ยวกราดนั้นคือย่าของเธอ

"ย่าจาง" หญิงชราที่รักและลำเอียงต่อลูกชายคนโตกับหลานชายอย่างออกนอกหน้า และมองครอบครัวของหลินเจี้ยนกั๋วซึ่งเป็นลูกชายคนรองเป็นเพียงวัวม้าไว้ใช้งาน

หลินซูเม่ยไม่สิ ตอนนี้คือหลินเยว่อยากจะหัวเราะให้กับการเล่นตลกของโชคชะตา เธอทำงานหนักแทบตายเพื่อหนีจากความจน แต่สุดท้ายสวรรค์กลับส่งเธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างเด็กน้อยที่กำลังจะตายเพราะความจน

เสียงสะอื้นไห้แผ่วเบาของหลิวซูเฟินดังมาจากนอกห้อง

“ท่านแม่ได้โปรดเถอะค่ะ ช่วยลูกของข้าด้วย”

“ช่วยรึ เอาอะไรไปช่วย พวกแกสองคนก็มีปัญญาแค่นี้แหละ หาเงินก็ไม่เก่ง ยังจะมามีลูกสาวให้เป็นภาระอีก” ย่าจางตวาดกลับอย่างไม่ใยดี

“ข้าจะไปยืมเงิน ข้าจะไม่ยอมให้ลูกสาวของข้าตายเด็ดขาด” เสียงของหลินเจี้ยนกั๋วตะโกนขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะมีเสียงฝีเท้าวิ่งออกไปจากบ้าน

หลินเยว่หลับตาลงอีกครั้ง ความร้อนจากไข้ยังคงแผดเผา

แต่ที่หนาวเหน็บกว่าคือหัวใจของเธอ เธอรอดจากอุบัติเหตุรถชนเพียงเพื่อมาตายด้วยไข้หวัดธรรมดาๆ ในยุคที่ล้าหลังนี้อย่างนั้นหรือ