บทย่อ
ฉันบังเอิญไปเจอกับผู้ชายคนหนึ่งในผับแล้วก็เหมือนโลกจะกลมเสียด้วยสิเพราะเขาดันทำท่าเหมือนกับรู้จักฉันมานานแต่เหตุไฉนฉันถึงจำเขาไม่ได้เลยละเนี่ย ครั้งแรกที่เจอกันฉันไม่ชอบเขาเลยสักนิด แต่เหมือนฟ้าดินเกลียดชังกลั่นแกล้งฉันอย่างหนักเพราะหลังจากนั้นโลกก็เหวี่ยงฉันกับเขาให้ต้องเจอกันบ่อยในฐานะสถาปนิกที่รับผิดชอบการออกแบบต่อเติมร้านของฉัน! ฉันจะรับมือกับพ่อหนุ่มแสนอ่อนโยนแบบนี้ได้ยังไงกัน หัวใจดวงน้อยของฉันทำไมรู้สึกแปลกไปจากตอนแรกนะ แต่มันก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้สวยเพราะยังมีอุปสรรค์มากมายรอให้ฉันต้องฝ่าฟันไปเพื่อจะได้ครอบครองของล้ำค่าที่ฉันตามหามาทั้งชีวิต
บทนำ
00.39 น.
บิช นานึน โซโล ♫♪
เสียงเพลงเกาหลีดังกระหึ่มไปทั่ว ‘อินชอนโด’ หรือก็คือผับสีนีออนสไตล์กรุงโซลประเทศเกาหลีใต้อันโด่งดังที่ทุกๆ คนรู้จักกันดี ที่นี่เป็นแหล่งรวมตัวของเหล่าวัยรุ่นและผู้ที่มีหัวใจรักความเป็นเกาหลีไม่ว่าจะเป็นสื่อบันเทิง เพลง ดารา นักร้องหรือซีรีย์เกาหลีก็ดี ส่วนพวกดีเจที่นี่ก็แซบไม่เป็นสองรองใครเลยละขอบอก จนถึงขนาดทำให้คนที่แม้กระทั่งไม่มีความเป็นเกาหลีอยู่ในหัวใจก็ยังมานั่งกันให้เห็นได้เต็มไปหมดเพราะมาดูหนุ่มฮ็อตสาวฮ็อตของที่นี่และที่สำคัญอินชอนโดยังเป็นที่ร่ำลือเรื่องความแซบในทุกอณูขุมขนของแขกที่มาด้วยเช่นกัน ยิ่งวันนี้คนที่มาดูคึกคักเป็นพิเศษเพราะมีดีเจหนุ่มสุดฮ็อตที่ถูกส่งตัวมาจากเกาหลีใต้โดยตรงอย่าง ‘ลี ฮยองจุน’ อยู่ในผับด้วย
“ลี ฮยองจุน ลี ฮยองจุน” เสียงตะโกนแบบอังกอร์ของเหล่าบรรดาแฟนคลับที่ขับขานชื่อของดีเจหนุ่มอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับชูป้ายไฟและแท่งไฟต่างๆ ที่เป็นชื่อของเขาเป็นจังหวะสวยงามและพร้อมเพรียงกัน
“เรารักคุณณณณ ลี ฮยองจุนนนนน”
“กรี๊ดดด” แล้วก็มีเสียงโห่ร้องแบบนี้ขึ้นมาเป็นจังหวะ
“แก ลี ฮยองจุนอะไรนี่คือใคร ดังมากเลยเหรอ” ‘บันได’ สาวร่างบางเฉียบเพียงหนึ่งมิลลิเมตรเอาหน้าเข้ามาใกล้เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆ แบบสงสัยใคร่รู้
“ฉันก็ไม่รู้จัก...” เพื่อนสาวปากแดงที่มีชื่อว่า ‘ไอย์’ ตอบกลับไปแบบงงๆ เหมือนกัน “แต่มิวนิคอาจจะรู้จักก็ได้นะ” แล้วต่อจากนั้นไอย์ก็โยนให้เพื่อนอีกคนตอบคำถามแทน
“ฉันก็ไม่รู้จัก... แต่เขาน่ารักดีนะ” มิวนิคสาวสายแบ๊วเจ้าแม่ของความแอ๊บแบ๊วพูดขึ้นแล้วยิ้มปริ่มด้วยความปราบปลื้มในความน่ารักของ ลี ฮยองจุน
“ทำไมแกถึงต้องชวนฉันมาที่นี่วันนี้ด้วยวุ่นวายจะตาย แล้วอีกอย่างฉันก็เกลียดเด็กด้วย!” บันไดพูดขึ้น ใช่อ่านไม่ผิดหรอกที่เธอบอกว่าเกลียดเด็ก(วัยแรกรุ่น) เพราะพวกเธอทั้งสามคนไม่ใช่สาววัยรุ่นแรกแย้มแล้ว แต่ละก็คนอายุปาไปเข้าไปเกือบจะเลขสามต้นๆ แล้วละ แล้วผับนี้ก็อนุญาตให้วัยรุ่นอายุตั้งแต่สิบแปดปีเข้าได้เพราะงั้นถึงได้มีแต่คนอายุไม่เกินยี่สิบต้นๆ มานั่งกันเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะวันนี้ที่มีดีเจขวัญใจสาวน้อยทั้งหลายมาปรากฏตัวด้วยแล้วละก็ พวกมีอายุเห็นจะไม่มีใครมาซักคน
“แต่ฉันว่าคนสองสามโต๊ะตรงนั้นก็ดูอายุไม่ธรรมดานะ” มิวนิคกระซิบแล้วมองไปที่โต๊ะหน้าบริเวณแด๊นซ์ฟลอร์
“ไหน” ไอย์พูดขึ้นแล้วหันไปมองแบบทันที
“เฮ้ยยย แกอย่าเพิ่งไปมองเขาสิ เขามองมาทางนี้อยู่พอดี” มิวนิคพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายแล้วก้มหน้าลงดื่มค็อกเทลสีชมพูแปร๋นแบบทำตัวไม่ถูก
“ก็ใครจะไปรู้ละว่าพวกเขาก็กำลังมองมาที่พวกเราอยู่เหมือนกัน...” ไอย์รีบหันหน้าไปทางอื่นเพราะดันไปสบตากับคนในโต๊ะนั้นเข้าอย่างจัง “โอ้ย เสียฟอร์มหมดเลยฉัน” เธอบ่นกับตัวเองเบาๆ
“เขายังมองมาอยู่เลย” บันไดพูดขึ้นเบาๆ แบบปากไม่ขยับเพราะเดี๋ยวเขารู้ว่าเรานินทา
“อ่าาา ออกไปเต้นกันดีกว่า!” แล้วจู่ๆ มิวนิคก็พรวดพราดลุกขึ้นพร้อมกับดึงแขนเพื่อนสาวทั้งสองคนให้ลุกตาม
“ไม่ๆๆๆ ฉันไม่เต้น!” ไอย์ปฏิเสธอย่างเขินอาย แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะเธอโดนเพื่อนทั้งสองคนลากไปถึงแด๊นซ์ฟลอร์เรียบร้อย
“จะทำอะไรอะ ห๊ะ! ออกมาตรงนี้ยิ่งเป็นจุดสนใจเลยนะ!” ไอย์โวยวายอยู่ตรงกลางฟลอร์เต้นรำ
“เอาน่า อาจจะมีกว่าอยู่ที่โต๊ะแล้วทำตัวไม่ถูก” มิวนิคพูดขึ้น
“เห็นด้วยบวกหนึ่ง” บันไดเสริม
“หา! แล้วอีการที่ออกมาตรงกลางนี่มันดีกว่าตรงไหนไม่ทราบ คุณเพื่อนเอาสมองส่วนไหนมาคิดกันยะ” ไอย์ยืนกอดอกแล้วบ่นไม่เลิกรา ในขณะที่เพื่อนทั้งสองก็เต้นอย่างเมามันตามจังหวะเพลงเคป็อป
“คนออกมาเยอะแยะ ไม่เป็นจุดสนใจหรอก” มิวนิคพูดขณะใส่สเต็ปเท้าไฟ
“แต่ทำไม เขายังมองมาที่พวกเราอยู่เลย” แล้วอยู่ๆ บันก็พูดขึ้นทำให้เกิดความเงียบในวงของทั้งสามคน
“โฮลี่ชิท จีซัสไคร้ส ว้อทเดอะฟัคคค!!”
ตัดภาพมาที่พวกชายหนุ่มอีกโต๊ะที่กำลังมองจ้องไปยังเหล่าหญิงสาวโฉมงามไม่วางตา
“สนใจเหรอวะคาริส” หนุ่ม A ในกลุ่มพูดขึ้นเบาๆ ขณะที่สายตาจับจ้องไปยังสาวๆ ไม่เลิกรา
“อะไรเหรอ” คาริสชายหนุ่มผู้ที่ถูกถาม เอ่ยถามกลับ
“สาวโต๊ะนั้นไง เห็นมองไม่หยุดเลย” หนุ่ม A พูด
“เขาอายหมดแล้วมั้งไอครีส” หนุ่ม B พูดต่อแต่คราวนี้เขาเรียกเพื่อนด้วยชื่อเล่น
“ฮ่าๆๆ ใครก็ชอบมองของสวยๆ งามๆ แล้วอีกอย่างเรียกฉันว่า ‘ครีส’ ก็พอ” ครีสตอบกลับเพื่อนๆ ของเขาไปก่อนจะหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แล้วส่ายหัวเบา ๆ เหมือนกำลังคิดและเถียงอะไรกับตัวเอง
“พนันกันไหม ถ้าแกกล้าไปจีบใครซักคนในกลุ่มนั้นแกชนะ แต่ถ้าแกแพ้พนันแกต้องเลี้ยงทั้งร้าน” หนุ่ม A พูดขึ้นพร้อมยกแก้วเหล้าขึ้น
“แล้วถ้าฉันชนะละ” ครีสพูดขึ้น
“ฉันก็เลี้ยงทั้งร้านไง ฮ่าๆ”
“แค่ไปจีบก็พอใช่ไหม ไม่ติดก็ไม่เป็นอะไรเนอะ” ครีสพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย เพื่อนหนุ่มของเขานิ่งไปพักหนึ่งพรางคิดในใจจะไม่ติดได้ยังไงในเมื่อครีสก็ออกจะมีรูปร่างหน้าตาบวกกับคารมดีปานนี้เชียวนะ
“เออ ก็ได้... เห็นแก่ที่ปกติแกบ้าทำแต่งานไม่เห็นจะหลีสาวเหมือนกับใครเขา” หนุ่ม A ยอมข้อตกลงเพราะคิดว่าเพื่อนแค่พูดเล่นไม่มีทางจะทำอย่างที่ตัวเองเสนอจริงแน่นอน เพราะครีสไม่ใช่คนแบบนั้นอย่างมากก็หยอกเล่นพอขำๆ ในกลุ่มเพื่อน “เฮ้ย! ไอ้ครีสจะไปไหน” เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกลุกขึ้นจากเก้าอี้แบบไม่รีรอแล้วตรงปรี่เข้าไปยังสามสาวที่กำลังวิตกกังวลอย่างหนักเมื่อเห็นว่าใครคนหนึ่งในโต๊ะที่มองมาที่พวกเธอกำลังลุกเดินมาทางนี้

