บทที่ 4
“เอ่อ...เพราะกุ๊กไก่บอกว่าคุณป้าเป็นโรคหัวใจ ถ้ารู้ว่าเจ้าสาวหายตัวไป คงอันตรายถึงชีวิต” เพียงดาวอ้อมๆ แอ้มๆ ตอบ ปรียาถึงกับถลึงตาใส่เธอที่จู่ๆ ก็มาแช่งกันแบบนี้
“กุ๊กไก่ขอโทษค่ะ แต่กุ๊กไก่ไม่ได้มีเจตนาแช่งคุณป้านะคะ พอดีว่าตอนนั้นไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรให้ลินเขาใจอ่อนเพื่อช่วยมาเป็นเจ้าสาวให้พี่ปุณณ์ก็เท่านั้นเอง อีกอย่างเมื่อก่อนคุณป้าก็เคยพูดนี่ว่าอยากได้ลินเป็นสะใภ้ไม่ใช่เหรอคะ” เอ่ยจบเพียงดาวก็ส่งยิ้มแห้งๆ ให้ปรียา
“ก็ใช่”
“ถ้าใช่ คุณป้าก็รีบพาพี่ปุณณ์ลงไปรับแขกที่หน้างานก่อนนะคะ ถ้าลินแต่งตัวเสร็จแล้วกุ๊กไก่จะรีบพาตามลงไป”
“เรื่องเจ้าสาวนะคงไม่มีปัญหา แต่ถ้าปุณณ์เห็นว่าเจ้าสาวไม่ใช่ดาวจรัสละให้ป้าทำไง”
“กุ๊กไก่เชื่อว่าคุณป้าจัดการต่อได้ค่ะ” เพียงดาวยิ้มหวานส่งมาให้ปรียา นั่นเพราะเรื่องปุณณ์คงอยู่เหนือการควบคุมของเธอเช่นกัน
“โอเคๆ แล้วป้าจะจัดการต่อเอง” ปรียาเอ่ยรับ ไหนๆ เรื่องมันก็เดินมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงได้แต่ปล่อยให้ดำเนินไปจนจบ ปรียาก็เข้าไปคุยกับปุณณ์ก่อนที่จะชวนกันลงไปรับแขกก่อน โดยให้เหตุผลว่าเจ้าสาวยังแต่งตัวไม่เสร็จ
ส่วนเพียงดาวก็รีบวิ่งลงไปยังห้องจัดเลี้ยงเช่นกัน เพื่อสั่งให้ทีมออแกไนซ์เก็บภาพพรีเวดดิ้งของปุณณ์กับดาวจรัสที่วางอยู่รอบๆ งานออกไป เปลี่ยนชื่อเจ้าสาวบนเวทีและตรงแบคดรอปถ่ายรูป ยังดีที่ทางโรงแรมพอจะมีอุปกรณ์สำรอง ไม่อย่างนั้นงานคงเข้ามากกว่านี้
และเมื่อจัดการทุกอย่างที่ห้องจัดเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเพียงดาวก็ทำอย่างรวดเร็วปานจรวด แม่งานคนสำคัญอย่างเธอก็รีบขึ้นมาหาดรินทร์ที่ห้องแต่งตัว ซึ่งทันทีที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นเพื่อนรักในชุดเจ้าสาวก็ถึงกับตาค้าง ตะลึงในความสวย
“แกสวยมากเลยลิน”
“จริงเหรอ” ดรินทร์เอ่ยถามด้วยความประหม่า เพราะก่อนหน้านี้ก็ยืนมองตัวเองที่สวมชุดเจ้าสาวอยู่ตรงหน้ากระจกบานใหญ่ ไม่คิดจริงๆ ว่าตัวเธอจะตัดสินใจทำอะไรแบบนี้
“เออนะสิ สวยสุดๆ ไปเลย ถ้าพี่ปุณณ์เห็นต้องตะลึงตาค้างแน่ๆ”
“แน่ละเพราะเราไม่ใช่เจ้าสาวที่พี่เขาต้องแต่งงานด้วยนี่นา”
“อย่าคิดอะไรแบบนั้นสิ พร้อมยังเพื่อน”
“อื้อ...พร้อม”
“งั้นไปกัน” เอ่ยจบเพียงดาวก็เข้าไปคล้องแขนดรินทร์ไว้ จากนั้นก็พาเจ้าสาวสวมรอยที่วันนี้ผิดคิวไปมากลงไปยังห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้นานาชนิด สวยงามสมกับงานแต่งงานสุดโรแมนติก
ทันทีที่เจ้าสาวของงานปรากฎตัว ดรินทร์ก็สามารถดึงดูดสายตาของแขกเหรื่อที่ยังคงอยู่ในงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่วนใหญ่คือญาติฝั่งเจ้าบ่าวแทบทั้งนั้น และเพราะส่วนใหญ่ไม่เคยมีใครได้เห็นเจ้าสาวตัวจริงมาก่อน พวกเขาจึงไม่สงสัยว่าเจ้าสาวที่เห็นตอนนี้ใช่ตัวจริงหรือไม่ จะมียกเว้นก็เพียงแค่เจ้าบ่าวของงานอย่าง...ปุณณ์
“ลิน” ปุณณ์อุทานชื่อของดรินทร์ออกมาเมื่อเห็นเธอสวมชุดเจ้าสาวแล้วเดินเข้ามาหาตนเอง นั่นเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเธอ นอกจากตกใจแล้วยังเต็มไปด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดาวจรัสหายไปไหน
แต่ปุณณ์กลับไม่มีจังหวะได้ถามเอาความจริง นั่นเพราะทันทีที่เจ้าสาวมาถึงห้องจัดงาน ช่างภาพก็ไล่ถ่ายภาพประจวบเหมาะกับพิธีการบนเวทีก็ใกล้จะเริ่ม ทุกอย่างจึงต้องดำเนินไปตามกำหนดเวลา แม้แขกบางคนจะสังเกตเห็นความผิดปกติ และตั้งคำถามถึงเจ้าสาวที่ตัวจริงกับในรูปก่อนหน้านี้ไม่เหมือนกันบ้างก็ตาม
“กุมมือน้องไว้ตลอดเวลาด้วยนะปุณณ์ ถ้าสงสัยอะไรรอให้พ้นงานแต่งงานตอนนี้ไปก่อน แม่จะเล่าให้ฟังเอง” ปรียาเอ่ยบอกลูกชาย ก่อนจะคว้ามือของปุณณ์มากุมมือของดรินทร์ไว้ ซึ่งเวลานี้มือบางนั้นเย็นเฉียบด้วยอาการประหม่า
แต่ทว่าทันทีที่ได้รับความอบอุ่นจากมือของปุณณ์ ความอบอุ่นนั้นก็ช่วยให้ดรินทร์ดีขึ้นพอสมควร มีบางจังหวะที่เธอแอบมองชายหนุ่มด้วยแววตาชื่นชม เพราะวันนี้ปุณณ์หล่อเหลาเป็นพิเศษด้วยชุดสูทที่สั่งตัดมาแบบพอดีตัวชายหนุ่ม ส่วนเธอก็ไดเอทมาประหนึ่งรู้ล่วงหน้าว่าต้องมาใส่ชุดเจ้าสาวของดาวจรัส แต่ก็ยอมรับรสนิยมการเลือกชุดของเจ้าสาวตัวจริง เพราะสวยและทันสมัยทีเดียว
“ไปครับ”
“อ้อค่ะ” เสียงทุ้มของปุณณ์ที่ดังขึ้นช่วยดึงสติของดรินทร์ให้กลับคืน เพราะหลังจากนั้นอีกแค่ไม่กี่วินาทีทั้งเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็คล้องแขนกันเพื่อขึ้นเวที เพื่อทำให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปได้
แม้บางจังหวะจะติดขั้นไปบ้างก็ตาม รวมถึงพิธีการบางอย่างถูกตัดออกไปเพื่อความกระชับ เช่นการฉายภาพวิดีโอของบ่าวสาว การถามไถ่ถึงเหตุการณ์ที่ทั้งคู่ได้มาเจอและรักกัน ไปจนถึงการให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายขึ้นมากล่าวอวยพร โดยแม่งานคนสำคัญอย่างเพียงดาวคอยกำชับพิธีกรของงานอยู่ข้างๆ เวที เพื่อไม่ให้ทุกอย่างออกทะเล
แต่สิ่งที่ยังคงมีคือการตัดเค้กและโยนช่อดอกไม้ของเจ้าสาว ซึ่งจู่ๆ ช่อดอกไม้จากมือของดรินทร์ก็หล่นตุ๊บมาอยู่ตรงหน้าของเพียงดาวชนิดที่เธอเองก็คาดไม่ถึง เพราะกำลังยืนคุมทุกอย่างอยู่ข้างเวที ไม่ได้เข้าไปร่วมวงสาวโสดด้วยแต่อย่างใด
ด้วยความจำยอมเพราะทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมถึงแขกทุกคนต่างจับจ้องมาที่เธอ เพียงดาวจึงต้องหยิบช่อดอกไม้นั้นขึ้นมาแล้วส่งยิ้มแห้งให้ทุกคนแทน แต่พอทุกคนเลิกสนใจเธอก็ยื่นดอกไม้ช่อนั้นแบบส่งๆ ให้ผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ
“ฝากไว้หรือไงครับ” เสียงทุ้มของชายคนนั้นเอ่ยถามขึ้น
“ฝากค่ะหรือคุณจะรับไปให้ใครก็ได้ ฉันไม่ซีเรียส” เอ่ยตอบเสร็จเพียงดาวก็เดินจ้ำออกไปทันที ปล่อยให้ชายคนดังกล่าวงุนงงอยู่เพียงลำพัง
“คุณบรูคลินมาอยู่ที่นี่เอง ดิฉันก็เดินตามหาจนทั่ว” เสียงของผู้จัดการฝ่ายต้อนรับเอ่ยขึ้น นั่นเพราะเธอได้รับคำสั่งให้มาต้อนรับทายาทคนเดียวของท่านประธาน แต่ทว่าเดินหาจนทั่วทั้งโรงแรมถึงรู้ว่าบรูคลินอยู่ที่นี่
“อ๋อ...พอดีผมเข้ามาดูความเรียบร้อยนิดหน่อย เผื่อลูกค้าอยากได้อะไรเพิ่มจะได้รีบจัดการให้” บรูคลินเอ่ยบอก เพราะทุกวันนี้ในหัวเขามีแต่เรื่องงานแล้วก็งานเท่านั้น
“ขยันจังเลยนะคะ ทั้งๆ ที่คุณบรูคลินก็พึ่งบินกลับมาจากประชุมกับลูกค้าที่เมืองนอก แบบนี้ท่านประธานคงภูมิใจมากแน่ๆ”
“ไม่ถึงขนาดนั้นเหรอครับ”
“แล้วนั่นดอกไม้อะไรคะ”
“มีคนฝากผมไว้นะครับ” บรูคลินเอ่ยตอบ ก่อนจะก้มมองช่อดอกไม้ในมือ จากนั้นก็กวาดสายตามองหาเจ้าของช่อดอกไม้ช่อนี้ ซึ่งเธอเป็นคนฝากเขาไว้แต่ทว่ากลับไม่เจอเสียแล้ว
