บทที่ 5
หลังเสร็จสิ้นงานแต่งงานที่ห้องจัดเลี้ยง ก็ถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ ซึ่งก็คือห้องฮันนีมูนสวีทบนชั้นสิบเก้าของโรงแรมอันเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน แต่เพราะการแต่งงานครั้งนี้มันไม่ปกติ ภาพของการส่งตัวเข้าหอจึงชวนอึดอัดไปบ้าง
“สรุปนี่ใครพอจะเล่าให้ผมฟังได้หรือยังครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เสียงทุ้มของเจ้าบ่าวดังขึ้น นั่นเพราะต้องการความกระจ่างแก่ตัวเขาเอง ปรียามองตรงมายังดรินทร์ด้วยแววตาขอบคุณ ที่เธอนั้นมาช่วยให้งานคืนนี้ผ่านไปได้ด้วยดี
“กุ๊กไก่พาหนูลินออกไปรอป้าที่ห้องรับแขกก่อน”
“ค่ะ” เพียงดาวเอ่ยรับแล้วเข้ามาพยุงดรินทร์ขึ้นเพราะตอนนี้เธอนั่งอยู่กับพื้น จากนั้นก็จูงมือกันออกไปรอที่ด้านนอก
เมื่ออยู่กันตามลำพังแม่ลูก ปรียาก็เล่าความจริงให้ปุณณ์ฟังอย่างไม่ปิดบัง ว่าเพราะอะไรเจ้าสาวของวันนี้ถึงได้เปลี่ยนจากดาวจรัสมาเป็นดรินทร์ โดยปุณณ์ได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบๆ
ปรียาโกรธดาวจรัสที่จู่ๆ ก็หนีหน้าไป โกรธครอบครัวรวมไปถึงญาติพี่น้องของเธอด้วย เพราะแทนที่จะช่วยกันแก้ปัญหากลับหนีหายเอาตัวรอด ทิ้งทุกอย่างไว้ให้เธอต้องตามแก้ไขเพียงแค่ฝ่ายเดียว
“พรุ่งนี้ แม่จะตามไปยึดบ้านพวกนั้น”
“ช่างเถอะครับคุณแม่”
“ช่างไม่ได้ แม่ไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ แน่ แต่ถ้าเกิดปุณณ์ไม่ค้านเรื่องที่เจ้าสาวผิดตัว แม่ก็จะยอมไม่เอาเรื่องพวกนั้น” ปรียาได้ทีต่อรอง
“อ้าว! ทำไมทุกอย่างมันมาตกที่ผมแล้วละครับ”
“แล้วไม่ดีใจหรือไงที่ได้แต่งงานกับหนูลิน”
“เฉยๆ ครับ” แม้จะรู้สึกบ้างแต่ปุณณ์หรือจะบอก เพราะเขานั้นเป็นคนปากแข็งยังกับหิน พูดทุกเรื่องยุดเว้นเรื่องความรู้สึกที่เกี่ยวกับความรัก ถืออคติทำให้เห็นมากกว่าจะมานั่งพร่ำเพ้อว่ารัก
“เฉยๆ เหรอ ผิดกับแม่ที่ดีใจ”
“อะไรกันครับ ทั้งๆ ที่เจ้าสาวของผมควรจะเป็นดาวเขาไม่ใช่เหรอ”
“นั่นมันเมื่อก่อน เพราะตอนนี้เวลานี้สะใภ้ของแม่มีแค่คนเดียวคือหนูลินจ้ะ” ปรียายิ้มกว้างออกมา อย่างน้อยการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก็ไม่ได้แย่เกินไป
“เดี๋ยวแม่จะออกไปตามน้องมาให้ ยังไงคืนนี้ทั้งคู่ก็ห้ามออกไปนอกห้องหอเด็ดขาด เข้าใจไหม”
“ทั้งๆ ที่นี่มันก็แค่งานแต่งงานแบบขอไปทีไม่ใช่เหรอครับแม่ จะซีเรียสอะไร”
“ใครบอกว่าแค่งานแต่งงานแบบขอไปที”
“ก็ลินเขาเป็นแค่เจ้าสาวแก้ขัดให้ผม จบงานแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้าย มันก็ถูกแล้วนี่ครับ”
“ใครบอกว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนั้น งานแต่งงานครั้งนี้คือความถูกต้อง จะไม่มีคำว่าโมฆะใดๆ”
“แล้วลินเขายอมหรือครับคุณแม่” นี่คือสิ่งที่ปุณณ์อยากถาม แต่หาจังหวะถามก่อนหน้านี้ไม่ได้นั่นเอง
“ยอม”
“คุณแม่จ่ายให้ลินไปเท่าไหร่ เธอถึงยอมมาแต่งงานกับผม”
“แม่ไม่ได้จ่ายสักบาท” ปรียามองหน้าลูกชายตรงๆ ไม่คิดว่าปุณณ์จะถามอะไรแบบนี้ออกมาได้ ผู้หญิงทุกคนใช่ว่าจะซื้อได้ด้วยเงิน
“แล้วทำไมเธอถึงยอมแต่งงานกับผมได้ง่ายๆ แบบนั้น”
“ไว้พรุ่งนี้เช้าแม่จะเล่าให้ฟัง เพราะสิ่งสำคัญสำหรับปุณณ์ตอนนี้คือการเข้าหอ อ้อ...แม่พูดไว้ตรงนี้เลยนะปุณณ์ ถ้าลูกทำให้หนูลินรักไม่ได้ จนถึงขนาดเลิกรากันขึ้นมาละก็ มรดกทุกอย่างแม่จะยกให้การกุศลหรือไม่ก็ถวายวัดไปเสีย ลูกก็รู้นี่ว่าแม่พูดจริงทำจริงเสมอ”
“คุณแม่...นี่มันมัดมือชกผมเกินไปแล้วนะครับ” ปุณณ์โอดโอยแบบไม่ได้จริงจังอะไรมาก นั่นเพราะรู้ว่าตัวเขาเองก็คงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นาน
โดยก่อนจะจากไป เขาก็อยากทิ้งทายาทไว้ให้แม่ได้อุ้มสักคน แม้ตัวเขานั้นอาจจะอยู่ไม่ถึงวันที่จะได้เห็นหน้าลูกคนแรกก็ตามที
เมื่อคุยกับลูกชายเสร็จ แม้จะเสร็จแบบครึ่งๆ กลางๆ เพราะยังคงทิ้งคำถามเพื่อรอให้ปุณณ์หาคำตอบในวันพรุ่งนี้อีกหลายคำถาม ปรียาก็กลับออกมาเพื่อคุยกับดรินทร์ โดยเอื้อมมือไปจับมือบางของดรินทร์มากุมไว้ มองเธอด้วยแววตาขอบคุณที่ยอมมาเป็นเจ้าสาวให้ปุณณ์ในคืนนี้
“ป้าขอบใจมากนะหนูลิน”
“ค่ะ”
“ถ้าไม่มีหนูลิน งานนี้คงจบไม่สวย ป้าเองก็คงตายตาไม่หลับแน่ๆ”
“คุณป้าอย่าพูดแบบนี้สิค่ะ” น้ำเสียงของดรินทร์แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอยังคงเข้าใจว่าปรียานั้นป่วยด้วยโรคหัวใจ
“หนูลินรู้เรื่องอาการป่วยของป้าจากกุ๊กไก่แล้วใช่ไหม” ปรียาเองก็สวมรอยตามน้ำเรื่องนี้ไปเหมือนกัน ทำเอาเพียงดาวถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าปรียาจะเล่นละครเรื่องนี้ต่อ
“ค่ะ”
“ป้าแก่แล้ว แถมยังเป็นโรคหัวใจจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ก่อนตายก็อยากเห็นปุณณ์ได้แต่งงานมีครอบครัว ฝันของป้าก็เกือบพังทลาย แต่สวรรค์ก็ไม่ใจร้ายเพราะส่งนางฟ้าอย่างหนูลินมาช่วยไว้”
“ลินไม่ใช่นางฟ้าหรอกค่ะ”
“ป้าเชื่อว่าทุกอย่างมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ป้าเชื่อแบบนั้น” ปรียายิ้มอย่างสุขใจ แม้ก่อนจะเริ่มงานมงคลจะทุกข์จนหาทางออกไม่ได้ก็ตาม
และเธอก็เชื่อเรื่องของพรหมลิขิต ทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีคำว่า...บังเอิญ แน่นอน
เมื่อคุยกับดรินทร์แล้ว ปรียาก็เดินกลับมาส่งเธอในห้องหออีกครั้ง ก่อนจะกลับออกไปพร้อมเพียงดาว ซึ่งทันทีที่ออกไปจากห้องฮันนีมูนสวีททั้งคู่ก็คุยกันถึงเรื่องนี้ ว่าคงต้องยื้อเวลาเพื่อทำให้ปุณณ์กับดรินทร์ได้ใกล้ชิดกันมากกว่าที่ผ่านมา ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจเกิดมาเป็นคู่ของกันและกัน
ส่วนบ่าวสาวในห้องหอ โดยเฉพาะดรินทร์นั้นก็ชักจะอึดอัดกับบรรยากาศภายรอบๆ ตัว โดยเธอเริ่มทำตัวไม่ถูกว่าต้องทำยังไง แค่เสียงเล็กๆ น้อยๆ ที่ดังขึ้นก็ทำให้ร่างบอบบางที่ยังคงอยู่ในชุดเจ้าสาวสะดุ้งได้แล้ว
“ลินสบายดีหรือเปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้น นั่นเพราะต้องการทำลายบรรยากาศในตอนนี้ให้ผ่อนคลายลง ทั้งๆ ที่พึ่งจะผ่านพิธีสำคัญที่เรียกว่างานแต่งงานกับเธอมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแท้ๆ แต่ทว่าตอนนั้นเขากลับไม่มีจังหวะจะได้ถามไถ่เธอเช่นในตอนนี้
“สบายดีค่ะ พี่ปุณณ์ละคะสบายดีไหม”
“สบายดีครับแต่อีกหน่อยก็คงสบายกว่านี้”
“อ๋อค่ะ” ดรินทร์เอ่ยรับไปตามมารยาท แม้จะยังไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเมื่อครู่นี้สักเท่าไหร่
“พี่ขอโทษด้วย ที่ทำให้ลินต้องลำบากมาแต่งงานด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะเราแค่แต่งงานกันในนาม อีกอย่างก็แค่ชั่วคราวไม่ได้ถาวร” นี่คือสิ่งที่ดรินทร์เข้าใจ แต่หารู้ไม่ว่าหลังจากนี้อะไรๆ มันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิด
