บท
ตั้งค่า

You are my destiny

พอกลับมาถึงห้องฉันก็วางซองที่เพิ่งได้มาลงบนโต๊ะกระจกและทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวโตนุ่มนิ่มเพื่อเอนกายพักผ่อน ฉันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูว่ามีข้อความอะไรจากใครที่น่าสนใจบ้างมั้ย เมื่อไม่มีอะไรน่าสนใจฉันจังวางมันลงแล้วหลับตาพักสายตาจนเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็จะค่ำแล้ว ในขณะที่กำลังเดินไปที่ตู้เย็นสายตาก็ไปสะดุดกับซองมที่วางอยู่ความอยากรู้อยากเห็นจึงเริ่มทำงานฉันเลยหยิบซองนั้นขึ้นมาแล้วเปิดดูขณะเดินไปที่ตู้เย็น ‘ขอเรียนเชิญคุณหนูไอย์ สุดแสนจะพรรณนา ร่วมงานวันเกิด คืนวันที่สี่ตุลาคม ณ บ้านถนอมทรัพย์ ลงชื่อ ปรเมธ’ ฉันได้รับการ์ดเชิญจากคุณชายกระกูลใหญ่อย่างคุณปรเมธ ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของเขามาบ้าง เขาเป็นนักจัดปาร์ตี้รักงานสังสรรค์และที่สำคัญได้ยินมาว่าเขาหล่อรวยมากด้วย ว่าแล้วโทรไปเม้ากับยัยมิวนิคซักหน่อยดีกว่า

“ฮัลโหล” ปลายสายรับแล้วพูดเบา ๆ

“เป็นไรทำไมพูดเสียงเบาจังเลยย่ะ” ฉันถามและหรี่ตาลงด้วยความมีพิรุธของยัยมิวนิค

“อยู่กับกิ๊ก”

“อี๋! กิ๊กคนไหน”

“คนที่แซ่บที่สุดที่เคยเจอ”

“อุบาทว์มาก รับไม่ได้สุด ๆ”

“เออน่า แล้วนี่แกโทรมามีอะไร”

“ฉันได้รับการ์ดเชิญไปงานวันเกิดของนายปรเมธไรนั่น”

“ฉันก็ได้เหมือนกัน”

“อ้าวเหรอ ฉันว่าจะไปตัดชุดร้านแกอะ”

“ได้สิเขามาเมื่อไหร่ละ”

“พรุ่งนี้เลย งานมันจะวันที่สี่แล้วนะฉันต้องรีบเดี๋ยวไม่ทัน นี่จะสั่งชุดมาจากแพรีส (ปารีส) ก็กลัวจะส่งมาไม่ทัน”

“เออ ๆ เข้ามา”

“โอเคงั้นแค่นี้ละ ฉันไปหา inspiration สำหรับชุดที่จะตัดดีกว่า บัยส์” ฉันกดวางโทรศัพท์แล้วหยิบไอแพดขึ้นมาจิ้ม ๆ ดูตัวอย่างของชุดที่ฉันจะสั่งตัดเพื่อใส่ไปงานวันที่สี่นี้ ฉันนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงหนานุ่มอย่างสบายอารมณ์และสนุกกับการเลือกสรรชุดงาม ๆ ฉันจะต้องเลิศสุดในงานขอบอก

และแล้วก็มาถึงวันรุ่งขึ้นฉันรีบขับรถออกมาที่ร้านยัยมิวนิคเพื่อตัดชุด ชุดที่ฉันคิดเอาไว้เป็นชุดง่าย ๆ เดรสสั้นสายเดียวเส้นเล็ก ๆ ข้างหลังมีเชือกไขว่กันไปมา สีดำเข้ารูปเนื้อผ้าอย่างดีจากอิตาลีของฉันที่มีอยู่ในคลัง พร้อมกับขนเฟอร์สีทองขนนุ่มนิ่มที่ยังไม่เคยเอาออกมาใช่ที่ไหนมาก่อน

“เอาตามนี้นะมิวนิค เซ็กซี่ไฮโซ ไม่ใช่แบ๊วหวานนะ โอเคปะ” ฉันย้ำกับมิวนิคและพี่ไทรงามอย่างต้องการเอาคำตอบยืนยัน

“ได้แน่นอน” มิวนิคยืนยัน

“แล้วไหนชุดแก” ฉันถามยัยนั้นเพราะอยากเห็นชุดที่เพื่อนเตรียม ว่าแล้วมิวนิคก็ไปหยิบแบบมาให้ฉันดูมันเป็นเดรสสั้นสีทองพร้อมกับผ้าคลุมสีทองเข้ากับชุด โอ้มายก็อด ไม่คิดว่าสาวหวานแบบนี้จะมีรสนิยมการเลือกเสื้อผ้าที่หรูหราไฮโซกับเขาเหมือนกัน

“คืนวันงานฉันไปรถแกได้ปะไม่อยากขับเองตอนกลางคืนอ่ะรู้สึกเพลียตามากช่วงนี้” ฉันพูดขึ้นพอนึกได้ว่านี่คืออีกเรื่องที่ฉันอยากจะพูดกับนาง

“แต่ฉันไปกับกิ๊กนะ...”

“ไปกับกิ๊กแล้วเอาฉันติดรถไปด้วยไม่ได้เหรอไง”

“ไอได้อะมันได้อยู่แล้ว แต่กลัวแกจะอึดอัดใจ”

“ฉันยอมอึดอัดใจในคืนนั้น”

“ก็ตามใจแก”

และแล้วก็มาถึงคืนวันงานที่ทุกคนเฝ้ารอคอย ฉันนัดมิวนิคให้มาแต่งตัวแต่งหน้าที่ห้องฉันเพราะฉันอยากให้นางช่วยทำผมให้นิดหน่อยส่วนฉันก็จะช่วยนางแต่งหน้า ชุดที่ไปสั่งตัดร้านมิวนิคทำออกมาได้น่าพอใจเป็นที่สุดฉันใส่แล้วเข้ากับตัวและดูสวยเป๊ะปังอลังเวอร์มาก ส่วนชุดของมิวนิคก็งดงามเหมือนมาดามเฮงมาเองไม่มีผิด วันนี้ฉันเลือกรองเท้าเป็นรองเท้าแก้วที่มองเห็นเท้าสวย ๆ และเล็บที่สมบูรณ์แบบเท่าที่หญิงสาวคนหนึ่งจะมีได้ พอถึงเวลานัดหมายตอนหกโมงเย็นรถมาเซราติสีขาวก็มาเทียบที่หน้าประตูโถงของคอนโด คนขับก็คือกิ๊กของยัยมิวนิคนั่นแหละหมอนี่ก็เป็นไฮโซที่ก่อรากสร้างตัวเองมาตั้งแต่วัยรุ่นได้ยินมาว่าเคยขึ้นนิตยสารดาวล้านดวงในคอลัมน์หนุ่มผู้ประสบความสำเร็จด้วยนะ

เมื่อมาถึงงานยัยมิวนิคก็เดินควงกับผู้ชายของนางเข้างานแล้วทิ้งเพื่อนอย่างฉันให้ฉายเดี่ยวตามลำพัง พร้อมหอบของขวัญกล่องใหญ่เดินตรงเข้าไปที่งาน เมื่อทุกคนเห็นฉันถือของพะรุงพะรังก็มีคนส่งพนักงานที่โต๊ะวางของขวัญว่าช่วยฉันถือไปวางแล้วพาฉันไปเขียนคำอวยพรในสมุดเล่มใหญ่บนโต๊ะผ้ากำมะหยี่ที่ประดับด้วยลูกโป่งสีเงินทองและบรรดาของขวัญมากมายก่ายกอง เมื่อเขียนเสร็จฉันก็แทรกตัวออกมาจากดงผู้ดีเพราะรู้สึกอึดอัดมาก ๆ ในงานมีแต่คนดังทั้งนั้นแล้วฉันจะตัวเองไปยืนตรงไหนดีละเนี่ย

“น้องไอย์สวัสดีค่ะ”

“เอ่อ... สวัสดีค่ะ” อยู่ ๆ ก็มีผู้หญิงที่ดูท่าจะโตกว่าฉันซักสิบปีเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม ฉันเลยยกมือไหว้สวัสดีแล้วส่งยิ้มให้เขาไป ว่าแต่ว่าเขาเป็นใครละเนี่ย

“คุณพ่อคุณแม่สบายดีนะคะ”

“สบายดีค่ะ”

“ฝากความคิดถึงไปให้ท่านด้วยนะ”

“ได้ค่ะแล้วจะบอกให้” ฉันตอบรับแล้วยิ้ม

“ไฮ ไอยส์” แล้วก็มีเสียงทักอีกเสียงดังขึ้นแต่เสียงนี้ฉันรู้ดีว่าคือใคร ยัยซูซี่เพื่อนรักของยัยบันไดเขานั่นเอง ทำว่าเพื่อนรักในที่นี้ไม่ได้แปลว่ารักนะอย่าเข้าใจผิด ซูซี่นางเป็นลูกครึ่งนอร์เวย์แต่ไม่ค่อยจะมีใครชอบนางเพราะจริตที่มากเกินพอดี

“ไฮส์” ฉันก็ตอบกลับไปแบบใส่สำเนียงขายขำ

“บันไดไม่มาด้วยเหรอ”

“ไม่มานางมีไฟล์ท”

“ว๊าย เหนื่อยแย่เลยเนอะ” ซูซี่ยักไหล่แล้วพูดออกมาสีหน้าดูร่าเริง

“อือ” ฉันตอบนางไปแบบส่งๆ ก่อนจะเดินหนีออกมาหามุมสงบนั่งจิบค็อกเทลอ่อนๆ

“สวัสดีครับ” ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็มีเสียงผู้ชายกล่าวทักทายขึ้นข้างๆ ฉันเลยหันขึ้นไปมอง แล้วก็ต้องตกตลึง นี่มันนายปรเมธเจ้าของงานวันเกิดนี่นา ตายแล้วฉันกำลังทำท่าไม่เอ็นจอยกับงานของเขาเท่าไหร่อยู่พอดีด้วย ทำยังไงดีล่ะ

“สวัสดีค่ะ”

“มานั่งทำอะไรตรงนี้ครับคนสวย”

“เอ่อ... คือ ข้างในมันคนเยอะแล้วฉันตาลายค่ะเลยมานั่งพักตรงที่โล่งๆ สักหน่อย”

“เหมือนกันเลย”

“เอ๋...” ฉันส่งเสียงอย่างแปลกใจ นักสังสรรค์แบบเขาเนี่ยนะจะหลีกหนีจากคนพลุกพล่าน ไม่เมคเซ้นส์เอาเสียเลย

“บางทีการที่ต้องอยู่ในที่ๆ เราเป็นศูนย์กลางมากไป มันก็น่าเบื่อนะ” เขาพูดพร้อมกับวนไวน์แดงในแก้วไปมา ตาก็มองที่ไวน์นั้น “บางทีผมก็อยากจะหนีผู้คนออกไปอยู่กลางป่าเขาคนเดียวเหมือนกัน แต่เพราะชื่อเสียงและวงสังคมมันค้ำคออยู่”

“แต่คุณเองก็ชอบที่จะสังสรรค์ไม่ใช่เหรอคะ”

“ตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกอิ่มตัวแล้วล่ะ เข้าไปในงานมั้ยผมจะไปเป็นเพื่อนเองคุณจะได้ไม่รู้สึกเคว้งคว้าง คุณ...”

“ไอย์ค่ะ”

“ครับผมป็อปปี้นะ เชิญทางนี้ครับคุณไอย์”

“เรียกไอย์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”

“ครับไอย์เฉย ๆ”

“…” เดี๋ยวแม่จะมะเหงกให้

ป็อปปี้ยื่นมือมาจับมือฉันให้ไปคล้องที่แขนของเขาก่อนที่เขาจะพาฉันเดินเข้างาน และเมื่อพวกเราเข้ามาสายตาทั้งหมดก็จับจ้องที่เราสองคนเป็นตาเดียว ฉันได้ยินทั้งเสียงคนซุบซิบ เสียงชัตเตอร์รัวๆ และแสงแฟลชที่ทำเอาฉันตาพร่ามัว นี่มันอะไรกันเนี่ย

“อ้าว สวัสดีครับคุณลุง” ป็อปปี้เดินเข้าไปสวัสดีผู้ชายมีอายุคนหนึ่งและเมื่อฉันเห็นหน้าของชายคนนั้นก็ต้องตกใจ นั่นมันเจ้าสัวเจริญผู้กุมหุ้นกว่ายี่สิบเปอร์เซ็นของประเทศนี้ นี่เขาสนิทสนมกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ถ้าฉันได้ผู้ชายคนนี้ทุกคนคงจะอิจฉาน่าดู โฮ๊ะ ๆ ๆ “ขอตัวก่อนนะครับคุณลุง” เขาคุยกับเจ้าสัวพอหอมปากหอมคอก่อนที่จะเดินกลับออกมาหาฉันที่กำลังยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงกลางวง อึดอัดชะมัด ฮืออ

“เดี๋ยวเขาจะเปิดฟลอเต้นรำสนใจเต้นคู่ผมมั้ยไอย์”

“ฉันไม่ค่อยชอบเต้น...”

“ไม่ต้องกลัวแค่ก้าวไปตามสเต็ปของผมก็พอ” เขาพูดแล้วขยิบตาให้ฉันเป็นเชิงบอกว่า let’s do it ไม่ชอบเลยอะไรแบบนี้ ฮือ“ต่อไปจะเป็นการเปิดฟลอเต้นรำเชิญทุกท่านมารวมกันตรงกลางนี้เลยคร้าบบ” ดีเจประกาศอย่างสนุกสนานทุกคนที่ได้ยินต่างตื่นเต้นและพากันมายังแด๊นฟลอร์ยกเว้นฉันที่พยายามจะหนีแต่หนีไม่ได้เฉยเลย ฮืออ

“ป็อปปี้คะ เต้นด้วยกันนะ” หญิงสาวรองพื้นหนาเตอะ ขนตางอนนึกว่ากันสาดเข้ามาชวนป็อปปี้เต้นกับเธอ

“คงไม่ได้หรอกครับคนสวย” เขาส่งยิ้มหวานให้เธอคนนั้นแล้วปรายตามาที่ฉัน

“ป็อปปี้มาเต้นกับฉันซะ” หญิงสาวอีกคนเดินเขามาทำท่าทางเอาเรื่อง เธอพูดกับป็อปปี้แต่มองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่พอใจ เธอคนนี้หน้าตาดูสวยงามน่ามองแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าหล่อนคงศัลยกรรมมาอย่างโชกโชน

“น่าเสียดายนะคนสวยแต่วันนี้ฉันเต้นกับเธอไม่ได้จริง ๆ”

“เอ่อ... ไปเต้นกับเขาเถอะนะคะ” ฉันพูดขึ้นเบา ๆ แต่เขากลับทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจคำพูดของฉันแล้วลากฉันผ่านบรรดาสาว ๆ จำนวนมากแต่เขาก็ไม่สนใจ และแล้วเราก็ขึ้นมาอยู่ตรงกลางฟลอร์ที่ทุกคนสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไฟเริ่มหรี่ลงจนเหลือแค่แสงสลัว เขาดึงฉันเข้าไปแนบชิดแล้วโยกย้ายเต้นรำช้าๆ

“ทำไมถึงไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเลย ได้ยินแค่ว่าคนชื่อไอย์สวย น่า...รัก”

“ได้ยินมาจากไหนคะนั่น”

“ใครๆ เขาก็บอกกันแบบนั้น”

“พูดกันเกินไปแล้วนะคะเนี่ย”

“ไม่เกินไปหรอก” เขาเอาหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิมก่อนจะก้มมากระซิบที่ข้างหูฉันแล้วเลื่อนลงมาถึงซอกคอ ใกล้มากจนฉันสัมผัสลมหายใจของเขาที่กำลังรดต้นคอของฉันได้ “เขาพูดถูกทุกอย่าง คุณหนูไอย์สวยสมคำล่ำลือ”

“เอ่อ... ฉันว่าฉันลงไปหาน้ำดื่มก่อนดีกว่า” ฉันสัมผัสได้ถึงรังสีความอันตรายที่แผ่ซ่านออกมาจากผู้ชายคนนี้เลยรีบขอตัวออกมาจากตรงนั้นแต่เหมือนว่าฉันจะสลัดเขาไม่หลุดเพราะหลังจากขอแยกตัวเขาก็ยังคงเดินตามฉันมาดีนะที่มีคนรู้จักของเขาเข้ามาทักทายเสียก่อน แววตาและท่าทางของเขาตอนนี้มันเหมือนกับเสือที่กำลังหิวกระหายส่วนฉันก็คือกวางน้อยที่ต้องตกเป็นเหยื่ออย่างแน่นอน ทำยังไงดีละยัยไอย์ ฉันทำเป็นเดินวนไปมาหาเครื่องดื่มที่น่าพึงพอใจเพื่อดูทีท่าของเขาและถ่วงเวลาเอาไว้ก่อน ใครก็ได้พาฉันออกไปจากสถานการณ์ที่น่ากลัวนี้ทีเถอะ ฉันได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel