บท
ตั้งค่า

ฉันกำลังโดนจู่โจม

ให้ตายสิ! ไม่คิดว่าการเผลอไผไปสบตากับผู้ชายในร้านเหล้าอันแสนจะฟรุ้งฟริ้งแห่งนี้จะเป็นจุดจบของสาวสวยสายนางงามอย่างฉัน ไอย์สวรรค์ คนนี้ต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสแน่นอนเพราะฉันเห็นผู้ชายที่สบตาปิ๊งๆ กับฉันคนเมื่อกี้กำลังลุกจากโต๊ะของตัวเองแล้วมุ่งหน้ามาทางนี้ แงงง ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย

“สวัสดีครับ” เฮือก! ฉันสะดุ้งเบาๆ ก่อนจะทำใจดีสู้เสือหันไปตามเสียงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังโดยไม่สบตากับเขา “ชื่ออะไรกันบ้างครับสาวๆ” อะไรเนี่ย การจู่โจมอย่างหนักนี่มันอะไรกัน! ฉันคิดในใจโดยที่ไม่ได้ตอบอะไรเขากลับไปแม้แต่คำเดียว

“คนนี้ชื่อไอย์ค่ะ โสดด้วยนะคะ”

“บันได!” ฉันหันไปตวาดเพื่อนสาวตัวแสบแล้วทำหน้าเบ้ใส่นางไปทีนึง ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้ผู้ชายตรงหน้า อืม ดูจากรูปร่างของเขานี่ก็ไม่เลวเลยแฮะ...

“แล้วคนอื่นๆ ละครับชื่ออะไรกันบ้าง” แล้วเขาก็เอ่ยปากถามชื่อของคนอื่นๆ แต่เหมือนว่าดวงตาของเขาจะจ้องมาที่ฉันไม่ขยับไปไหนเลย ฉันไม่ได้มองหรอกนะเพราะฉันเป็นโรคไม่กล้าสบตาผู้ชายที่ฉันไม่รู้จักมักจี่ด้วย

“บันไดนะคะ”

“ชื่อแปลกจังครับ แล้วอีกคนล่ะ?”

“มิวนิคค่ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับทั้งสามสาว ผมครีสนะ” ใครถามไม่ทราบย่ะนั่น!

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณครีส” แต่ฉันก็ตอบกลับไปพร้อมกับเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มหวานให้ไปหนึ่งที ฉันนี่มันลิงหลอกเจ้าชะมัดเลย

“ครับผม” เขาตอบกลับมาสั้นๆ แล้วส่งยิ้มมาให้พวกเรา แปลกแหะ... รอยยิ้มแบบนี้ไม่ใช่รอยยิ้มแบบที่พบเจอได้ทั่วไปตามสถานที่อโคจรแบบนี้เลยนะ แต่เป็นยิ้มที่ฉันไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อน ฉันก็เลยยิ้มตอบกลับไปแต่รอยยิ้มของฉันมันอาจจะไม่ใช่รอยยิ้มจริงใจเป็นเพียงแค่รอยยิ้มตามมารยาทเท่านั้น “ถ้าไม่รังเกียจผมขออนุญาตเลี้ยงเครื่องดื่มได้มั้ยครับ”

“หือ ไม่ต้องหรอกค่ะ” ฉันรีบปฏิเสธไปด้วยความเกรงใจ คนเพิ่งรู้จักกันจะมาเลี้ยงกันทำไมแปลกจริง

“ทำไมไม่รับไว้ละไอย์คืนนี้สบายเลยนะ” มิวนิคกระซิบบอกฉัน “เขาเปิดทางแบบนี้เราก็ต้องรับมาไม่น่าเกลียดหรอก”

“เอ่อ... ขอไม่ออกความเห็นนะเรื่องนี้” บันไดเข้ามากระซิบอีกคน

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณในน้ำใจมากๆ นะคะแค่นี้ก็ทราบซึ้งใจแล้ว” ฉันพูดกับเขาไปตรง ๆ

“แย่จังเลยแบบนี้ผมก็อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยสิครับ” อะไรของเขาเนี่ยฉันไม่เข้าใจ...

“หือ จะอกหักได้ยังไงละคะ ในเมื่อมันยังไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ” พอฉันพูดจบเขาก็เอนตัวลงมาแล้วกระซิบอะไรบางอย่างทำให้ฉันตกตะลึงใจเป็นอย่างมาก

“อย่าใจร้ายกับพี่สิคะ ไอย์สวรรค์”

“อะไรนะ!” ฉันผลักเขาออกด้วยความตกใจ ไม่ใช่เพราะเขาเอาหน้าเข้ามาใกล้แต่เป็นเพราะเขาเรียกชื่อจริงของฉัน เขารู้จักฉันงั้นเหรอ?

ในระหว่างนี้ฉันขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนก็แล้วกัน ทุกคนจะได้รู้จักฉันและผองเพื่อนมากขึ้น ฉันชื่อ ไอย์ ‘ไอย์สวรรค์ สุดแสนจะพรรณนา’ อายุ 26 ปี ฐานะร่ำรวยมหาศาล หน้าตาดีมากถึงมากที่สุด แต่การเรียนนั้นมันช่างย่ำแย่เสียเหลือเกิน!! ฉันจบมาจากมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งหนึ่งที่นักศึกษาเอาแบงค์หมื่นบังแดดกันเป็นว่าเล่น ในคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ และเพิ่งจบโท MBA จากประเทศอังกฤษมาสดๆ สถานะภาพโสด อาชีพว่างงาน อาชีพในฝันคือคนว่างงานที่ร่ำรวย คิกๆ และก็นี่ยัยมิวนิค ‘นนิสรา งามแท้ในโลกหล้า’ เพื่อนสนิทที่สุดของฉันที่คบกันมาตั้งเด็กน้อยเพราะเราเรียนโรงเรียนมัธยมเซ้นต์มอแกนอองตัวนี่มาด้วยกัน หลังจากแยกย้ายกันไปเรียนมหาวิทยาลัย ยัยมิวนิคก็ถูกพ่อส่งไปเรียนที่จีนและหลังจากเรียนจบนางก็ใช้ชีวิตทำงานที่จีนสักพักถึงได้กลับมาบ้านได้ แต่นางเป็นผู้หญิงสายแบ๊ว แอ๊วแหลก ซึ่งต่างกับฉันที่อยากจะแอ๊วแต่ดันทำไม่เป็น มิวนิคจัดว่าเป็นผู้หญิงน่ารักเธอจึงมีหนุ่มๆ ให้ควงไม่ซ้ำหน้าแถมไม่เคยอกหักเลยด้วยนะ คนต่อไปก็แม่สาวร่างบางที่ก็คือยัยบันได ‘บัณธิตา มานะเกรียงไกรเลิศ’ ฉันเจอกับบันไดที่มหาวิทยาลัยเราเรียนตัวพื้นฐานตัวเดียวกันแม้จะอยู่คนละคณะก็ตาม ปัจจุบันบันไดเป็นแอร์โฮสเตรสสุดสวยกับสายการบินสีแดงแห่งหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่ยัยสองคนนี้มาสนิทกันได้ก็เพราะฉันเอง ฉันเคยชวนเพื่อนที่นิสัยดีทั้งสองคนให้มาเที่ยวด้วยกัน ครั้งแรกทั้งสองก็ดูเกร็งๆ แต่ไม่นานนักก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน

“ยอมให้พี่เลี้ยงเครื่องดื่มหรือยังครับ” เขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ฉันแต่แฝงไปด้วยอารมณ์แบบผู้ชนะ ฉันได้แต่ยืนงงงวยและไม่เข้าใจว่าเขาคือใครแล้วมารู้จักฉันได้ยังไงกันแถมมาเรียกแทนตัวเองว่าพี่ด้วยนะแปลว่าเขาจะต้องรู้ข้อมูลของฉันมาบ้างไม่งั้นคงไม่กล้าเรียกใครตรงๆ ว่าพี่หรือน้องหรอกจริงไหมละ ฉันนิ่งไปชั่วครู่สมองหยุดทำงานเรื่องรอบๆ ตัวโดยฉับพลันเลยได้แต่เดินไปตามแรงที่เขาดันไหล่ฉันให้เดินไปที่โต๊ะของฉันเองเบาๆ ฉันเหมือนกับคนจิตหลุดสตั้นแหละครุ่นคิดจนไม่ได้ปฏิเสธเขา มิวนิคกับบันไดเลยรีบเดินตามมาติด ๆ สองคนนั้นก็ได้ยินชัดเจนเต็มๆ สองรูหูที่เขาเรียกชื่อฉันได้ถูกต้อง แต่ไม่มีใครคิดอะไรหรอกนอกจากฉัน ปกติคนไม่รู้จักชื่อจริงของฉันหรอกนะ ถึงแม้ว่าชื่อจริงฉันจะแค่เติมคำว่า สวรรค์ เข้าไปซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเรียกขึ้นมามั่วๆ แล้วดันถูกชื่อพอดีน่ะ แต่ไม่รู้ทำไมมีคนที่เพิ่งเจอกันมาเรียกฉันด้วยแถมเขายังหล่ออีกต่างหาก หรือว่าเขาจะเป็นลูกค้าบริษัทของฉันงั้นเหรอ ตายแล้ว... ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาคงไม่ประทับใจในตัวฉันเท่าไหร่แล้วละ ไอย์สวรรค์เอ้ย เธอทำอะไรลงไป และที่ฉันวิตกกังวลมากมายถึงขนาดนี้มันก็เพราะว่าฉันเคยคุยกับผู้ชายหลายคนพร้อมกัน แล้วก็สลัดพวกเขาทิ้งพร้อมหนีหน้าไปบ่อยๆ บางทีหมอนี่อาจจะเป็นใครคนหนึ่งในจำนวน ‘เหยื่อ’ ของฉันก็ได้

“คุณเรียกแทนตัวเองว่าพี่เหรอคะ?” อ๊ายยย นี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรถามเป็นคำถามแรกนะยะไอย์สวรรค์ เธอต้องถามว่ารู้จักชื่อจริงเธอได้ยังไงก่อนสิ!

“ฮ่า ๆ ๆ นึกว่าจะถามว่ารู้จักชื่อฉันได้ยังไงอะไรแบบนี้ก่อนเสียอีก” เขามองหน้าฉันแล้วหัวเราะเบาๆ ฉันทำได้แต่มองหน้าเขานิ่งๆ แล้วขมวดคิ้วเบาๆ ไม่ให้เขาสังเกตเห็นได้ “ไม่เปลี่ยนเลยนะนิสัยชอบทำหน้าเบ้คิ้วขมวดแบบนี้” หน็อยยย! ทำไมหมอนี่รู้ดีเรื่องของฉันจัง อันนี้มันเป็นข้อมูลลับนะยะ! หรือว่าเขาจะเป็นพวกโรคจิตที่คอยตามสืบเรื่องของฉันแบบลับๆ หวายยยย ไม่ได้การแล้วเสียดายความหล่อระดับห้าร้อยดีกรี

“นายเป็นสต็อกเกอร์ที่คอยตามฉันมาใช่มั้ย! ปกปิดไม่มิดแล้วละนะ ฉันจะเรียกตำรวจซะเดี๋ยวนี้เลย” อยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกได้ว่าตัวเองมีสต็อกเกอร์คอยติดตามขึ้นมาซะเฉย ๆ เลย ประหนึ่งว่าตัวเองเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังก็ไม่ผิด นอกจากจะสวยแล้วยังขี้มโนอีกต่างหากนะฉันเนี่ย ฉันพูดออกไปพร้อมทำท่าหยิบไอโฟนขึ้นมาเตรียมกดเบอร์ตำรวจ

“ฮ่าๆๆ ไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลย ใครก็รู้จักคุณหนูไอย์สวรรค์ สุดแสนจะพรรณนา กันทั้งนั้นแหละครับ” เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มไม่เป็นพิษภัยใดๆ ทั้งสิ้น ก็ใช่อยู่ที่ใครๆ ก็รู้จักฉันกันดี แต่มันต้องไม่ใช่วงการอโคจรแบบนี้สิ คนที่รู้จักฉันได้ดีจะมีแค่คนที่ฉันคบหาในโลกแห่งความจริงในโลกที่ฉันอยู่ทุกๆ วันเท่านั้น คนที่มองฉันในมุมสาวแสนดีเท่านั้น! คนในที่แบบนี้จะรู้แค่ว่าฉันชื่อไอย์ก็แค่นั้น และคำตอบของเขาเมื่อกี้ก็ยิ่งทำให้ฉันตกใจกลัว

“ฉันว่านายกลับไปที่โต๊ะตัวเองดีกว่า” ฉันพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่เป็นเชิงไล่เขาออกไปแบบทางอ้อม อันที่จริงมันไม่ได้อ้อมเท่าไหร่ก็ไล่กันตรงๆ นี่ละ

“พี่จะกลับไปที่โต๊ะก็ได้ครับ แต่ว่าน้องไอย์ต้องให้พี่จ่ายค่าเครื่องดื่มให้ก่อนสำหรับค่ำคืนนี้” เขาพูดออกมาหน้าตาเรียบเฉยไม่แพ้ฉันแต่แฝงไปด้วยลูกตื้อจนฉันเริ่มลำคานเลยตกลงให้เขาเลี้ยงโต๊ะฉันในคืนนี้ เรื่องจะได้จบๆ แล้วแยกย้ายกันไปเสียที

“ก็ได้ค่ะ” ฉันตอบกลับไปแล้วส่งยิ้มหวานแบบไม่จริงใจสุดๆ ไปให้เขาและคาดว่าเขาน่าจะดูออกด้วย หลังจากเขาได้จ่ายค่าดริ้งให้พวกฉันได้สมใจแล้วเขาก็ยอมเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ฉันสังเกตเห็นเพื่อนคนหนึ่งของเขาเอามือกุมขมับตัวเองไว้แบบเครียดสุดๆ ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันเรื่องอะไรกัน

แปะๆๆ แล้วอยู่ดีดีเพื่อนอีกคนในโต๊ะเขาก็ยืนขึ้นแล้วตบมือเสียงดังให้ดีเจลี ฮยอนจุง เมื่อเขาเห็นดังนั้นก็หยุดเปิดเพลงไปชั่วขณะ

“ทุกคนครับ คืนนี้เพื่อนผมมันเลี้ยง ทุกคนเชิญดื่มกินได้ตามชอบเลยครับ!”

“วี๊ดดดวิ๊วววว”

“หู้ววววว”

“แปะๆๆๆๆๆๆ” เมื่อทุกคนในร้านได้ยินดังนั้นก็ต่างโห่หี้วกันออกมาด้วยความดีใจกันให้ดังระงมไปทั่วร้าน นี่มันอะไรกันเนี่ย! ฉันและเพื่อนๆ ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ กับเหตุการณ์ครั้งนี้ คนพวกนี้เงินเหลือทิ้งเหรอถึงได้อยู่ๆ จะประกาศเลี้ยงทั้งร้านอะไรแบบนี้ก็ได้น่ะ

“เราไปกันดีกว่ามั้ย” ฉันเอ่ยปากถามเพื่อนสาวทั้งสองคนที่กำลังนั่งตื่นตาตื่นใจกับเหตุการณ์นี้

“เดี๋ยวก่อนได้มั้ย” มิวนิคพูดขึ้นเบาๆ แล้วสอดส่องสายตาไปทั่งร้าน มองหาอะไรของนางเนี่ย

“ไปกันเถอะบันได” เมื่อยัยมิวนิคมีปฏิกิริยาไม่ตอบสนองความต้องการของฉัน ฉันเลยต้องหันไปหาพวกพ้องคนอื่นอย่างเช่นยัยบันไดเป็นต้น

“รีบหรา นั่งไปก่อนก็ได้พี่ครีสอะไรนั่นก็ไม่ได้ดูร้ายกาจอะไรนะ เขาคงไม่ทำอะไรแกหรอก” หน็อยยย! ไม่ได้ดั่งใจฉันสักคนจะเดินออกไปคนเดียวก็เขินฉันเลยจำยอมนั่งดื่มด่ำกับความทรมานอยู่ตรงนี้ต่อไปจนถึงผับจะปิด...

และเนื่องจากฉันเป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ฉันเลยจำเป็นจะต้องหิ้วยัยสองตัวแสบออกมาจากร้านอย่างทุลักทุเล แล้วแนก็บังเอิญเงยหน้าไปสบตาเข้ากับตาครีสนั่นเข้า ก่อนที่เราทั้งคู่จะหลบสายตาและฉันก็ลากเพื่อนที่เมาเป็นหมามาขึ้นรถได้สำเร็จ “ฮุ้ย! เหนื่อยเป็นบ้า ทีหลังฉันไม่มากับพวกแกแล้วนะ” ฉันได้แต่บ่นพึมพำกับเพื่อนที่ไร้สติ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel