ตอนที่ 5 ไม่ใช่บล็อกฉันไปแล้วล่ะ
“มึงบ่นอะไรของมึงวะภาวิชญ์”
“เปล่า ไม่รีบกลับเหรอ”
“ไปสิ วันนี้มีนัด”
ตะวันแยกตัวกลับไปทันที ส่วนคนอื่น ๆ ก็แยกกลับไปเช่นกัน เขากับก้องภพว่าจะไปสนามแข่ง ก็เลยกลับพร้อมกัน
“มึงเป็นอะไรไป ทำไมเอาแต่ยิ้ม”
“เปล่านี่ เออนี่ไอ้ก้อง”
“ว่าไง”
“มึงเคยคบใครเป็นแฟนจริงจังไหมวะ”
“เชี่ยย อะไรเข้าสิงมึงวะ จู่ ๆ ถามอะไรน่าขนลุกแบบนี้ มึงอย่าบอกนะว่าอินกับ “คู่หมั้น” ที่พ่อแม่มึงเลือกให้”
“ก็ไม่ขนาดนั้น แค่คิดว่า… ก็น่าสนใจดี”
“น่าสนใจเหรอ ขั้นไหนล่ะ น่าสนใจของมึงมันน่ากลัวนะ ขนาดลากขึ้นเตียง ขย่มแล้วแยกย้าย หรือว่าอยากสานต่อ”
“ไม่รู้สิ ไปเถอะ คืนนี้กูอยากแข่งรถ อยากปลดปล่อยสักหน่อย”
“ไปสิ มัวรออะไรอยู่ล่ะ”
ภาวิชญ์ลองโทรหาอันตรา ซึ่งเธอไม่รับสายเขา ตอนแรกคิดว่าเธออาจจะไม่ได้เมมเบอร์เขาไว้ ก็เลยตัดสินใจทักแชตข้อความเข้าไป เธอเปิดอ่านแต่ก็ไม่ได้ตอบ
“อะไรวะ ไม่ใช่บล็อกฉันไปแล้วล่ะอันตรา เล่นแบบนี้ก็สนุกสิสาวน้อย เห็นเงียบ ๆ แบบนี้ เล่นลูกไม้แกล้งเมินเป็นกับเขาด้วยเหรอ”
วันถัดมา / คณะวิศวะ
“นั่นไง ไอ้ตะวันมาแล้ว”
ตะวันเดินลงจากรถ เขาเดินมาด้วยอารมณ์ที่ดีเกินเหตุ เขาถึงกับยิ้มควงกุญแจและผิวปากเข้ามา
“อารมณ์ดีอะไรวะไอ้ตะเวร”
“ฮะ! ว่ายังไงนะ ไม่ได้ยิน”
“ไอ้ฉิบหาย มึงหูดับมาหรือไง กูถามว่ามึงอารมณ์ดีอะไรมา”
“อ้อ…พอดีเหมือนมีนกหวีดลั่นอยู่ข้างหูน่ะ เลยไม่ค่อยได้ยิน พวกมึงลงมากันทำไม ไม่เรียนเหรอ”
“อาจารย์แว่นประชุม คาบนี้เลยว่าง ไอ้วิชญ์จะชวนไปแดกข้าวที่คณะอื่น ใกล้ ๆ ตึกเรียนช่วงบ่าย”
“ที่ไหนวะ หาแดกแถวนี้ไม่ได้เหรอ ขี้เกียจเดิน”
“คณะมนุษย์ฯ”
ภาวิชญ์หันไปบอกตะวัน ที่พึ่งบอกว่าขี้เกียจเรียน แต่เมื่อได้ยินว่าเป็นคณะมนุษย์ฯ เขาก็หันมายิ้ม จนภาวิชญ์จับสังเกตได้ว่า เพื่อนของเขาคงเริ่มลงมือบางอย่างแล้วแน่ ๆ
“มึงไม่ไป?”
“ไปสิ ได้ข่าวมาเหมือนกันว่า อาหารที่คณะนั้นอร่อยมาก อยากไปลองกินมานานละ”
“อะไรของมันวะ เปลี่ยนใจเร็วยิ่งกว่าเปลี่ยนสาวอีก”
ภาวิชญ์ยิ้ม หันไปตบไหล่ก้องภพ และเดินตามตะวันขึ้นตึกเรียนไป กว่าจะไปกินข้าว ก็ต้องเรียนอีกคลาสหนึ่งก่อนอยู่ดี กองทัพและก้องภพก็เก็บของ และเดินตามทั้งคู่ไปเหมือนกัน
ตอนเที่ยง โรงอาหารคณะมนุษย์
ภาวิชญ์ซื้อข้าวมาและนั่งรอ ไม่นานเป้าหมายของเขาก็เดินเข้ามา จะว่าแบบนั้นก็ไม่ใช่ เพราะตะวันเองก็มีสีหน้าดีใจ เมื่อเห็นรุ่นน้องกลุ่มนี้เดินเข้ามา วันนี้โรงอาหารคณะมนุษย์ คึกคักเป็นพิเศษเพราะพวกเขา ซึ่งพวกเธอทั้งสี่คนเองก็รู้ตัว โดยเฉพาะอันตรา ที่เลือกจะนั่งหันหลังให้เขา
“ผิดปกติจริงด้วย”
“อะไรของมึงวะ”
“ไม่มีอะไร กินข้าวเถอะ”
พรึด!
“มึงเป็นเชี่ยอะไรวะตะวัน ขำอะไรของมึง ถึงกับน้ำตาเล็ดขนาดนั้น”
“ไม่มีอะไร แค่ขำคลิปลูกแมวโมโหน่ะ”
“นี่ไอ้ภาวิชญ์มึงบอกกูหน่อยว่า ทำไมเราต้องมากินข้าวคณะมนุษย์ด้วยวะ หรือว่ามึงเกิดถูกใจสาวในคณะนี้”
“ไม่มีอะไร เห็นว่าช่วงบ่ายเราต้องไปเรียนตึกใกล้ ๆ ได้ข่าวว่าโรงอาหารนี้อาหารอร่อย ก็เลยชวนพวกมึงมา”
“เออ ก็อร่อยจริงอย่างที่มึงว่า อีกอย่างวิวแถวนี้ก็น่ามองเสียด้วยสิ"
“ไปเถอะ ใกล้ได้เวลาแล้ว”
“อ้าวอะไรวะ ไปแบบนี้เลยเหรอ ยังตกสาวไม่ได้สักคน"
“กูชวนมาแดกข้าว มึงจะมาตกสาวอะไรตอนนี้”
หลังจากคลาสเรียนนั้น ตะวันก็กลับไปเอารถที่คณะ ส่วนก้องภพกับกองทัพ แยกไปที่หอสมุด เพราะโปรเจคในส่วนที่พวกเขารับผิดชอบ ยังต้องหาข้อมูลเพิ่ม ภาวิชญ์อาศัยจังหวะนี้ ขับรถมาจอดที่หน้าคณะมนุษย์ ไม่นานอันตราก็เดินลงมา โชคดีที่เธอเดินลงมาคนเดียว เขาเลยรีบเดินไปหาเธอทันที
“จะรีบไปไหนเหรอครับคนสวย”
“รุ่นพี่”
“อะไรกัน ทำไมเรียกกันห่างเหินแบบนั้นล่ะ วันนี้ไม่ได้รีบไปไหนไม่ใช่เหรอ พี่ไปส่งดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวน”
แต่เธอคิดผิดแล้ว ตอนนี้คนรอบ ๆ เริ่มหันมามอง เพราะการปรากฎตัวของภาวิชญ์ ทำให้ทุกคนมองทั้งคู่
“เอายังไง จะยืนอยู่ตรงนี้ให้คนมองต่อ หรือจะรีบขึ้นรถไปกับพี่ แล้วหาที่คุยกัน”
“ซวยชะมัด”
“หืมม ว่ายังไงนะ”
ภาวิชญ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนเกือบติดหน้าเธอ อันตรารีบเดินขึ้นรถของเขาทันที ก่อนที่เพื่อน ๆ ของเธอจะเดินลงมา ภาวิชญ์นึกขำที่เห็นสาวเนิร์ดอย่างเธอร้อนรนจนหน้าแดง เขารีบเดินขึ้นรถและขับออกไปทันที
ร้านอาหาร
ภาวิชญ์พาอันตรา เข้ามานั่งคุยในร้านอาหาร ซึ่งร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากมหาลัยของพวกเขา
“ทำไมต้องพามาที่นี่ด้วยละคะ”
“หิวข้าวน่ะ สั่งอาหารก่อนเถอะอย่าพึ่งถาม เราต้องคุยกันยาว”
อันตราหยิบเมนูไปดูเงียบ ๆ ระหว่างที่ภาวิชญ์ สั่งอย่างคล่องแคล่ว เหมือนว่า เขาจะมาที่เป็นประจำ และหันมาถามเธอ
“เอาอะไรเพิ่มไหมครับ”
“ขอสลัดผลไม้ แล้วก็น้ำส้มปั่นค่ะ ขอบคุณ”
“กินแค่นี้เองเหรอ เอาสลัดกุ้งกรอบเพิ่มอีกที่หนึ่งด้วยครับ”
“ได้ครับ”
อันตราขมวดคิ้ว นี่เขารู้ด้วยเหรอว่าเธอชอบกินเมนูนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อเขาหันมามองหน้าเธอ อันตราก็รู้สึกว่า หน้าของเธอร้อนวูบวาบเหมือนจะมีไข้ขึ้นมา
“เป็นอะไรไป ทำไมเงียบจังเลยล่ะ ไม่คิดจะอธิบายสักหน่อยเหรอว่า ทำไมไม่รับสายพี่เลย”
“ฉันยุ่งค่ะ อีกอย่างช่วงนี้ก็มีงานเยอะ เลยไม่สะดวกคุย”
“แบบนั้นเองเหรอ ก็เลยไม่ตอบข้อความ แค่เปิดอ่านอย่างเดียว”
“ที่พามาวันนี้ อยากคุยแค่นี้เหรอคะ”
“คุณแม่พี่บอกว่า จากนี้ให้เรามาเจอกันบ่อย ๆ อีกอย่างก็ให้พี่ คอยรับส่งน้องอันกลับบ้าน”
“ว่ายังไงนะคะ”
“วันก่อนพี่ได้พบคุณน้า แม่ของอันอนุญาตแล้ว และยังบอกอีกว่า ก็ดีที่พี่คอยดูแลเรื่องรับส่งอัน เพราะคนขับรถจะได้ว่างไปทำธุระอย่างอื่น อีกอย่างท่านก็ไม่อยากให้อันขึ้นรถไฟฟ้าบ่อย ๆ สลัดกุ้งกรอบที่ชอบมาแล้ว ชอบกินแล้วทำไมไม่สั่งล่ะ”
“พี่รู้ได้ยังไง”
“เรื่องนี้ต้องให้บอกด้วยเหรอ”
อันตรามองจานสลัดกุ้งกรอบตรงหน้า ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ เขาคงถามแม่ของเธอมาสินะ ถึงได้รู้ว่าเธอชอบกินอะไร
“ไม่กินเหรอ”
“กินค่ะ”
อันตรากำลังตักกุ้งมากิน ไม่นานก็มีเด็กนักศึกษา ที่มาพร้อมกับเพื่อนของเธออีกสองคน เดินมาทักทายเขาที่โต๊ะ
“พี่ภีม มาทานข้าวเหรอคะ”
ภาวิชญ์หันไปมองครีม ด้วยสีหน้าที่รำคาญเต็มที่ จนเพื่อน ๆ ของเธอรีบถอยออกมา แต่คนที่เอ่ยทักขึ้นกลับยิ้มออกมา โดยไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขาอย่างอันตรา
“อุ๊ย! สวัสดีค่ะรุ่นพี่ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่งแล้ว จำได้ไหมคะ”
“จำไม่ได้ค่ะ ใครเหรอคะพี่ภีม”
เธอเองก็เรียกเขาว่า “พี่ภีม” เหมือนกัน เมื่อเค้กได้ยินก็สะดุด และชักสีหน้าไปทันที แต่ภาวิชญ์กลับหันมายิ้มให้เธอ
“มีธุระอะไรเหรอ ไม่เห็นเหรอว่ากำลังกินข้าวอยู่ คณะพยาบาลไม่ได้สอนวิชามารยาทมาเหรอ”
เพื่อนของครีมถอยออกไป และรีบไปหาที่นั่งทันที แต่ครีมยังเดินมาข้าง ๆ ภาวิชญ์ อันตราได้แต่นั่งมอง แต่ไม่ได้พูดอะไร ภาวิชญ์ลุกขึ้นมาและเปลี่ยนที่นั่ง มานั่งข้าง ๆ อันทันที
“พี่ภีม”
“อย่ามาเรียกฉันแบบนั้น เราไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
“เค้กไม่สนิท แต่พี่ครีมคงไม่ใช่มั้งคะ”
“เธอมาทำอะไรกันแน่”
เค้กวางกล่องของขวัญไว้บนโต๊ะ และหันมายิ้มให้เขา ซึ่งนั่งข้าง ๆ อันตรา
“พี่ครีมฝากให้เค้กเอามาให้พี่ค่ะ บอกว่าเป็นของฝากจากฝรั่งเศส”