บท
ตั้งค่า

ชีวิตดีๆ ที่ไม่น่าจะมีนาย!

หลังจากกลับมาถึงห้องตอนตีสองกว่า ฉันที่สลบไปเพราะความเหนื่อยอ่อนก็หลับไปพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่ห้องของฉันเอง เรื่องนี้ให้เจ้าคุณพ่อเจ้าคุณแม่รู้ไม่ได้เด็ดขาดในสายตาพวกท่านฉันคือเด็กอนามัยและเรียบร้อยสุดๆ แหม แต่ฉันก็ไม่ใช่สาวนักท่องเที่ยวยามราตรีนะคะ ฉันเพิ่งไปมาเป็นครั้งที่สองเอง ปกติฉันไม่ไปเที่ยวที่ที่มีคนเยอะๆ หรอก มันอึดอัด แล้วยิ่งไปเจอเหตุการณ์แบบเมื่อคืนฉันยิ่งไม่อยากออกไปเที่ยวไหนอีกเลยเพราะระแวงว่าจะไปเจอใครที่เป็นคนที่รู้จักกับที่บ้านฉันแล้วเอาไปฟ้องพ่อแม่หรือป่าว...

“ตื่นๆๆๆ” พอฉันรู้สึกตัวก็หันไปเรียกเพื่อนที่กำลังนอนอืดกันอยู่แบบซากศพไม่มีผิด

“อื้อ” เสียงต่อต้านการโดนปลุกดังขึ้นเบาๆ

“ต้องไปเปิดร้านนะมิวนิค!”

“ขออีกห้านาที...” ใครๆ ก็รู้ว่าห้านาทีไม่เคยมีอยู่จริง

“ต้องลุกเดี๋ยวนี้!” ฉันกระชากแขนยัยมิวนิคหวังว่าจะยอมตื่นขึ้นมาแต่เปล่าเลยยัยนี่ไม่ยอมตื่นง่ายๆ

“อื้อออ”

“งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนสิบห้านาทีต้องตื่นนะ” พูดจบฉันก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเผื่อให้เวลายัยพวกนี้ได้นอนต่อ จริงๆ บันไดควรจะต้องอาบก่อนคนแรกเลยเพราะนางทำอะไรช้าที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งสามคน หลังจากสิบห้านาทีผ่านไปฉันก็เดินมาปลุกเพื่อนสาวที่ยังคงนอนหลับไร้สติและความงดงามอีกครั้ง คราวนี้ค่อยดีหน่อยที่ยัยมิวนิคตื่นแล้วก็เหลือแต่บันไดที่ฉันจะต้องปลุกกระชากตัวนางให้ฟื้นคืนสติ

“ตื่นนน”

“โอ๊ยยย รู้แล้ว”

หลังจากที่ทุกคนอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็ต่างคนต่างขับรถของตัวเองไปยังจุดนัดหมายนั่นก็คือร้านเสื้อผ้าของยัยมิวนิค ยัยมิวนิคเป็นดีไซเนอร์พ่วงด้วยตำแหน่งเจ้าของร้านเสื้อผ้าแบรนด์ BM SWEET สุดแสนจะน่ารักเนื่องจากยัยนี่เป็นสาวหวานประเภทไม่รู้จักโต เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของนางก็จะเป็นประเภทสีสันสดใสน่ารักสมกับเป็นวัยสาวสะพรั่ง และไม่นานนักพวกเราก็มาถึงยังที่หมาย วันนี้บนท้อถนนรถไม่ค่อยติดเลยขับมาได้อย่างสบายๆ

“มีเสื้อผ้าอะไรมาใหม่บ้างมั้ยเนี่ย แต่เอาแบบที่เรียบหรูดูดีสไตล์ฉันนะ” ฉันถามมิวนิคในขณะที่เดินสายตาก็สอดส่องเสื้อผ้าไปทั่วร้านของนาง

“ไม่มีสไตล์แบบที่แกชอบหรอก มีแต่แบบน่ารักๆ แบบฉันเนี่ย” บันไดตอบแทนพร้อมยกเดรสสั้นสีชมพูประดับด้วยลูกไม้แบบน่ารักๆ ให้ฉันดู เมื่อฉันเห็นฉันก็พยักหน้าให้บันไดเป็นเชิงว่า ฉันก็คิดว่างั้น

“นี่พวกเธอ ทางนั้นน่ะมันมีเจ้าของหมดแล้ว ถ้าอยากจะได้ละก็ต้องมาดูฝั่งนี้นะยะ” มิวนิคที่เห็นฉันกับบันไดเดินจับเสื้อผ้าแบบมั่วซั่วไปทั่วร้านพูดขึ้นแล้วชี้ไปอีกทางหนึ่งทันที พอมองไปทางนั้นจะเป็นตู้โชว์และมีราวที่แขวนเสื้อผ้าที่มองเข้าไปก็รู้เลยว่าสีสันต้องฉูดฉาดมากแน่ๆ ที่จริงแล้วฉันไม่ได้ไม่ชอบเสื้อผ้าสไตล์หวานๆ หรอกนะ ฉันน่ะชอบมากโดยเฉพาะพวกสีพาสเทลน่ะ แต่ยัยมิวนิคนางดันเป็นคนบุคลิกชัดเจนว่าเป็นสาวหวานที่แต่งตัวน่ารัก ฉันเองก็ต้องสร้างคาแร็คเตอร์ของตัวเองและดั้นนน สีที่เหมาะกับฉันดันเป็นสีโทนที่ส่งเสริมให้ดูเป็นผู้ดีซะด้วย ฉันเลยต้อง keep look แบบนั้น แต่เอาเข้าจริงเสื้อผ้าสีสันฉันก็มีเต็มตู้ไปหมดนั่นแหละ

“ขายดีจังนะ” ฉันพูดแซวยัยมิวนิค “แถวนี้มีร้านกาแฟน่านั่งบ้างมั้ย” ฉันเอ่ยถามเพื่อนๆ เพราะอยู่ที่นี่แล้วเบื่อๆ อยากจะออกไปเติมความหวานให้ร่างกายเสียหน่อยจะได้สดชื่น

“อยากไปด้วย” บันไดพูดขึ้นแบบทันควัน

“ก็มีนะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่หรอก ซอยถัดไปนี่ละเข้าไปประมาณสามร้อยเมตรชื่อร้านมัทฉะเลิฟเวอร์” มิวนิคตอบในขณะที่กำลังจัดการร้าน

“ฉันไม่ชอบมัทฉะ” ฉันตอบกลับไป

“มันไม่ได้มีแค่มัทฉะไอบ้า” มิวนิคตอบกลับมาทันที

“มีอะไรก็ช่างฉันไปด้วย” บันไดพูดแทรก

จากนั้นฉันกับบันไดก็ขับรถกันออกมาตามหาร้านกาแฟที่ยัยมิวนิคว่า ไม่นานนักก็เจอร้านเป้าหมายฉันกับบันไดถึงกับมองหน้ากันเมื่อเห็นร้านสมกับชื่อมัทฉะเลิฟเวอร์จริงๆ ร้านแต่งสไตล์สีเขียวดูร่มเย็น มีแมกไม้นานาชนิดพร้อมกับศาลาเล็ก ๆ สีขาวกลางป่าให้เอาไว้ถ่ายรูปให้ดูราวกับอยู่ในโลกของเทพนิยายคลาสสิก ทางเดินเข้าไปมีป้ายที่ดูน่าสนใจทั้งเป็นเกร็ดความรู้เรื่องชากาแฟ และคำคมต่างๆ หรือแม้แต่ข้อความแปลกๆ ที่ยากจะเข้าใจได้

“งง...” ฉันยืนอ่านป้ายแล้วพูดขึ้นเบาๆ

“งงเหมือนกัน...” บันไดที่กำลังยืนอ่านป้ายอีกอันก็พูดขึ้นแบบเดียวกับฉัน แล้วเราสองคนก็มองหน้ากัน ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปในร้าน ข้างในร้านบรรยากาศดูดีเข้ามาแล้วจะได้กลิ่นหอมของชากาแฟที่ผสมกันลงตัวทำให้จิตใจสงบ แล้วก็ยังมีมุมนั่งทำงานแบบส่วนตัวหลากหลายมุม วันนี้เป็นวันเสาร์ลูกค้าในร้านค่อนข้างจะเยอะแต่ส่วนมากก็เป็นคนทำงานทั้งนั้นเพราะบรรยากาศเงียบๆ ส่วนตัวเลยมีคนมานั่งทำงานกันเยอะ

“เอามัทฉะลาเต้เย็นค่ะ...” บันไดสั่งแบบไม่รีรอใคร

“แกชอบมัทฉะเหรอ...” ฉันหันควับไปถามทันทีเพราะปกติเห็นนางชอบสั่งชาเย็นอะไรทำนองนั้นมากกว่า

“ก็มัทฉะเขาน่าจะดัง ดูเอาจากชื่อร้าน”

“อ๋อ...”

“แล้วแกจะเอาอะไร”

“นั่นสิ” ฉันจ้องมองที่เมนูอยู่นานสองนานเพราะไม่มีอะไรที่ฉันชอบดื่มเป็นพิเศษเลยตัดสินใจยาก

“มัทฉะที่นี่อร่อยนะครับ หอม หวาน ต่างจากที่อื่น” อยู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายพูดขึ้นกับฉัน เมื่อฉันหันไปมองก็พบกับผู้ชายร่างสูงและสมส่วนมีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ลอยเข้ามาเตะจมูกฉัน

“นายอีกแล้ว!” นายคนนี้คือคนที่ฉันเจอที่ผับเมื่อคืน ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ละ

“พอดีว่าไอย์ ‘ไม่ชอบ’ มัทฉะเอามากๆ”

“ลองเปิดใจดูสิครับ มัทฉะที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นนะ”

“เอ๊ะ! ก็ฉันไม่ชอบมัทฉะนี่”

“โอเค งั้นลองสั่งเป็นโรสลาเต้ดูมั้ยละ สีชมพูกลิ่นหอมหวานน่าจะเหมาะกับสาวสวยๆ แบบหนู” หนูเหรอ หนูไหน ทำไมถึงมาเรียกฉันแบบนั้นแบบไม่รู้สึกกระดากปากเลยแม้แต่น้อย

“อันนี้ดูน่าสนสนใจกว่าเยอะเลยค่ะ” ฉันสะบัดหน้ากลับมาทางเคาน์เตอร์ทันทีแบบไม่ยอมรับว่าเขาเป็นคนแนะนำ “เอาโรสลาเต้เย็นค่ะ” ฉันสั่งแบบคล่องแคล่วประหนึ่งว่าเป็นเมนูที่เตรียมตัวมาเพื่อดื่มโดยเฉพาะ

“เชิญนั่งรอสักครู่นะคะคุณลูกค้า นี่ค่ะ” พนักงานพูดพร้อมหน้าตายิ้มแย้มแล้วยื่นตัวเรียกคิวอัตโนมัติมาให้ฉัน ฉันกับบันไดเดินดูบรรยากาศรอบๆ ร้าน เพื่อตัดสินใจว่าจะนั่งโซนไหนดี และแล้วฉันก็ไปสะดุดตากับโซนที่เป็นโซฟาหนังสีขาวที่ดูเรียบหรูไฮโซพร้อมกับดอกกุหลาบหลากสีที่ประดับตกแต่ง

“โซนนี้คือโซนโรสรีย์ครับ เราจะตกแต่งแบบวิคตอเรียน”

“แล้วทำไมพี่ยังตามพวกเรามาอยู่”

“พี่เห็นพวกเราดูสนใจแล้วพี่ก็มาที่นี่บ่อยพอจะให้ความรู้พวกเราได้”

“...” บันไดเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไร นางเดาอารมณ์ฉันออกว่าฉันกำลังไม่พอใจอย่างมาก

“ค่ะ” ฉันตอบกลับไปสั้นๆ แล้วหย่อนตัวลงบนโซฟาสีขาวที่มีหมอนอิงสีสันสดใสวางอยู่ ปิ้ป ๆๆ

“เครื่องดังแล้วนะครับเดี๋ยวพี่ไปเอามาให้ เชิญสาวๆ นั่งชมความงามของสวนหย่อมไปพรางๆ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาเอง” ฉันรีบลุกขึ้นแล้วดึงเครื่องเรียกคิวคืน แต่เขาไม่ยอมปล่อยมันกลับดึงกลับไปจนสูงทำให้ฉันไม่สามารถหยิบมันถึง

“เอาน่าถือซะว่าเป็นเซอร์วิส” เขายิ้มให้ฉันก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางเคาน์เตอร์

“คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของร้านหรือยังไงกัน” ฉันบ่นพึมพำแล้วนั่งลงที่เดิมมือก็จิ้มกดโทรศัพท์ยิกๆ เพื่อพิมพ์บ่นไปหายัยมิวนิคว่าร้านที่แนะนำดีมากนะแต่เจอคนที่ไม่อยากเจอ บลา บลา

“มาแล้วครับสาวๆ ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและบรรยากาศเต็มที่นะครับ”

“ขอบคุณค่า” ยัยบันไดทำลายบรรยากาศมาคุที่ฉันสร้างขึ้นด้วยการกล่าวขอบคุณเขาไปแล้วยิ้มให้หนึ่งที

ติ้ด ติ้ด ติ้ด เสียงโทรศัพท์ของใครบางคนดังขึ้นแต่ ไม่ใช่ของฉันนะ ฉันมองไปที่บันไดนางก็ส่ายหัวเป็นเชิงว่าไม่ใช่ของนาง งั้นก็คงของเขานั้นละ ฉันหยิบโรสลาเต้และมัทฉะลาเต้ขึ้นมาจัดวางให้สวยงามพร้อมถ่ายรูปลงโซเชียลแบบไม่ใส่ใจอะไรกับเสียงโทรศัพท์นั้น

“สวัสดีครับ อ๋อ... ได้ครับผม” เสียงคุยโทรศัพท์เงียบไป แต่ร่างสูงก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมฉันแปลกใจเลยมองขึ้นไปก็เห็นเขายังมองมาที่ฉันอยู่

“ลองชิมสิ” เขาบอก ฉันทำหน้าตาแบบสงสัยใส่เขาไปแต่ก็หยิบขึ้นมาดื่มอย่างว่าง่ายซะงั้น... “เป็นยังไงบ้าง อร่อยมั้ย” เขามองแล้วถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“ก็ดี... ค่ะ” ฉันตอบกลับไปแบบเสียงเรียบเฉยไร้ความรู้สึกใดๆ แต่ในใจกำลังกรี๊ดสนั่นทำไมมันช่างหอมหวานอร่อยถึงขนาดนี้ฉันปลื้มมากๆ เลย แต่ต้องเก๊กวางฟอร์มไว้ไม่ยอมรับง่ายๆ หรอกว่าเมนูที่เขาแนะนำให้มันถูกใจฉันมากขนาดไหน

“ค่ะ อร่อยมากๆ ก็ดีแล้ว” เขาตอบรับด้วยเสียงนุ่มแล้วยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน ก่อนจะขอตัวออกไป เอ๊ะ แต่เมื่อกี๊ฉันบอกแค่ว่าก็ดีนะไม่ใช่อร่อยมากๆ เข้าต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ

เรานั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศเลิศๆ อยู่สักพัก พอเครื่องดื่มหมดฉันกับบันไดก็เดินเอาบิลไปที่แคชเชียร์เพื่อจ่ายค่าเสียหาย เมื่อยื่นบิลไปให้ก็ต้องแปลกใจ

“ชำระไปเรียบร้อยแล้วนะคะ”

“ผิดออเดอร์หรือป่าวคะ” ฉันถามย้ำ

“ไม่ผิดค่ะคุณครีสจัดการให้เรียบร้อยแล้วก่อนออกไปเมื่อกี้”

“ห้ะ!” ฉันร้องห้ะออกมาเสียงดังอย่างแปลกใจ นี่คงมาบ่อยจนพนักงานจำชื่อได้เลยสินะเนี่ย แต่นั่นมันไม่ใช่เรื่องที่ควรสงสัยเป็นเรื่องแรกอีกแล้วนะยัยไอย์

“ยัยนั่นเป็นอะไรบันไดทำไมดูท่าทางอารมณ์ไม่ดีแบบนั้น” มิวนิคที่เห็นฉันเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาในร้านอดสงสัยถามไม่ได้

“ก็พี่คนนั้นอะดิคนเมื่อคืนอะ”

“ที่เจอในผับเหรอ”

“ใช่”

“ทำไมอีกละ” มิวนิคถามด้วยความสงสัย

“ก็ร้านกาแฟที่แกแนะนำนั่นแหละ ฉันไปเจอเขาที่นั่นแล้วยังมาทำตัวสนิทสนมกับฉันแถมยังมาจ่ายเงินแทนด้วยนะ” ฉันเล่าให้ฟังด้วยอารมณ์กรุ่นๆ

“ก็ไม่เห็นจะแย่อะไรเลย ดีเสียด้วยซ้ำ” มิวนิคพูด

“ฉันก็คิดแบบนั้น” บันไดเสริม

“แต่มันไม่ดีสำหรับฉัน ถ้าเขาเกิดเป็นคนรู้จักพ่อแม่ฉันแล้วมาตีสนิทฉันได้แล้วไปฟ้องพ่อแม่ฉันจะว่าไง”

“อ๋อ ที่เครียดเรื่องนี้เองเหรอ” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน

“ก็ใช่ แต่อีกเรื่องก็คือฉันอยากจะรู้ว่าเขาเป็นใคร เขาทำตัวเหมือนกับว่ารู้จักฉันนะพวกแก”

“คุณหนูไอย์ใครๆ ก็รู้จัก” มิวนิคพูด

“ใคร ๆ ที่ไหนละ ถ้าจะพูดไป แทบไม่มีใครรู้จักฉันด้วยซ้ำยิ่งชื่อจริงไม่มีทาง ถ้าจะมีใครรู้จักฉันก็รู้จักว่าเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่ ไม่มีใครรู้จักฉันเป็นการส่วนตัวเว้นพวกแก เข้าใจมั้ย”

“เขาอาจจะเป็นแค่หนึ่งในบรรดากิ๊กกั๊กของแกก็ได้นะ ลองนึกดีๆ” มิวนิคพูดขึ้น

“บ้าเหรอ ฉันไม่เห็นจะจำได้ถ้าเขาใช่จริง ๆ ฉันต้องจำได้สิ”

“ก็ไม่รู้สินะ...” มิวนิคพูดก่อนจะเดินไปจัดเสื้อผ้าที่มีคนสั่งเอาไว้ใส่ถุงอย่างบรรจง

“แต่ฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าเขาคือใครกันแน่”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel