นายอีกแล้ว!
ครืดด ครืดด ครืดด เสียงโทรศัพท์ที่สั่งอยู่บนโต๊ะหัวเตียงดังขึ้นถี่ ๆ จนทำให้ฉันที่กำลังนอนอืดหมดสภาพของสาวสวยตกใจลุกขึ้นมานั่งแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
“คุณสถาปนิก” ฉันอ่านชื่อที่ปรากฏขึ้นหน้าจอเบา ๆ แล้วกดรับ ยังงัวเงียอยู่เลย ฮืออ “สวัสดีค่ะ”
“เพิ่งตื่นเหรอครับผมรบกวนหรือป่าว” เสียงนุ่ม ๆ ปลายสายพูดขึ้น
“อ๋อ ไม่รบกวนค่ะเรื่องงานใช่มั้ยคะ”
“ใช่ครับ ผมอยากเอาแบบที่เสร็จสมบูรณ์ครั้งที่หนึ่งให้ดูก่อนเผื่ออยากจะปรับแก้ตรงไหน”
“เอ๋ นี่เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วันเองนะคะ คุณออกแบบเสร็จแล้วเหรอ” ฉันถามไปด้วยความแปลกใจ งานดีเทลก็ออกจะเยอะนะทำไมเขาทำงานรวดเร็วดีจังหรือว่าว่างมาก สงสัยจะไม่มีคนจ้างหมอนี่ออกแบบแน่ ๆ เลย แต่จากแบบร่างที่ฉันเห็นตอนแรกก็ถือว่าทำออกมาได้ใกล้เคียงกับที่ฉันคิดมากนะ ฉันก็ว่าเขาต้องเก่งพอสมควรแหละ
“ครับ เสร็จแล้วจริง ๆ”
“แล้วจะส่งเมล์มาใช่มั้ยคะ”
“คราวนี้ผมอยากไปให้ดูงานด้วยตัวเองเผื่อมีอะไรให้แก้ไข จะได้พูดกันให้เข้าใจได้ครับ”
“อ๋อ ได้ค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณไอย์สะดวกนัดที่ไหนดีครับ”
“วันนี้ฉันไม่มีความกระตือรือร้นจะออกไปไหนมาที่คอนโดฉันได้มั้ยคะ”
“พรูดดด” เอ๊ะ เสียงอะไรเหมือนคนสำลักน้ำเลยหรือฉันหูแว่วไปเอง
“เป็นอะไรหรือป่าวคะ”
“ป่าวครับผมแค่สำลักน้ำ” โก๊ะดีเหมือนกันนะคุณสถาปนิกนี่ “ให้ไปที่ ‘ห้อง’ คุณเหรอครับ” ทำไมคำว่าห้องเขาต้องใช้น้ำเสียงเน้นย้ำแบบนั้นย่ะ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ
“หมายถึงล็อบบี้คอนโดค่ะ ไม่ใช่ ‘ห้อง’ ของฉัน” ฉันเลยเน้นย้ำกลับไปทำให้เขารู้ว่าฉันไม่ได้มีเจตนาอะไรแฝง
“ครับผม สะดวกกี่โมงครับคอนโดอยู่แถวไหนชื่อว่าอะไร”
“สักสิบเอ็ดโมงแล้วกันนะคะ คอนโดฉันอยู่แถวเคาน์ซิลสตรีทซอยสาม คอนโดชื่อเดอะไฮพรีสเทรส”
“โอเคครับแล้วเจอกัน” พูดจบเขาก็กดวางสายไปส่วนฉันก็ตั้งนาฬิกาปลุกอีกทีตอนสิบโมงแล้วล้มตัวลงนอนต่อทันที
ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด ติ้ด เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังสนั่นแหละไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงถ้าฉันไม่ยอมกดปิดฉันจึงจำทนต้องลุกขึ้นมากดปิดมันแล้วบิ้วท์อารมณ์ตัวเองในการขยับร่างไปอาบน้ำ
ผ่านไปสามสิบนาทีฉันก็แต่งตัวเสร็จและเพราะวันนี้ไม่ได้คิดจะออกไปไหนฉันเลยไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากแค่ทาครีมบำรุงผิว กับแป้งบาง ๆ แล้วก็ทาปากสีส้มพีชนิดหน่อยเท่านั้น คนมันสวยอะถึงไม่แต่งก็สวย อิอิ ฉันหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาแค่สิบเอ็ดโมงครึ่งฉันเลยเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อเปิดหาอะไรรองท้องก่อนจะต้องลงไปนั่งคุยงาน แต่ยังดีนะที่ล็อบบี้คอนโดหรูหราแบบนี้มีร้านกาแฟและร้านอาหารเล็ก ๆ รวมถึงร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าคอนโดอยู่ด้วย หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาฝากท้องที่นี่ได้ตลอด เมื่อใกล้ ๆ จะสิบเอ็ดโมงฉันก็ลงมานั่งเล่นรอที่ล็อบบี้
“สวัสดีครับน้องไอย์สวรรค์” เสียงผู้ชายที่มีน้ำเสียงนุ่มนวลพูดขึ้นเบา ๆ ทำให้ฉันรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้านั้น
“นายอีกแล้ว!” ฉันเด้งตัวลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ทำไมเขามาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย
“ไม่มีนะ” อยู่ดี ๆ เขาก็พูดขึ้นมา
“ไม่มีอะไร...” ฉันถามกลับด้วยความงงงวย
“คนชื่อนายไง ไม่เห็นมีนะ มีแต่พี่คิสที่กำลังยืนอยู่นี่” เขาพูดแล้วส่งยิ้มหวานมาให้ฉัน
“อ๋อค่ะ” ฉันพูดเสร็จก็หย่อนก้นลงนั่งไขว่ห้างตรงที่เดิมพร้อมหยิบไอโฟนขึ้นมาเขี่ย ๆ เล่นแบบไม่ใส่ใจเขา แต่แล้วอยู่ ๆ เขาก็ทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ ฉัน ฉันเลยหันไปมอง
“ไอย์ไม่ว่างคุยเล่นด้วยหรอกนะคะ ไอย์รอคุยงานอยู่” ฉันพูดกับเขาแบบจงใจไล่อ้อม ๆ
“ครับผม พี่ก็จะมาคุยงานนี่ไง”
“ว่าไงนะ”
“พี่ก็เอางานมาส่งหนูนี่ไง” พูดจบเขาก็หยิบไอแพดของตัวเองขึ้นมาเปิดอะไรสักอย่างแล้วยืนมาให้ฉันดู ฉันมองหน้าเขาก่อนจะรับมาดู
“บ้าน่า!”
“อยากจะให้แก้ไขตรงไหนมั้ยครับคุณลูกค้า” เขาพูดแล้วอมยิ้มแบบคนที่สามารถกลั่นแกล้งใครได้สำเร็จ “หือ ไม่มีอะไรไม่ตรงตามที่ต้องการเลยเหรอครับ”
“หยุดล้อเล่นแล้วไปเอาสถาปนิกที่คุยงานกับไอย์มาได้แล้วนะ ไม่ตลกนะคะมันเสียเวลา”
“พี่ก็ไม่ได้ล้อเล่นอะไรนี่”
“…”
“ก็พี่นี่แหละ... คือสถาปนิกของเธอ”
“อ๋อ ปกติพี่ก็คงรับงานอะไรแบบนี้สินะคะ แบบที่ ‘เสือผู้หญิง’ เขาทำกัน แต่นี่มาในคราบของสถาปนิกด้วย”
“รับงานแบบนี้คืออะไรครับ”
“ก็พอเห็นสาว ๆ มาจ้างงานก็รีบรับแล้วลดราคาหนัก ๆ เพื่อล่อให้เหยื่อตายใจ แล้วก็รวบหัวรวบหาง”
“ความคิดสร้างสรรค์ดีจังครับ”
“บอกจุดประสงค์ของพี่มาเดี๋ยวนี้นะตั้งแต่วันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรก”
“หือ ครั้งแรกมันครั้งไหนละ”
“อย่ามาทำเป็นเฉไฉก็ในอินชอนโดไง”
“...”
“พี่เป็นใครคะ”
“พี่ก็เป็นสถาปนิกไง แล้วหนูก็จ้างงานพี่ เรื่องในผับก็แค่บังเอิญแค่นั้น อย่าคิดมากเลย” เขาพูดด้วยอารมณ์เย็นน้ำเสียงอ่อนโยนและรอยยิ้มอบอุ่นแต่ฉันแอบเห็นใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในแววตาคู่นั้น ทำไมฉันรู้สึกมันแฝงไปด้วยความเศร้าบางอย่างกันนะ ฉันก็คิดไปเอง
“แต่พี่รู้จักชื่อไอย์”
“ก็อย่างที่พี่เคยบอก ใคร ๆ ก็รู้จักคุณหนูไอย์สวรรค์” ผิดแล้ว เพราะเขาเรียกฉันแบบนั้นฉันยิ่งเลยมั่นใจว่าเขาไม่ใช่ใคร ๆ อย่างที่เขาอ้าง แต่ก็ช่างเถอะ ฉันจะสืบเองก็ได้เพราะถึงคาดคั้นไปเขาก็ไม่บอกอยู่ดี
“คุยงานกันดีกว่าค่ะ งานก็งาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนตัว”
“ครับผม” และแล้วเราก็เริ่มคุยงานแบบจริงจัง เขาวางตัวแบบโปรเฟสชั่นนอลมาก ๆ ไม่มีหลุดอะไรส่วนตัวมาเลยทำให้ฉันเชื่อไปชั่วขณะหนึ่งว่าเขาคือสถาปนิกที่ฉันจ้างมาทำงานและไม่เคยมาก่อกวนใจฉัน
“ตรงนี้ไอย์อยากได้แบบแนววิคตอเรียน แล้วก็ใส่สีพาสเทลไปตรงนี้เยอะ ๆ ค่ะ”
“แบบนี้นะครับ” ฉันอธิบายแบบที่ฉันต้องการให้เขาฟังเขาก็ใช้ปากกาขีด ๆ เขียน ๆ แก้ตามแล้วเอาให้ฉันดู เลิศไปเลย “แล้วโทนสีส่วนใหญ่จะเอาแบบไหนครับ”
“ไอย์มองไว้แบบสีพาสเทล โฮโลแกรม แล้วก็ขาวทอง มันจะสามารถรวมกันแบบลงตัวได้มั้ยคะ”
“เดี๋ยวพี่ขอลองคิดก่อนนะ แล้วส่งงานรอบสอบพี่จะเอาให้ดู”
“ขอบคุณมากค่ะ” เมื่อเราตกลงกันเรียบร้อยฉันก็เดินมาส่งเขาที่รถ เมื่อฉันเห็นรถของเขาก็พอจะรู้ได้ว่าเขาก็ไม่ธรรมดาเขาขับพอร์ช คาเยนน์ สีขาวมุกดูสวยงามภูมิฐาน แต่ตอนนี้รถสวย ๆ กลับถูกปกคลุมไปด้วยรอยฝุ่น
“ล้างรถบ้างนะคะ”
“ฮ่า ๆ ครับผม พี่ยังไม่มีเวลาเลยช่วงนี้งานเยอะ” พูดจบเขาก็เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งบนรถ ฉันแอบส่องเข้าไปมองภายในรถแอบเห็นมีหมวกนิรภัยสีขาวของสถาปนิกวางอยู่เบาะคนนั่งพร้อมกับกระดาษม้วน ๆ อะไรสองสามอัน
“รถพี่รกหน่อยขอโทษทีนะ ฮ่า ๆ”
“มาขอโทษไอย์ทำไมคะ”
“พี่กลัวมันจะไปรบกวนสายตาที่มองแต่สิ่งสวยงามของหนูไงคะ” พูดจาแปลกประหลาดจังผู้ชายคนนี้ ฉันได้แต่คิดในใจ จนเขาปิดประตูรถแล้วสตาร์ทเตรียมตัวขับออกไป ก่อนจะออกไปเขาลดกระจกลงทั้งบานแล้วหันมาโบกไม้โบกมือยิ้มร่าให้ฉันอย่างเป็นมิตร ฉันเลยปั้นหน้าทำยิ้มตอบไปแล้วเอามือขึ้นมาที่ระดับหน้าอกแล้วโบกเบา ๆ ให้เขา เมื่อฉันหันหลังกลับเพื่อเดินเข้าคอนโดความคิดต่าง ๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว นี่โลกมันกลมขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“คุณไอย์ค่ะ” มีเสียงเรียกฉันเอาไว้ตอนที่ฉันเดินผ่านหน้าฟร้อนต้อนรับฉันเลยหยุดเดินแล้วหันไปตามเสียงนั้น พนักงานต้อนรับของคอนโดวิ่งเอาซองบางอย่างมายื่นให้ฉัน ฉันมองซองสีดำด้านขลิบด้วยสีทองอันนั้นแบบงง ๆ ก่อนจะรับมาจากเธอคนนั้น “ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดขอบคุณแล้วยิ้มให้เธอก่อนจะสะบัดตูดเดินกลับขึ้นห้องของตัวเอง
