ตอนที่ 6 เลิกวุ่นวายกับฉันเสียที!
เมื่อเธอวางลง ภาวิชญ์ก็หันไปมองเธออีกครั้ง
“เสร็จธุระแล้วนี่ ไปได้แล้วมั้ง มายืนบังโต๊ะคนอื่นทำไม”
“นี่พี่… จะไม่แกะดูหน่อยเหรอ”
“เธอเอามาให้ฉันแล้วไม่ใช่เหรอ จะทำยังไงมันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับเธอ”
“พี่ภาวิชญ์!”
“พี่ภีมคะ อันไม่อยากกินข้าวที่นี่แล้ว เราไปดูหนังกันดีกว่าค่ะ”
ภาวิชญ์หันมามองอันตรา คิดไม่ถึงว่าแม่สาวน้อยเด็กเนิร์ดคนนี้ จะฉลาดได้เรื่อง เขาอยากจะขอบใจเธอสักล้านหน ที่เธอพูดขึ้นมาเอง ภาวิชญ์หันมาโอบไหล่เธอเข้ามาทันที อันตรายิ้มแยกฟันให้
“เกินไปแล้วค่ะ แค่แสดงก็พอ มือไม่ต้อง”
“ที่รักพูดถูกเลย พี่ก็ไม่อยากกินข้าวแล้ว เอาไว้ไปหาอะไรอร่อย ๆ กินที่อื่นดีกว่า ไปจ่ายเงินแล้วไปดูหนังกัน”
“ค่ะ”
อันตรายิ้ม และหันมาบอกลาเค้กอีกครั้ง
“ไปก่อนนะคะ”
เค้กกำหมัดแน่น ภาวิชญ์เดินออกไป โดยไม่แตะกล่องของขวัญที่เธอถือมาให้เลยด้วยซ้ำ
“พี่ภาวิชญ์! นี่มันจะเกินไปหน่อยไหมคะ ของนี่พี่ครีมอุตส่าห์เอามาให้พี่นะคะ”
“แล้วยังไงล่ะ ในเมื่อให้แล้วแต่ฉันไม่อยากได้ จะทำอะไรก็สิทธิ์ของฉันแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่พอใจก็เก็บกลับไป อย่ามาวุ่นวายอีก”
“พี่ภาวิชญ์!”
ปึก!
ครีมโยนกล่องของขวัญใส่ทั้งคู่ ภาวิชญ์ยกมือขึ้นป้องกันอันตราเอาไว้ กล่องของขวัญตกพื้น ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีอะไร แต่เสียงแตกข้างใน เหมือนจะเป็นน้ำหอม ซึ่งเริ่มส่งกลิ่นออกมา
“คิดจะทำอะไร ทำร้ายร่างกายเหรอ”
“ฉัน... ฉันเปล่านะ”
“เลิกวุ่นวายกับฉันเสียที!”
กร๊อบ!!
ภาวิชญ์เดินไปเหยียบกล่องของขวัญ และเตะไปที่เท้าของเค้กอย่างไม่ใส่ใจ เค้กตกใจจนพูดไม่ออก แม้แต่อันตราเองก็ยืนนิ่ง ทั้งร้านเริ่มหันมามอง อันตราจึงรีบเดินมากระตุกแขนเสื้อเขา
“พี่ภีมคะ ไปเถอะค่ะ อย่าพึ่งมีเรื่องเลย”
อันตราเรียกสติเขา ภาวิชญ์หันมาจับมือเธอเอาไว้ เสียงของอันตราทำให้ใจเขานิ่งลง และหันมามองเค้กอีกครั้ง
“พอใจแล้วนะ ฝากบอกพี่สาวเธอด้วยว่าขอบใจ แต่ทีหลังไม่ต้อง ทางที่ดีอย่ามายุ่ง กับคนที่มีคู่หมั้นแล้วอย่างฉันจะดีกว่า ไปกันเถอะอัน พี่กินอะไรไม่ลงแล้ว”
“ค่ะ”
ภาวิชญ์มือเย็นจัดเพราะความโกรธ เขาพาอันตราเดินออกมาจากร้าน พร้อมกับยื่นธนบัตรสีเทาสองใบให้กับผู้จัดการร้าน
“ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียบรรยากาศ ถ้าไม่พอก็โทรหาผม”
“โธ่คุณลูกค้า อย่าพูดแบบนั้นสิครับ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณลูกค้าเสียหน่อย”
“ขอบคุณครับ ผมขอตัวก่อน ไปเถอะอัน”
อันตราเดินตามเข้าไปที่รถ กลิ่นน้ำหอมที่แตกฉุนจนติดจมูก เธอรู้สึกได้ว่า มันเป็นกลิ่นที่ภาวิชญ์ใช้อยู่ตลอด เพราะเคยได้กลิ่นจากเสื้อสูทของเขา นี่ก็คงเป็นน้ำหอม ที่ผู้หญิงคนนั้นเลือกให้ วันนี้เค้กจงใจให้อันตรารู้ว่า พี่สาวของเธอคือคนรักเก่าของภาวิชญ์
ห้างสรรพสินค้า
“ไปทานข้าวก่อนดีไหม แล้วค่อยไปดูหนัง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ เราแยกกันตรงนี้เถอะ”
“เดี๋ยวก่อนอันตรา นี่หมายความว่ายังไง”
อันตราหันมามองเขา และกำลังลงจากรถ ถูกภาวิชญ์ดึงเอาไว้
“ขอโทษนะคะ แต่ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาดูหนังหรือกินข้าวกับพี่ อีกอย่างถ้าพี่จะใช้ฉัน มาเป็นไม้กันหมาแบบนี้ละก็ ขอปฏิเสธค่ะ ฉันไม่ถนัดตบตี ไม่ชอบเรื่องวุ่นวายและยุ่งยาก เราพอแค่นี้เถอะค่ะ”
“อัน มันไม่ใช่แบบนั้นนะ เรื่องนี้…”
“ขอโทษค่ะ แต่ฉันไม่อยากทำให้ชีวิตยุ่งไปกว่านี้ ขอตัวก่อนค่ะ”
“เดี๋ยวก่อน อันตรา!”
ลานจอดรถในชั้นนี้ไม่ค่อยมีคน เพราะเป็นชั้นที่ติดกับโรงหนัง ซึ่งจะมีแค่คนที่ดูหนังรอบดึกเท่านั้นที่ขึ้นมาจอด อันตราเดินลงจากรถ ภาวิชญ์รีบวิ่งมาดักเธอก่อน
“อันตราฟังก่อนสิ มีเหตุผลหน่อย เรื่องวันนี้...”
“ไม่ว่าวันไหน ก็จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้วค่ะ ฉันไม่ใช่ตัวแทนของใคร หลีกไปค่ะ”
“ว่ายังไงนะ ทำไมถึงพูดแบบนี้”
“พี่เองก็รู้นี่คะ ที่ทำทั้งหมดนั่น ทั้งโรงแรมวันก่อน และในร้านอาหารในวันนี้ มันก็แค่ละครฉากใหญ่ ที่พี่อยากจะประชดคนรักเก่าเท่านั้นเอง”
“ใครบอกเรื่องนี้ หรือว่าคิดเอาเอง”
“เหอะ คิดเอาเองเหรอคะ ฉันคงไม่สามารถจินตนาการได้ขนาดนั้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้ว ตอนแรกตกลงกันดิบดีว่าจะไม่หมั้น แต่พอเจอสองคนนั้น พี่กลับบอกว่าฉันเป็นคู่หมั้น วันนี้ก็ใช้ฉันเป็นไม้กันหมา พอได้แล้วค่ะ ฉันไม่ชอบ”
“อันตรา! มันไม่ใช่แบบนั้นเลยนะ ที่พี่ทำ…”
“ไม่ว่าจะทำเพราะอะไร ฉันก็ไม่อยากฟัง ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย จนกว่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง เอาสิร้องไปเลย ถ้าร้องอีกที”
“ช่วย!!…อื้อ”
เสาที่ลานจอดรถไร้ผู้คน ถูกใช้เป็นที่กำบังอย่างดี ภาวิชญ์ดันตัวอันตราเข้าไปและกดริมฝีปากลงไปทันที ก่อนที่เธอจะได้ร้องออกมา ภาวิชญ์เองก็ตกใจที่ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้เขากำลังดึงเธอเข้ามา เพื่อไม่ให้เธอดิ้นหนีเขา ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ทำไมผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ ถึงทำให้เขาเสียความเป็นตัวเองขนาดนี้
“อื้อ…”
ลิ้นของเขาพุ่งเข้าไปในปากของเธอ อย่างเอาเป็นเอาตาย อันตรานิ่งไปแล้ว และเริ่มปล่อยให้เขาจูบไปเงียบ ๆ เธอเริ่มหวั่นไหวแล้ว และถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ มันจะยากเกินกว่าจะถอนตัว อันตราตัดสินใจ ตอนที่เขากำลังเคลิ้มและผลักเขาออกอย่างแรง
พลั่ก!
“อัน…”
เธอปาดน้ำตา และเช็ดริมฝีปาก ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้างสรรพสินค้าทันที ภาวิชญ์ถึงกับก้าวขาไม่ออก นี่เขาเห็นเธอร้องไห้ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว
“นี่ฉัน… จูบเธอเหรอ”
แต่เมื่อคิดได้ ภาวิชญ์ก็กระหน่ำโทรหาอันตรา จนเธอปิดมือถือไป เขาจนปัญญาที่จะเดินหาเธอ ในห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ขนาดนี้ให้เจอ จนยอมแพ้และเดินกลับมาที่รถ ก่อนที่ห้างดังจะปิดในเวลาสี่ทุ่ม
“ให้ตายเถอะ อย่าบอกนะว่า มึงแพ้น้ำตาผู้หญิงเนิร์ดอย่างอันตราน่ะไอ้ภีม บ้าเอ๊ย!”
แต่เขาลืมสัมผัสนุ่ม ของริมฝีปากอันตราไปไม่ได้เลย อีกอย่างที่เขาตกลงว่าจะลองดูแลเธอ ก็เพราะแม่ของเธอฝากมา ซึ่งหลายวันก่อน เขามีโอกาสได้พบกับนิลญา ที่มาพบคุณแม่ที่บริษัท
“ที่จริงคุณเสกสรรค์ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องของอัน เพราะเธอเอาแต่เรียน ถึงจะมีเพื่อนสนิท แต่ก็อยากให้อันมีคนที่ดีมาดูแล ที่จริงก่อนหน้านี้ เพื่อนสนิทข้างบ้านก็มีลูกชาย เขาทำงานอยู่ที่บริษัท "รัชชานนท์" ก็เป็นผู้ชายที่ทำงานดี แต่เขาเจ้าชู้ และมีข่าวเรื่องผู้หญิงอยู่บ่อย ๆ คุณเสกสรรค์ไม่อยากให้ทั้งคู่คบหากัน ก็เลย…"
“ผมเข้าใจแล้วครับคุณน้า ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ที่จริงน้องอันก็น่ารัก และเป็นคนดีมาก ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดที่จะต้องดูแลเธอ”
“ขอบใจมากนะภีม น้าเองก็ไม่อยากให้นนท์ มีโอกาสเข้าหาอันตรา แต่ติดที่ว่าเขาพยายามมาหลายปี ที่จะเข้าหาอัน น้าคิดว่าเขาอยากใช้อันเป็นสะพาน เพื่อก้าวขึ้นสูงกว่านั้น เขาเป็นลูกเพื่อนสนิทของคุณเสกสรรค์ จะทำอะไรก็กลัวจะเสียน้ำใจ อีกอย่างนนท์ก็ไม่ได้ผิดพลาดในเรื่องงาน ก็เลยต้องหาวิธีอื่น ภีมเข้าใจที่น้าพูดใช่ไหม”
“ครับ ผมเข้าใจ เรื่องนี้ให้ผมจัดการเองเถอะครับ ไม่ต้องห่วง”
เขานึกไปก็เผลอใช้นิ้ว วาดไปตามริมฝีปาก ที่พึ่งจูบเธอไปเมื่อกี้ หัวใจเขาเต้นแรงผิดจังหวะ เมื่ออยู่ใกล้อันตรา ซึ่งไม่เคยเป็นกับผู้หญิงคนอื่น แม้แต่มีน แฟนเก่าที่เขาเคยคบด้วยเมื่อปีก่อน ตอนที่เธอกระโดดจะมาจูบเขา ตอนนั้นเขาแทบจะวิ่งไปอาเจียนต่อหน้าเธอ วันนั้นจำได้ว่ามีนตกใจและโกรธมาก เขาตัดสินใจเลิกกับเธอทันที เพราะรู้ดีว่าจุดจบจะเป็นยังไง เลยไม่อยากเสียเวลา แต่วันนี้…
“ยังไงพรุ่งนี้จะต้องเคลียร์ให้ได้ อันตรายัยเด็กเนิร์ดตัวร้าย ทำไมถึงทำให้หัวใจปั่นป่วนได้ขนาดนี้นะ!”