บทที่ 6
“นั่นนะสิ แล้วนี่ลินพอจะรู้ไหมครับ ว่าเราสองคนต้องใช้ชีวิตเป็นสามีภรรยากันปลอมๆ ไปแบบนี้อีกนานแค่ไหน”
“ลินก็ยังไม่รู้ค่ะ”
“ไว้พรุ่งนี้พี่จะถามคุณแม่ให้ แต่ถ้าจะให้เดาคงแค่สองสามวัน...มั้ง” ปุณณ์เองก็ยังไม่รู้เรื่องระยะเวลาเช่นกัน แต่ถ้าแต่งงานปลอมๆ เพื่อแก้ขัด ทำไมแม่เขาถึงต้องบังคับให้เข้าหอด้วย แถมยังขู่เขาไว้อีกว่าหากเลิกรากับเธอจะยกมรดกที่มีให้การกุศลหรือวัดไป ทั้งๆ ที่มันไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำ
“เอ่อ...พี่ปุณณ์รู้อาการป่วยของคุณป้าไหมคะ”
“อาการป่วยของคุณแม่พี่นะเหรอครับ อะไร” สีหน้าของชายหนุ่มดูสับสนเล็กๆ ดรินทร์จึงรีบเปลี่ยนประเด็น
“ไม่มีอะไรค่ะ ลินแค่จำอะไรผิดนิดหน่อย” ดรินทร์รีบบ่ายเบี่ยง เพราะเท่าที่สังเกตดูเหมือนปุณณ์นั้นอาจจะยังไม่รู้ถึงอาการป่วยของปรียาก็เป็นได้ รอให้ปรียาเป็นคนพูดเรื่องนี้เองน่าจะดีกว่า
“แล้วนี่ลินทำงานอยู่ที่ไหน” แม้อยากจะถามว่าเพราะอะไร ดรินทร์ถึงยอมแต่งงานกับเขา แต่สุดท้ายปุณณ์กลับเลือกที่จะไม่ถาม เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บอกตัวเองไว้แล้วว่าแต่งงานกับใครก็คงไม่สำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับดาวจรัส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเธออย่างนั้นหรือ
“ปากช่องค่ะ พอดีเมื่อปีก่อนคุณพ่อลินเสีย ลินเลยกลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวแทนท่าน”
“พี่เสียใจด้วยนะครับ” เพราะขาดการติดต่อกันไปหลายปี ทำให้ปุณณ์แทบไม่รู้ข่าวคราวของดรินทร์ จะได้ยินจากเพียงดาวบ้าง แต่ทว่าเพราะอะไรกันตอนนั้นเขาถึงไม่ได้เก็บเรื่องราวของดรินทร์มาใส่ใจเท่าไหร่ แม้บ่อยครั้งที่เขาเองก็คิดถึงเธอ คิดถึงรอยยิ้มสดใสนั่น
“ขอบคุณค่ะ”
“ดึกแล้วลินไปอาบน้ำเถอะ” พอปุณณ์บอกให้ดรินทร์ไปอาบน้ำ สีหน้าคนฟังก็ตื่นตระหนกเสียจนคนพูดอย่างปุณณ์อดที่จะขำไม่ได้
“ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น”
“กะ...ก็พี่ปุณณ์ให้ลินไปอาบน้ำ”
“ใช่ครับพี่ให้ลินไปอาบน้ำ จะได้เข้าหอกันเสียที เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว” เพราะเห็นหน้าตาตกใจเธอตลกดี ปุณณ์จึงได้ทีพูดกำกวม
“เข้าหอ”
“ใช่ครับ...เราจะเข้าหอกัน”
“ไม่ตลกค่ะ ลินแค่มาเป็นเจ้าสาวแก้ขัดให้พี่ปุณณ์เท่านั้น เข้าหงเข้าหอมีที่ไหน” ดรินทร์ตีหน้าเข้มใส่ชายหนุ่ม ที่วันนี้หล่อในลุคเจ้าบ่าวเต็มร้อยเช่นกัน
เพราะไม่ได้เจอหน้าเขาหลายปี ดรินทร์จึงมั่นใจว่าความรู้สึกที่เคยมีให้ปุณณ์ได้จางหายไปแล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ เหมือนกับว่าเธอคิดผิดไปถนัด นั่นเพราะความรู้สึกบางอย่างมันกลับค่อยๆ ชัดเจนขึ้นตามระยะของความใกล้ชิด
“โอเค ไม่มีก็ไม่มีครับ”
“แล้วนี่จะให้ลินนอนตรงไหนคะ”
“บนเตียงครับ”
“ส่วนพี่ปุณณ์ก็นอนบนโซฟา ทุกอย่างลงตัวดี จบแยกค่ะ” ดรินทร์รีบตอบทันทีโดยไม่รอให้ปุณณ์แย้งแม้แต่คำเดียว เพราะเมื่อเธอพูดจบก็เดินจ้ำตรงไปยังห้องน้ำ โชคยังดีที่เพียงดาวตระเตรียมเสื้อผ้ารวมถึงบรรดาของใช้ส่วนตัวไว้ให้แล้ว ไม่อย่างนั้นดรินทร์อาจต้องอยู่ในชุดเจ้าสาวทั้งคืน
แต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ค่อยๆ ถูกเปิดออก ปุณณ์ที่เวลานี้ถอดชุดสูทออกแล้ว เหลือเพียงกางเกงสแล็คขายาวกับเสื้อเชิ้ต โดยเขากำลังนั่งรออยู่บนเตียงจึงหันไปมอง
“มีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น
“คือลินถอดซิปที่ข้างหลังชุดไม่ได้นะคะ จะรบกวนพี่ปุณณ์ถอดให้หน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิครับ” เอ่ยจบปุณณ์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงเข้ามาหาดรินทร์ ซึ่งเธอก็ใช้มือข้างหนึ่งรวบผมยาวๆ ของตัวเองไว้แล้วยืนหันหลังให้เขา
ปุณณ์เพ่งสายตามองซิปที่ติดอยู่หลังชุด ซึ่งตอนนี้หัวซิปมันหลุดหายไป นี่กระมังเหตุผลที่ทำให้ดรินทร์ถอดชุดแต่งงานด้วยตัวเองไม่ได้ ปุณณ์ไม่ได้คิดไปไกลว่าเจ้าสาวแก้ขัดอย่างเธอจงใจจะยั่วเขาด้วยวิธีนี้แต่อย่างใด แต่ทำไมกลับรู้สึกตื่นเต้นจนมือไม้สั่น
“หัวซิปมันหายไปครับ พี่ดึงไม่ได้”
“อ้าว! จะทำยังไงดีละคะทีนี้”
“คงมีแค่ทางเดียว”
“ยังไงคะ” ยังไม่ทันที่ดรินทร์จะได้ตั้งรับ เสียงฉีดขาดดัง ‘แคว๊ก’ ก็เกิดขึ้น ที่มาของเสียงคือปุณณ์ใช้มือทั้งสองข้างฉีกชุดแต่งงาน ที่ดรินทร์ยังคงสวมอยู่บนตัวจนมันขาดแยกออกจากกันอย่างไม่คิดเสียดาย
เพราะชุดแต่งงานขาดออกจากกัน ทำให้ปุณณ์มองเห็นแผ่นหลังนวลเนียนของดรินทร์ได้อย่างดี ส่วนเธอก็รีบกอดตัวเองไว้แน่น เพื่อกันไม่ให้ชุดหลุดลงไปกองกับพื้นนั่นเอง
“เสร็จแล้วครับ”
“ค่ะ” ดรินทร์เอ่ยรับอย่างตกใจเล็กๆ กับวิธีแก้ปัญหาแบบฮาร์ดคอร์ของชายหนุ่ม ชนิดไม่คิดเสียดายชุดเจ้าสาวแม้แต่นิดเดียว จากนั้นเธอก็หมุนตัวกลับมามองหน้าเขา แวบแรกดรินทร์รู้สึกประหม่าแต่ก็แค่ไม่นาน แล้วรีบกลับเข้าห้องน้ำไปทันที
ผ่านไปราวๆ หนึ่งชั่วโมง ดรินทร์ก็กลับออกมา แต่ทันทีที่เธอก้าวพ้นประตู สายตาก็มองเห็นปุณณ์หลับอยู่บนเตียงเสียแล้ว ท่าทางของเขาดูเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด ดรินทร์จึงไม่กล้าปลุกโดยปล่อยให้เขานอนบนเตียง ส่วนเธอก็นอนบนโซฟาแทน
แม้จะรู้สึกอัดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ดรินทร์ก็ปลอบใจตัวเองว่าคงอีกไม่นาน การแต่งงานฉุกเฉินของเธออย่างในตอนนี้ก็คงจบลง หลังจากนี้ทั้งเธอและปุณณ์ก็คงแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการอย่างที่ผ่านๆ มา ขณะคิดเรื่องนี้บวกกับความอ่อนเพลีย ทำให้เธอหลับแบบไม่รู้ตัว
“พี่ปุณณ์” น้ำเสียงของดรินทร์บ่งบอกว่าเธอตกใจ เพราะตอนนี้ใบหน้าของปุณณ์อยู่ห่างจากเธอแค่คืบเดียวเท่านั้น และไม่รู้ว่าเขามาอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่แล้วด้วย
“ครับ”
“จะทำอะไรคะ”
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร”
“แล้วมานั่งตรงนี้ทำไม”
“แค่จะพาลินไปนอนบนเตียง ไม่ได้คิดจะทำอะไร”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลินนอนตรงนี้ได้” ดรินทร์แย้งเพราะเธอนอนบนโซฟาได้จริงๆ
“ไม่ได้ครับ”
“ลินพึ่งรู้ว่าพี่ปุณณ์ดื้อ พูดไม่ฟัง”
“พี่ก็พึ่งรู้ว่าลินดื้อ พูดไม่ฟังเหมือนกัน” ต่างฝ่ายต่างกล่าวหาว่าอีกคนดื้อ ทั้งๆ ที่เวลานี้เหมือนพวกเขาทั้งคู่นั่นแหละที่ดื้อไม่ฟังใคร
“ลินไม่ได้ดื้อ”
“พี่ก็ไม่ได้ดื้อ”
“ถ้าพี่ปุณณ์ไม่ได้ดื้อ ก็ปล่อยให้ลินนอนตรงนี้เหมือนเดิม”
“ถ้าลินไม่ดื้อก็ต้องให้พี่อุ้มพาไปนอนบนเตียงได้แล้ว” เอ่ยจบปุณณ์ก็ช้อนร่างบอบบางของดรินทร์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเสียจนดรินทร์ตั้งรับไม่ทันกับการที่จู่ๆ เธอก็ลอยขึ้นจากโซฟา เพราะถูกปุณณ์อุ้มเช่นในตอนนี้
“พี่ปุณณ์ ปล่อยลินลง” สีหน้าของดรินทร์เวลานี้บ่งบอกว่าเธอตกใจ
